แม่ท้องไตรมาสสอง ต้องบำรุงอะไรบ้าง ควรกินอะไรดี กินตามใจปากบ้างจะได้ไหม แต่ถ้ากินเยอะไปก็กลัวว่า น้ำหนักจะลงที่แม่หมด ลงที่ลูกนิดเดียวเอง วันนี้ theAsianparent Thailand พามาดู อาหารคนท้องไตรมาส 2 สารอาหารแบบไหนบำรุงร่างกายให้แข็งแรง อาหารแบบไหนที่แม่ท้องควรกิน มาดูไปพร้อมกันเลย
อาหารคนท้องไตรมาส 2 สารอาหารแบบไหนบำรุงร่างกายให้แข็งแรง
ในไตรมาสนี้คุณแม่ยังไม่มีความอยากอาหารเยอะเท่าไหร่นักค่ะ และแคลอรีที่ต้องได้รับเพิ่มขึ้นก็แค่ 300 แคลอรีเท่านั้นเอง เพียงแต่คุณแม่ต้องกินอาหารที่ดีและมีประโยชน์ให้มากขึ้น และลดอาหารจานด่วนหรืออาหารขยะลง ถ้าคุณแม่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มากเกินไป ทั้งวันควรจะกินไม่เกิน 2,200 แคลอรี
โดยสารอาหารที่ควรได้รับในไตรมาสนี้คือ ไขมันที่มาจากกรดไขมันโอเมก้า 3 แคลเซียม 1,000-1,3000 มิลลิกรัมต่อวัน วิตามิน D และเบตาแคโรทีนที่เป็นวิตามิน A ที่ปลอดภัยสำหรับคนท้องค่ะ วิตามิน C และคอลลาเจน นอกจากนี้ก็ควรกินอาหารที่มีธาตุเหล็กด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : อาหารคนท้อง ไตรมาส 2 ท้องไตรมาสสอง สารอาหารอะไรที่ให้ร่างกายแข็งแรง
-
ปลาแซลมอน (Salmon)
ในช่วงตั้งครรภ์ ไอโอดีน (Iodine) มีส่วนสำคัญในการทำให้ร่างกายของแม่ท้องแข็งแรงมาก รวมถึงในต่อมไทรอยด์ด้วย โดยในปลาแซลมอนมีบทบาทในการพัฒนาสมองและระบบประสาทของทารกก่อนคลอด และในแซลมอนเองยังอุดมไปด้วย กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยทำให้ลูกฉลาด
นอกจากนี้ประโยชน์ปลาแซลมอนต่อร่างกาย ประกอบด้วยกรดไขมัน 2 ชนิด คือ อีพีเอ (EPA) ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตัน ช่วยสร้างสารเข้าไปขยายหลอดเลือดช่วยลดการจับตัวของเกล็ดเลือด ลดการสังเคราะห์ไตรกลีเซอไรด์ ดีเอชเอ (DHA) มีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและดวงตา ซึ่งสำคัญต่อแม่ท้อง
-
หัวหอมใหญ่ (Onion)
หัวหอมใหญ่ เป็นสมุนไพรที่ดีสำหรับแม่ท้องมาก เพราะสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่พบได้ในหัวหอมใหญ่ช่วยลดการอุดตันไขมันในเส้นเลือด ลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือด การกินเป็นประจำจะทำให้หลอดเลือดแม่ท้องสะอาด และลดการแข็งตัวของหลอดเลือดได้อย่างดี
-
ทับทิม (Pomegranate)
ในช่วงตั้งครรภ์ ทับทิม ถือเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี ต่อร่างกายของคนท้อง เนื่องจากวิตามินชนิดนี้จะช่วยในการสังเคราะห์ธาตุเหล็กจากอาหารที่แม่ทานเข้าไป หากคุณแม่ทานอาหารเสริมหรืออาหารที่มีธาตุเหล็ก วิตามินซีจะช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กของร่างกาย จะทำให้ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคโลหิตจาง
และการขาดธาตุเหล็กซึ่งนำไปสู่การคลอดลูกก่อนกำหนด และเนื่องจากในทับทิมมีสารที่เรียกว่า โพแทสเซียม ที่ช่วยบรรเทาอาการเป็นตะคริวของคนท้อง อาการยอดฮิตที่แม่ท้องเจอกันบ่อย ๆ และแร่ธาตุชนิดนี้จะช่วยในการปรับสมดุลระดับของเหลวในร่างกายและกล้ามเนื้อ ทำให้อาการตะคริวลดน้อยลงไป
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินทับทิมได้ไหม กินเมล็ดทับทิมได้หรือเปล่า ลูกในท้องจะเป็นอะไรไหม
-
น้ำขิง (Ginger Tisane)
