X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้าเข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

เนื้องอกมดลูก มีอาการอย่างไรบ้าง เรื่องควรรู้เกี่ยวกับเนื้องอกมดลูก

บทความ 5 นาที
เนื้องอกมดลูก มีอาการอย่างไรบ้าง เรื่องควรรู้เกี่ยวกับเนื้องอกมดลูก

เนื้องอกมดลูก มีอาการอย่างไร เนื้องอกมดลูกมีวิธีรักษาหรือไม่ แล้วเนื้องอกมดลูกเกิดมาจากสาเหตุอะไร และมีวิธีป้องกันการเกิดเนื้องอกมดลูกไหม มาดูกันเลย

 

เนื้องอกมดลูก

เนื้องอกในมดลูกเป็นเนื้องอกที่ไม่เป็นมะเร็งของมดลูกซึ่งมักปรากฏขึ้นในช่วงวัยเจริญพันธุ์ หรือที่เรียกว่า leiomyomas (lie-o-my-O-muhs) หรือ myomas เนื้องอกในมดลูกไม่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งมดลูกและแทบไม่เคยพัฒนาเป็นมะเร็ง เนื้องอกมีขนาดตั้งแต่ต้นกล้าที่ตามนุษย์ตรวจไม่พบ ไปจนถึงมวลขนาดใหญ่ที่สามารถบิดเบี้ยว และขยายมดลูกได้ คุณสามารถมีเนื้องอกเดียวหรือหลายเนื้องอกได้ ในกรณีที่ร้ายแรง เนื้องอกหลายตัวสามารถขยายมดลูกได้มากจนไปถึงซี่โครง และเพิ่มน้ำหนักได้

 

เนื้องอกมดลูก คืออะไร

เนื้องอกมดลูก (Uterine Fibroids) คือ เนื้องอกชนิดหนึ่งที่ไม่เป็นอันตราย และมีโอกาสที่น้อยมาก ๆ ที่จะกลายเป็นมะเร็งมดลูก

เนื้องอกชนิดหนึ่งที่ไม่เป็นอันตรายและมีโอกาสน้อยมากที่จะกลายเป็นมะเร็งมดลูก เนื้องอกชนิดนี้มักเกิดในผู้หญิงวัย 30-40 ปีไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งผู้หญิงที่มีเนื้องอกบริเวณมดลูกอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรหากไม่รับการรักษา

 

อาการของเนื้องอกมดลูก

เมื่อเกิดเนื้องอกขึ้นที่มดลูก ผู้หญิงหลายรายอาจไม่มีอาการแสดงใด ๆ แต่บางรายก็อาจมีอาการเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งลักษณะอาการขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิด ขนาด หรือจำนวนของเนื้องอก โดยอาการที่มักพบได้ มีดังนี้

  • ประจำเดือนมามากกว่าปกติ หรือมานานกว่า 1 สัปดาห์
  • รู้สึกแน่นหรือปวดบริเวณท้องน้อย
  • ท้องน้อยมีขนาดโตขึ้น
  • ปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะลำบาก
  • รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
  • ปวดหลัง หรือปวดขา
  • ท้องผูก
  • เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ คลอดบุตร หรือมีความเสี่ยงที่ทำให้ต้องผ่าคลอด
  • มีบุตรยาก แต่มักเกิดขึ้นได้น้อย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด หากมีอาการ เช่น ปวดบริเวณท้องน้อยอย่างเรื้อรัง ประจำเดือนมามากและนานกว่าปกติ เจ็บขณะมีประจำเดือน หรือมีปัญหาในการปัสสาวะ เป็นต้น และควรรีบเข้ารับการรักษาทันทีหากมีเลือดออกทางช่องคลอดอย่างผิดปกติ หรือปวดแปลบบริเวณท้องน้อยอย่างเฉียบพลัน เพราะอาจเป็นสัญญาณอันตรายของโรคที่เกี่ยวกับอุ้งเชิงกรานได้

 

เนื้องอกมดลูก

ปัจจัยเสี่ยง

มีปัจจัยเสี่ยงบางประการที่เป็นที่ทราบกันดีสำหรับเนื้องอกในมดลูก นอกเหนือจากการเป็นสตรีวัยเจริญพันธุ์ ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการพัฒนาเนื้องอก ได้แก่:

