TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • TAP Awards 2025
  • อยากท้อง
  • แม่ท้อง แม่ให้นม
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการเเม่ท้อง
    • โภชนาการแม่ให้นม
    • ตั้งชื่อลูก
    • พัฒนาการสมอง
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
    • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
    • TAPpedia
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ไลฟ์สไตล์
    • ที่เที่ยว
    • ที่กิน
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • VIP

การตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิด คืออะไร จำเป็นต้องตรวจหรือไม่ ?

บทความ 5 นาที
การตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิด คืออะไร จำเป็นต้องตรวจหรือไม่ ?

เด็กส่วนใหญ่ร้อยละ 97% เกิดมามีร่างกายที่ปกติ ในขณะเดียวกันก็มีเด็กส่วนหนึ่งที่เกิดมามีความพิการแต่กำเนิด ซึ่งอาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์หรือเกิดจากการติดเชื้อ สุรา ยาบางชนิด การตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิด จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ สำหรับทารกในครรภ์ เพื่อตรวจเช็กดูว่า เด็กเสี่ยงต่อโรค Down’s syndrome หรือโรคความพิการทางสมองหรือไม่ เช่น spina bifida สำหรับการตรวจนี้ หากให้ผลบวกเป็นการชี้ว่าเด็กทารกมีความเสี่ยงต่อการเกิดความพิการ จึงจำเป็นต้องเพิ่มเพื่อยืนยันการวินิจฉัย เพราะที่ผ่านมาก็มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยให้ผลบวกแต่เด็กเกิดมาปกติ

 

ใครควรได้รับ การตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิด

สำหรับการตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิดนั้น คุณแม่ที่ควรตรวจมากที่สุด ได้แก่

  • คุณแม่ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
  • มีประวัติครอบครัวคลอดพิการแต่กำเนิด
  • เคยผ่านการคลอดเด็กพิการแต่กำเนิดมาก่อน
  • ใช้ยาบางชนิดในขณะที่กำลังตั้งครรภ์
  • เป็นเบาหวานชนิดที่ 1

 

การตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิด

 

วิธีการตรวจมีทั้งหมดกี่วิธี

1. Human chrorionic gonadotropin

ค่า hCG ก็คือค่าของฮอร์โมนผู้ตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกิดขึ้นเฉพาะตอนที่ตั้งครรภ์เท่านั้น เพราะส่วนประกอบที่สำคัญมาจากเซลล์รกของทารกนั่นเองค่ะ ซึ่งปกติแล้วฮอร์โมนชนิดนี้จะถูกผลิตหลังอสุจิและไข่ปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนได้ประมาณ 11-14 วัน โดยการตรวจเพื่อหาความพิการของทารกในครรภ์นั้น สามารถตรวจพบได้ทั้งในเลือดและปัสสาวะ แล้วค่าฮอร์โมนจะสูงในคุณแม่ที่มีครรภ์แฝด ผู้ป่วย down syndrome และถ้าพบว่ามีฮอร์โมนในระดับที่สูงมาก ๆ ก็ต้องตรวจชนิดอื่น เพื่อยืนยันผลการวินิจฉัย

 

2. alfa-Fetoprotein (AFP)

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ระดับ Alpha – fetoprotein (AFP) เลือดของคุณแม่จะสามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 7 สัปดาห์ และจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนสูงสุดเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 28-32 สัปดาห์ หากพบว่าทารกมีความผิดปกติของสมอง (Neural tube defect) จะตรวจพบ AFP ในเลือดของคุณแม่และในน้ำคร่ำสูงกว่าปกติ 2-3.5 เท่าเลยค่ะ

 

3. Triple screening test

การตรวจ triple test จะเป็นการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น เพื่อบอกว่าทารกจะมีความเสี่ยงของพิการแต่กำเนิดหรือไม่ หากผลออกมาว่าผิดปกติ อาจจะต้องตรวจซ้ำ และทำ ultrasound ซึ่งหากยังผิดปกติอยู่ ทีมแพทย์จะต้องทำการเจาะน้ำคร่ำมาตรวจทางพันธุกรรม

 

4. การตรวจ ultrasound

การตรวจ ultrasound ทำให้เราเห็นภาพหัวใจเด็กเต้น เห็นการเคลื่อนไหวของแขน ขา และยังติดตามการพัฒนาของทารกได้ รวมไปจนถึงตำแหน่งของทารกและตำแหน่งของรกที่อยู่ในท้องคุณแม่