น้ำขิง จะช่วยลดอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียนได้ดี เมื่อแม่ท้องโตขึ้นจะเริ่มรู้สึกชา มีอาการบวมน้ำ น้ำขิงนี้ จะช่วยลดอาการบวมน้ำ เพราะขิงจะช่วยขับเหงื่อและน้ำออกมา ทำให้คุณแม่สามารถลดอาการดังกล่าวได้ อีกทั้งยังช่วยบำรุงเลือด แก้อาการอ่อนเพลีย และแก้อาการโลหิตจางของแม่ท้องได้ และขิง ทำให้ทารกในครรภ์มีปริมาณเลือดที่เพียงพอ เพราะขิงจะช่วยในเรื่องของการเพิ่มและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตให้กับคุณแม่เอง และทารกในครรภ์ และ ช่วยควบคุมและลดความเสี่ยงของการเกิดคอเลสเตอรอลสูงในระหว่างตั้งครรภ์
-
มันเทศ (Sweet Potato)
ในช่วงตั้งครรภ์ แม่ท้องอาจจะต้องการพลังงานมากกว่าปกติ เพราะฉะนั้นแหล่งพลังงานส่วนใหญ่จะมาจาก แป้ง ข้าว แต่แม่ท้องในช่วงไตรมาสสอง อาจจะเกิดการเบื่ออาหาร หรือ เบื่อข้าว การกินมันเทศก็จะช่วยให้พลังงานแม่ท้อง อีกทั้งมันเทศมียังรสชาติที่หวาน และเป็นอาหารที่ย่อยได้ง่าย มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก มีไฟเบอร์และกากใยอาหารเยอะ และช่วยระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูกตอนท้อง รวมถึงช่วยพัฒนาเรื่องสายตา กระดูก ผิวหนัง ของลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย
-
กล้วย (Banana)
กล้วย ถือว่าเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย และมีคุณค่า แล้วคุณประโยชน์ต่อแม่ท้องมาก ๆ โดยเฉพาะแม่ท้องที่มีอาการแพ้ท้อง และอาเจียน ถือเป็นเรื่องปกติในช่วง ไตรมาสที่สอง จองการตั้งครรภ์ กล้วยเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วย วิตามินบี 6 หรือไพริดอกซีน ( Pyridoxine ) และสารเหล่านี้ สามารถที่จะแก้อาการคลื่นไส้ และอาการแพ้ท้องได้ ดังนั้น การที่คุณแม่นั้นกินกล้วย จะช่วยเรื่องของการตั้งครรภ์ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่แนะนำสำหรับแม่ท้องเลย
รวมถึงกล้วยที่เป็นแหล่งอุดมไปด้วย วิตามินบี 6 ที่ละลายในน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนาระบบประสาทส่วนกลางของทารก การที่คุณแม่นั้นบริโภคกล้วยในช่วง ไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์นี้ จึงมีประโยชน์ต่อการพัฒนาสมอง และเส้นประสาทของลูกน้อยในครรภ์
นอกจากนี้แล้ว กล้วยยังช่วยให้คุณแม่ท้องนั้นอารมณ์ดีอีกด้วย เพราะการที่คุณแม่นั้นประทานกล้วยจะมีโปรตีนชนิดหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนความสุข เซโรโทนิน ( Serotonin ) ในสมอง และความเครียดนั้น บางครั้งก็เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านการเผาผลาญของร่างกาย ซึ่งมาจากโพแทสเซียมต่ำ ซึ่งในกล้วยนั้นจะมีโพแทสเซียมจำนวนมาก ซึ่งโพแทสเซียมในปริมาณที่เพียงพอ จะให้คุณแม่นั้นมีอาการอัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : ประโยชน์ของกล้วยกับคนท้อง สรรพคุณของกล้วย คนท้องกินกล้วยได้หรือไม่
-
โยเกิร์ต (Yogurt)
โยเกิร์ต คือผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากนม ผ่านกระบวนการหมัก ทำให้มีรสเปรี้ยว และมีลักษณะข้น จัดเป็นอาหารประเภทโพรไบโอติกที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการขับถ่ายของคุณแม่ท้องได้ดีมาก โยเกิร์ตยังช่วยดูดซึมแร่ธาตุต่าง ๆ ดีขึ้นเช่น แคลเซียม วิตามินบี ทำให้คุณแม่และเจ้าตัวน้อยในท้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ส่งผลให้มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง คนท้องกินโยเกิร์ตทุกวันดีต่อระบบขับถ่าย แก้ปัญหาที่มักมีอาการท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อในช่วงตั้งครรภ์