  • กรรมพันธุ์. หากแม่หรือพี่สาวของคุณมีเนื้องอก คุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นเนื้องอกมากขึ้น
  • ปัจจัยอื่นๆ. เริ่มมีประจำเดือนตั้งแต่อายุยังน้อย โรคอ้วน; การขาดวิตามินดี การรับประทานอาหารที่มีเนื้อแดงให้สูงขึ้นและผักสีเขียว ผลไม้ และผลิตภัณฑ์จากนมลดลง และการดื่มแอลกอฮอล์รวมทั้งเบียร์อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกได้

 

สาเหตุของเนื้องอกมดลูก

ปัจจุบันในทางการแพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิดเนื้องอกมดลูกได้อย่างแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจนเตอโรน เป็นต้น
  • การใช้ยา เช่น การใช้สารหรือยาบางชนิดอย่างยาคุมกำเนิด เพราะอาจเพิ่มการเจริญเติบโตของเนื้องอกมดลูกได้

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบางประการที่ทำให้ผู้หญิงเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกมดลูกมากขึ้น ได้แก่

  • กรรมพันธุ์ หากมีคนในครอบครัวเป็นเนื้องอกในมดลูก อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะนี้กับผู้หญิงคนอื่นในครอบครัวมากขึ้น
  • ความแตกต่างทางร่างกาย ผู้หญิงที่มีประจำเดือนก่อนวัย เป็นโรคอ้วน หรือขาดวิตามินดี จะมีความเสี่ยงเผชิญภาวะนี้สูงกว่าคนทั่วไป
  • พฤติกรรมการรับประทานอาหาร คนที่รับประทานเนื้อแดงมาก รับประทานผักใบเขียว ผลไม้ หรือผลิตภัณฑ์จากนมน้อย และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จะมีความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกมดลูกมากกว่าคนทั่วไปเช่นกัน

 

การรักษาเนื้องอกมดลูก

ส่วนใหญ่แล้วเนื้องอกมดลูกมักไม่มีอาการใด ๆ และอาจไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ต้องเข้ารับการตรวจติดตามอาการอยู่เสมอ และควรดูแลตัวเองด้วยวิธี ดังต่อไปนี้

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มีการศึกษาพบว่าการออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละ 7 ชั่วโมงขึ้นไปอาจช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเนื้องอกมดลูกได้
  • ป้องกันภาวะโลหิตจาง ผู้หญิงที่สูญเสียเลือดไปจากเนื้องอกมดลูกและได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพออาจก่อให้เกิดภาวะโลหิตจางได้ ดังนั้น จึงควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อลดความเสี่ยงภาวะโลหิตจาง

ในกรณีที่มีอาการ ผู้ป่วยอาจต้องได้รับการรักษา โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าวิธีการรักษาใดเหมาะสมกับผู้ป่วยมากที่สุด ซึ่งจะต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน เช่น อาการที่เกิดจากเนื้องอกมดลูก ขนาดและบริเวณที่เกิดเนื้องอก การวางแผนตั้งครรภ์ในอนาคต อายุของผู้ป่วย และภาวะหมดประจำเดือนที่อาจเกิดขึ้น เป็นต้น

โดยปัจจุบัน สามารถรักษาเนื้องอกมดลูกได้ด้วยวิธี ดังต่อไปนี้

การใช้ยา ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แพทย์จะให้ผู้ป่วยรับประทานยาแก้ปวดอย่างยาไอบูโพรเฟน ยาระงับปวดอื่น ๆ ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรือสั่งใช้ยาคุมกำเนิดในปริมาณต่ำเพื่อควบคุมอาการของเนื้องอกมดลูก แต่หากผู้ป่วยมีประจำเดือนมามากกว่าปกติ แพทย์จะแนะนำให้รับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็กเพื่อป้องกันหรือรักษาภาวะโลหิตจางด้วย

การรักษาด้วยฮอร์โมน แพทย์อาจใช้ยาฮอร์โมนโกนาโดโทรปินรีลิสซิ่งเพื่อช่วยทำให้เนื้องอกฝ่อลง ทั้งยังช่วยให้อาการต่าง ๆ บรรเทาลงได้ ทว่าการรักษาวิธีนี้จะทำให้การผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูก เกิดอาการร้อนวูบวาบ และช่องคลอดแห้งได้ อีกทั้งเนื้องอกมดลูกอาจเกิดขึ้นอีกหากหยุดรักษา ดังนั้น แพทย์จึงมักใช้วิธีนี้ในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อลดขนาดเนื้องอกมดลูกก่อนการผ่าตัด