 

5. การตรวจโรคเบาหวานในขณะตั้งครรภ์

ในกรณีที่ตรวจพบว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงเป็นเบาหวานช่วงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ แพทย์จะให้ผู้ป่วยทดสอบความทนทานต่อน้ำตาล โดยให้ตรวจเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาลหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง แล้วให้ดื่มสารละลายกลูโคสเพื่อตรวจเลือดซ้ำอีก 2-3 ครั้งใน 2 ชั่วโมง หากตรวจแล้วพบว่าเป็นเบาหวานจะต้องเข้ารับการตรวจบ่อยครั้งขึ้น ยิ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ทีมแพทย์จะเฝ้าควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในแต่ละวันให้ด้วยค่ะ

 

6. การเจาะน้ำคร่ำ

หากมีปริมาณน้ำคร่ำเกินปกติจะเรียกว่า Polyhydraminos ซึ่งเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แฝด หรืออาจเกิดจากความพิการแต่กำเนิดของทารก และถ้าเกิดว่าตรวจแล้วมีปริมาณน้ำคร่ำน้อยกว่าปกติเรียกว่า Oligohydraminos ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ทารกไม่เจริญเติบโตตามปกติค่ะ

 

การตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิด

 

7. การตรวจ CVS

การตรวจ CVS เป็นการเจาะชิ้นเนื้อรก เพื่อนำมาตรวจวินิจฉัยโรคของทารกในครรภ์ว่ามีความผิดปกติอะไรหรือไม่ โดยมีข้อบ่งชี้หลัก 2 ข้อ ได้แก่ Fetal karyotyping และ DNA analysis for single gene defects

บทความที่เกี่ยวข้อง : ไม่อยากให้ลูกในท้องพิการ ต้องอ่านนะ ลูกพิการแต่กำเนิด สาเหตุเพราะอะไร?

 

โรคพิการแต่กำเนิดที่มักเกิดกับทารกแรกเกิด

โรคพิการแต่กำเนิด เป็นความผิดปกติของส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งเกิดจากการเจริญผิดปกติของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ สำหรับโรคที่มักพบได้บ่อย ๆ คือ

 

1. โรคหลอดประสาทไม่ปิด

เป็นภาวะสมองสร้างไม่สมบูรณ์ ซึ่งร้อยละ 90 ของทารกมีชีวิตเกิน 1 ปี เนื่องจากได้รับการผ่าตัดแก้ไขเรียบร้อยแล้ว และร้อยละ 75 มีชีวิตจนเป็นผู้ใหญ่เลยค่ะ แต่จะพิการขาทั้งสองข้าง และระบบทางเดินปัสสาวะ อุจจาระทำงานบกพร่อง รวมไปจนถึงความพิการทางสมองด้วย

 

2. โรคปากแหว่งเพดานโหว่

อีกหนึ่งโรคที่พบเจอได้บ่อยมาก ๆ ก็คือ โรคปากแหว่งเพดานโหว่ เป็นความพิการของส่วนศีรษะและใบหน้า ซึ่งสาเหตุของโรคนี้เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม และภาวะขาดสารของคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ ทำให้ทารกมีปัญหาการดูดกลืนอาหาร เจริญเติบโตช้า รวมไปจนถึงปัญหาด้านการสื่อสาร

 

3. โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

ภาวะที่มีความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จึงทำให้เลือดดำปนอยู่ในเลือดแดงด้วย การรักษาและการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงแตกต่างกัน โดยตรวจเช็กเป็นรายบุคคล

 

การตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิด

 

4. แขนขาพิการ

การผิดปกติในช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก เนื่องจากคุณแม่ไม่ได้วิตามิน โฟลิก หรือ กินอาหารที่มีโฟเลตเพียงพอ จึงทำให้เกิดความผิดพลาดตอนที่มีการปฏิสนธิ ซึ่งทารกจะแสดงอาการให้เห็นตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์เลยค่ะ

 

5. กลุ่มอาการดาวน์ หรือ ดาวน์ซินโดรม

ความผิดปกติของโครโมโซม โดยในคนปกติจะมีอยู่ทั้งหมด 46 โครโมโซม แต่โรคดังกล่าวมีเพียง 47 โครโมโซม โดยจะพบได้บ่อยจากคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งนอกเหนือจากทำให้กล้ามเนื้อที่อ่อนแรงแล้ว มักจะมีโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดร่วมด้วย ทั้งยังพัฒนาการทางสมองล่าช้าอีกด้วย