โพรไบโอติก (Probiotics) ในโยเกิร์ตจะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ รวมถึง ในโยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ที่จะไปทำลายเชื้อโรค ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกาย และลดโอกาสเกิดมะเร็งลำไส้ได้ และในช่วงไตรมาส 2 โยเกิร์ตมีตัวช่วยสำหรับแม่ท้องที่ดีมากคือมีแคลเซียมแบคทีเรียในโยเกิร์ตช่วยทำให้มีการดูดซึมแคลเซียมมากขึ้น นอกจากจะช่วยลดอาการเป็นตะคริวของแม่ในช่วงตั้งครรภ์แล้ว ยังช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ให้สมบูรณ์แข็งแรงด้วย
-
เชอร์รี่ (Cherry)
เชอร์รี่ เป็นผลไม้ที่เหมาะสมมากสำหรับแม่ท้องในไตรมาสที่สอง เพราะช่วยเพิ่มปริมาณเลือดในรก และ ลูกในท้อง การรับประทานเชอร์รี่ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปยังรกและทารกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นร่วมของวิตามินซี ในขณะตั้งครรภ์คุณแม่การได้รับวิตามินซีในปริมาณเพียงพอจะช่วยป้องกันโรคติดเชื้ออย่างไข้หวัด แถมเชอร์รี่ยังมาพร้อมกับเมลาโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ และเมลาโทนินนั้นยังช่วยให้คุณแม่นอนหลับตอนกลางคืนได้เป็นอย่างดี ช่วยต่อต้านความเครียดที่มีประสิทธิภาพ
-
น้ำเต้าหู้ (Soy Milk)
น้ำเต้าหู้ ทำมาจากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นถั่วเมล็ดแห้งที่มีโปรตีนสูง มีไขมันคุณภาพดี และมีกรดอะมิโนในปริมาณที่สมดุลมากกว่าถั่วชนิดอื่น นอกจากนั้นยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว รวมไปถึงสารอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ, บี, บี 1, บี 2, บี 6, บี 12, ไนอาซิน และเลซิทิน อีกทั้งน้ำเต้าหู้นั้นจะไม่มีน้ำตาลแล็กโทส (Lactose) และ กรดอะมิโนเคซีน (Casein) เหมือนในน้ำนมวัว จึงทำให้คนที่แพ้น้ำนมวัวสามารถดื่มได้โดยที่ไม่มีอาการท้องเสีย
สำหรับแม่ท้องในไตรมาสสอง น้ำเต้าหู้มีประโยชน์มากมาย น้ำเต้าหู้ก็มีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม โรคกระดูกพรุน ป้องกันท้องผูก และริดสีดวง และสารสำคัญอย่างเลซิทิน ที่มีอยู่ในถั่วเหลือง ยังช่วยบำรุงสมอง เพิ่มความจำ และยังช่วยลดไขมันในร่างกายได้อีกด้วย ยังไม่หมดเท่านี้ประโยชน์อีกอย่างของน้ำเต้าหู้ก็คือ ช่วยดูแลเนื้อเยื่อร่างกายให้เป็นปกติ ทำให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ทั้งหมดนี้คือส่วนที่แม่ได้ก็จะส่งประโยชน์ที่ลูกในท้องจะได้รับด้วย
การรับประทานอาหารในช่วงตั้งครรภ์ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่ควรใส่ใจ เพราะฉะนั้นคุณแม่อย่าลืมวางแผนเรื่องอาหารการกิน และปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเรื่องโภชนาการนะคะ นอกจากนี้ คุณแม่อย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีและพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
อาหารขยะ คนท้องกินได้ไหม? จังก์ฟู้ดปลอดภัยสำหรับคนท้องหรือเปล่า
อาหารเย็นที่คนท้องไม่ควรกิน การทำอาหารเย็นแม่ท้องต้องระวังอะไรบ้าง
อาหารแสลงคนท้อง ของแสลงคนท้อง อาหารที่คนท้องไม่ควรกิน ทำเพื่อลูกนะแม่!
ที่มา : babycentre