การผ่าตัด หากผู้ป่วยมีเนื้องอกมดลูกและมีอาการอื่น ๆ ที่ค่อนข้างรุนแรงหรือมีความจำเป็นอื่น ๆ แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดรักษาเนื้องอกมดลูก เนื่องจากเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด เช่น

  • การผ่าตัดลอกเนื้องอกมดลูก (Myomectomy) เป็นการกำจัดเนื้องอกมดลูกออกโดยยังรักษาเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ ไว้ เป็นวิธีที่ใช้ในผู้ป่วยที่ต้องการตั้งครรภ์หลังจากผ่าตัดเนื้องอกมดลูกแล้ว หรือไม่ต้องการตัดมดลูกออก โดยสามารถผ่าตัดแบบส่องกล้องหรือผ่าตัดเปิดหน้าท้อง ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้วิธีการผ่าตัดโดยพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ชนิดและขนาดของเนื้องอก รวมทั้งบริเวณที่เกิดเนื้องอก เป็นต้น
  • การผ่าตัดนำมดลูกออกไป (Hysterectomy) เป็นวิธีรักษาที่มั่นใจได้ว่าจะหายขาดจากเนื้องอกมดลูก โดยมักใช้ในกรณีที่เนื้องอกมีขนาดใหญ่หรือมีเลือดออกมาก นอกจากนี้ อาจใช้วิธีนี้กับผู้ป่วยที่อยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือน ผ่านวัยทองไปแล้ว หรือไม่ต้องการตั้งครรภ์อีก ซึ่งถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่อาจผ่าตัดทางหน้าท้องหรือผ่าตัดด้วยการส่องกล้องได้ และผู้ป่วยจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการพักฟื้นหลังการผ่าตัด
  • การจี้ทำลายเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial Ablation) วิธีนี้จะช่วยลดภาวะเลือดไหลทางช่องคลอด โดยอาจจี้ด้วยเลเซอร์ ไฟฟ้า คลื่นไมโครเวฟ หรือความเย็น ซึ่งเป็นการผ่าตัดเล็ก ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็ว แต่จะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกหลังการรักษา
  • การสลายเนื้องอก เป็นการสอดเข็มและกล้องขนาดเล็กเข้าไปในมดลูก และใช้กระแสไฟฟ้าหรือความเย็นเข้าไปจี้เพื่อทำลายเนื้องอก
  • การอุดเส้นเลือดมดลูก (Uterine Fibroid Embolization: UFE) เป็นการสอดท่อขนาดเล็กเข้าไปในหลอดเลือดที่ส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงเนื้องอก จากนั้นจะฉีดพลาสติกขนาดเล็กหรือเจลบางชนิดเข้าไปในหลอดเลือด เพื่ออุดหลอดเลือดไว้ไม่ให้ส่งเลือดไปเลี้ยงเนื้องอกจนทำให้เนื้องอกฝ่อไปในที่สุด โดยวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีเลือดออกมาก มีอาการปวดหรือเกิดแรงกดที่กระเพาะปัสสาวะและทวารหนัก รวมทั้งผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดมดลูก ผลข้างเคียงของการรักษา คือ ผู้ป่วยจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก แต่การรักษานี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่ต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา

 

เนื้องอกมดลูก

บทความจากพันธมิตร
วัคซีน IPD จำเป็นที่ต้องให้ลูกรับหรือเปล่า? มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 'โรคไอพีดี' และ 'วัคซีนป้องกันโรคไอพีดี'
วัคซีน IPD จำเป็นที่ต้องให้ลูกรับหรือเปล่า? มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 'โรคไอพีดี' และ 'วัคซีนป้องกันโรคไอพีดี'
สารพัด ปัญหาของลูกน้อย ที่คุณแม่กังวลใจ ลูกงอแง ไม่สบายท้อง ท้องอืด มีผื่นคัน แก้ด้วย Little Shield
สารพัด ปัญหาของลูกน้อย ที่คุณแม่กังวลใจ ลูกงอแง ไม่สบายท้อง ท้องอืด มีผื่นคัน แก้ด้วย Little Shield
พ่อแม่เป็นภูมิแพ้ สาเหตุสำคัญของ ภูมิแพ้ในเด็ก ที่อาจถูกมองข้ามไป
พ่อแม่เป็นภูมิแพ้ สาเหตุสำคัญของ ภูมิแพ้ในเด็ก ที่อาจถูกมองข้ามไป
ปกป้องคนที่คุณรักให้ปลอดภัย ห่างไกลจาก RSV โควิด และ ฝุ่น PM 2.5 ด้วยเครื่องฟอกอากาศ Bwell
ปกป้องคนที่คุณรักให้ปลอดภัย ห่างไกลจาก RSV โควิด และ ฝุ่น PM 2.5 ด้วยเครื่องฟอกอากาศ Bwell

การตั้งครรภ์และเนื้องอก

เนื้องอกมักจะไม่รบกวนการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ที่เนื้องอก โดยเฉพาะเนื้องอกใต้เยื่อเมือก อาจทำให้มีบุตรยากหรือสูญเสียการตั้งครรภ์ เนื้องอกในมดลูกอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์บางอย่าง เช่น การหยุดชะงักของรก การจำกัดการเติบโตของทารกในครรภ์ และการคลอดก่อนกำหนด

 

การป้องกัน

แม้ว่านักวิจัยยังคงศึกษาสาเหตุของเนื้องอกในเนื้องอกต่อไป แต่ก็มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับวิธีการป้องกัน การป้องกันเนื้องอกในมดลูกอาจไม่สามารถทำได้ แต่มีเนื้องอกเหล่านี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ต้องได้รับการรักษา แต่ด้วยการเลือกวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี เช่น การรักษาน้ำหนักให้แข็งแรง และการรับประทานผักและผลไม้ คุณอาจลดความเสี่ยงของการเกิดเนื้องอกได้ นอกจากนี้ งานวิจัยบางชิ้นยังชี้ให้เห็นว่าการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดอาจสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของเนื้องอกในมดลูก

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ยารักษาโรคกระเพาะ รักษาอาการปวดท้องเหตุจากโรคกระเพาะอาหาร

ไข้หวัดนกมีอาการเป็นอย่างไร โรคไข้หวัดนกเกิดมาจากสาเหตุอะไร มีวิธีรักษาไหม

โรคหอบหืด โรคที่เกี่ยวกับระบบหายใจ อย่าปล่อยไว้ อันตรายถึงชีวิต!

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : 1 , 2

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Kittipong Phakklang

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • เนื้องอกมดลูก มีอาการอย่างไรบ้าง เรื่องควรรู้เกี่ยวกับเนื้องอกมดลูก
แชร์ :
  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ คนท้อง เป็นอย่างไร อันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์แค่ไหน?

    ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ คนท้อง เป็นอย่างไร อันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์แค่ไหน?

  • คนท้องเป็นตะคริวที่ขา เป็นตะคริวบ่อยตอนท้องปกติไหม อันตรายหรือเปล่า?

    คนท้องเป็นตะคริวที่ขา เป็นตะคริวบ่อยตอนท้องปกติไหม อันตรายหรือเปล่า?

  • 8 เคล็ดลับ! ดูแลจุดซ่อนเร้นตอนท้อง ต้องดูแลน้องสาวอย่างไร?

    8 เคล็ดลับ! ดูแลจุดซ่อนเร้นตอนท้อง ต้องดูแลน้องสาวอย่างไร?

  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ คนท้อง เป็นอย่างไร อันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์แค่ไหน?

    ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ คนท้อง เป็นอย่างไร อันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์แค่ไหน?

  • คนท้องเป็นตะคริวที่ขา เป็นตะคริวบ่อยตอนท้องปกติไหม อันตรายหรือเปล่า?

    คนท้องเป็นตะคริวที่ขา เป็นตะคริวบ่อยตอนท้องปกติไหม อันตรายหรือเปล่า?

  • 8 เคล็ดลับ! ดูแลจุดซ่อนเร้นตอนท้อง ต้องดูแลน้องสาวอย่างไร?

    8 เคล็ดลับ! ดูแลจุดซ่อนเร้นตอนท้อง ต้องดูแลน้องสาวอย่างไร?

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2023. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลทารกและสุขภาพไปให้กับคุณ