 

การป้องกันความพิการแต่กำเนิด คุณแม่สามารถกินวิตามินโฟลิกก่อนตั้งครรภ์ 3 เดือนได้เลยนะคะ และกินหลังจากตั้งครรภ์ต่อเนื่องไปอีก 3 เดือน ควบคู่กับ ไอโอดีนและธาตุเหล็ก เพื่อให้ทารกในครรภ์ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังมีอาหารที่ประกอบด้วยสารโฟเลตอย่างพวกไข่แดง ตับ ผักใบเขียวต่าง ๆ อีกด้วยค่ะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

5 วิธีเช็กความสมบูรณ์ของลูกในท้อง

โครโมโซมผิดปกติ อันตรายต่อทารกในครรภ์มากน้อยแค่ไหน คุณแม่ควรรู้!

ตรวจดาวน์ซินโดรม ต้องตรวจตอนอายุครรภ์เท่าไหร่? ตรวจได้ด้วยวิธีใดบ้าง?

ที่มา : Bdr.kku.ac.th, Siamhealth, Rakluke

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

supasini hangnak

  • หน้าแรก
  • /
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • /
  • การตรวจเลือดเพื่อหาความพิการแต่กำเนิด คืออะไร จำเป็นต้องตรวจหรือไม่ ?
แชร์ :
  • สุดยอดตัวช่วยลูกรัก! Master Rabbit Iron With Folic + Vit D  คว้ารางวัล 'Parents' Choice Best Kids Supplemental' จาก theAsianparent Awards 2025
    บทความจากพันธมิตร

    สุดยอดตัวช่วยลูกรัก! Master Rabbit Iron With Folic + Vit D คว้ารางวัล 'Parents' Choice Best Kids Supplemental' จาก theAsianparent Awards 2025

  • สูตรลับลูกแข็งแรง! มาสเตอร์แรบบิท ไอรอน วิท โฟลิค พลัส วิตดี ฟอส "ไอเทมดูแลสุขภาพลูก" ที่แม่ยุคใหม่ต้องมีติดบ้าน
    บทความจากพันธมิตร

    สูตรลับลูกแข็งแรง! มาสเตอร์แรบบิท ไอรอน วิท โฟลิค พลัส วิตดี ฟอส "ไอเทมดูแลสุขภาพลูก" ที่แม่ยุคใหม่ต้องมีติดบ้าน

  • Master Rabbit Propolis Spray สเปรย์โพรโพลิสสำหรับเด็ก  คว้ารางวัล 'Proudly Local' จาก theAsianparent Awards 2025
    บทความจากพันธมิตร

    Master Rabbit Propolis Spray สเปรย์โพรโพลิสสำหรับเด็ก คว้ารางวัล 'Proudly Local' จาก theAsianparent Awards 2025

  • สุดยอดตัวช่วยลูกรัก! Master Rabbit Iron With Folic + Vit D  คว้ารางวัล 'Parents' Choice Best Kids Supplemental' จาก theAsianparent Awards 2025
    บทความจากพันธมิตร

    สุดยอดตัวช่วยลูกรัก! Master Rabbit Iron With Folic + Vit D คว้ารางวัล 'Parents' Choice Best Kids Supplemental' จาก theAsianparent Awards 2025

  • สูตรลับลูกแข็งแรง! มาสเตอร์แรบบิท ไอรอน วิท โฟลิค พลัส วิตดี ฟอส "ไอเทมดูแลสุขภาพลูก" ที่แม่ยุคใหม่ต้องมีติดบ้าน
    บทความจากพันธมิตร

    สูตรลับลูกแข็งแรง! มาสเตอร์แรบบิท ไอรอน วิท โฟลิค พลัส วิตดี ฟอส "ไอเทมดูแลสุขภาพลูก" ที่แม่ยุคใหม่ต้องมีติดบ้าน

  • Master Rabbit Propolis Spray สเปรย์โพรโพลิสสำหรับเด็ก  คว้ารางวัล 'Proudly Local' จาก theAsianparent Awards 2025
    บทความจากพันธมิตร

    Master Rabbit Propolis Spray สเปรย์โพรโพลิสสำหรับเด็ก คว้ารางวัล 'Proudly Local' จาก theAsianparent Awards 2025

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว