เมื่อลูกน้อยของคุณเริ่มแสดงอาการเถียงเก่ง ปฏิเสธทุกอย่าง ต่อรองไม่เลิก และแสดงอารมณ์อย่างชัดเจน นั่นไม่ใช่สัญญาณว่าคุณกำลังเลี้ยงลูกผิดวิธี แต่เป็นสัญญาณของพัฒนาการตามวัยที่เรียกว่า “วัยสร้างตัวตน” หรือที่หลายคนเรียกว่า “วัยทอง 2-3 ขวบ” ซึ่งเป็นช่วงสำคัญในการพัฒนาความเป็นตัวของตัวเองและความเป็นอิสระ
เมื่อลูกเริ่ม “ไม่” ทุกอย่าง – พัฒนาการตามวัยที่น่าสนใจ
วัยทอง 2-3 ขวบ เด็กจะเริ่มค้นพบคำว่า “ไม่” และใช้มันอย่างเต็มที่ พวกเขากำลังเรียนรู้ว่าตัวเองเป็นบุคคลแยกออกมาจากพ่อแม่ และมีความคิด ความต้องการเป็นของตัวเอง การที่ลูกของคุณเริ่มแสดงความคิดเห็น ต่อต้าน หรือแม้แต่โวยวายเมื่อไม่ได้ดั่งใจ จึงเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการทางจิตใจและอารมณ์ที่สำคัญ นักจิตวิทยาพัฒนาการอธิบายว่า ช่วงวัยนี้เด็กกำลังพัฒนา “ความเป็นตัวของตัวเอง” (Autonomy) ตามทฤษฎีของอีริคสัน เด็กวัยนี้กำลังอยู่ในขั้นพัฒนาการที่เรียกว่า “Autonomy vs. Shame and Doubt” ซึ่งเป็นช่วงที่พวกเขาต้องการทดสอบขอบเขต ทดลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง และแสดงความเป็นอิสระ
วัยทอง 2-3 ขวบ พฤติกรรมที่พบบ่อย และทำไมจึงเป็นเรื่องปกติ?
-
การเถียงและปฏิเสธ
เมื่อคุณบอกให้ลูกทำอะไร และเขาตอบกลับมาทันทีว่า “ไม่เอา” นี่เป็นวิธีที่เขากำลังทดสอบความสามารถในการควบคุมสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมรอบตัว การปฏิเสธไม่ได้หมายความว่า เขากำลังท้าทายคุณโดยตรง แต่เป็นการแสดงออกถึงความต้องการที่จะมีทางเลือกและการตัดสินใจด้วยตนเอง
-
การต่อรองเก่ง
“หนูจะกินผักถ้าได้กินไอศกรีม” หรือ “หนูจะอาบน้ำถ้าเล่นของเล่นในอ่างได้” การต่อรองแบบนี้แสดงให้เห็นว่าลูกของคุณกำลังพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา เขากำลังคิดหาวิธีที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับอนาคต
-
แสดงอารมณ์ชัดเจน
อารมณ์ที่แปรปรวนและรุนแรงเป็นเรื่องปกติในวัยนี้ เนื่องจากสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ในขณะที่พวกเขามีความรู้สึกรุนแรง แต่ยังไม่มีคำศัพท์หรือทักษะในการจัดการกับอารมณ์เหล่านั้น การระเบิดอารมณ์จึงเป็นการระบายความรู้สึกที่พวกเขายังไม่สามารถสื่อสารออกมาในรูปแบบอื่นได้
-
การต่อต้านกฎเกณฑ์
การท้าทายกฎและข้อบังคับเป็นวิธีที่เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับขอบเขตและผลที่ตามมาของการกระทำ การที่ลูกของคุณท้าทายกฎอย่างสม่ำเสมอไม่ได้หมายความว่า เขาจะเป็นเด็กดื้อไปตลอด แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ว่าสังคมมีกฎเกณฑ์อย่างไร

เมื่อแม่เริ่มไม่ไหว ทำอย่างไรถึงจะไปรอด?
แน่นอนว่าการเลี้ยงเด็กในวัยนี้อาจทำให้คุณแม่รู้สึกเหนื่อยล้า หมดความอดทน หรือแม้กระทั่งรู้สึกผิดเมื่อไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ นี่คือกลยุทธ์บางอย่างที่อาจช่วยให้คุณจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ได้ดีขึ้น
-
มองการต่อต้านในแง่บวก
ลองเปลี่ยนมุมมองและมองว่าการที่ลูกแสดงความเป็นตัวของตัวเองเป็นสัญญาณที่ดีของพัฒนาการ เด็กที่กล้าแสดงความคิดเห็น กล้าเถียง กล้าปฏิเสธ กำลังพัฒนาความมั่นใจในตนเองและการคิดอย่างเป็นอิสระ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่จะช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จในอนาคต
-
ให้ทางเลือกที่มีขอบเขต
แทนที่จะบังคับให้ลูกทำตามคำสั่ง ลองให้ทางเลือกแก่พวกเขา เช่น “หนูจะใส่เสื้อสีแดงหรือสีน้ำเงินดี?” หรือ “หนูจะแปรงฟันก่อนอาบน้ำ หรืออาบน้ำก่อนแปรงฟันดี?” การให้ทางเลือกช่วยให้เด็กรู้สึกว่าพวกเขามีอำนาจในการตัดสินใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังอยู่ในขอบเขตที่คุณกำหนด
-
สร้างกิจวัตรที่แน่นอน
เด็กในวัยนี้ต้องการความมั่นคงและความสม่ำเสมอ การมีกิจวัตรประจำวันที่ชัดเจนจะช่วยให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ซึ่งอาจลดการต่อต้านในบางสถานการณ์
-
ให้เวลากับการเปลี่ยนผ่าน
การเปลี่ยนจากกิจกรรมหนึ่งไปสู่อีกกิจกรรมหนึ่งอาจเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กวัยนี้ การเตือนล่วงหน้าเช่น “อีก 5 นาทีจะต้องเก็บของเล่นนะ” หรือ “หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ เราจะต้องไปแปรงฟันแล้ว” จะช่วยให้พวกเขาเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น
-
ยอมรับอารมณ์ แต่กำหนดขอบเขตพฤติกรรม
เมื่อลูกแสดงอารมณ์รุนแรง ให้ยอมรับความรู้สึกของพวกเขา แต่กำหนดขอบเขตของพฤติกรรม เช่น “แม่เข้าใจว่าหนูโกรธที่ต้องกลับบ้าน แต่การโยนของเล่นไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมในการแสดงความโกรธ” การสอนให้เด็กรู้จักแยกแยะระหว่างความรู้สึกและการกระทำเป็นทักษะสำคัญในการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์
-
หาเวลาดูแลตัวเอง
การดูแลเด็กในวัยนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายและอาจทำให้คุณแม่รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ อย่าลืมหาเวลาดูแลตัวเองบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ หรือพบปะเพื่อนฝูง การดูแลสุขภาพจิตของตัวเองจะช่วยให้คุณมีพลังในการดูแลลูกได้ดีขึ้น

ทำไมช่วงวัยนี้จึงสำคัญต่อพัฒนาการในระยะยาว?
แม้ว่าช่วงวัยนี้อาจเป็นช่วงที่ท้าทายสำหรับพ่อแม่ แต่มันเป็นช่วงสำคัญในการวางรากฐานทางจิตใจและอารมณ์ของเด็ก การที่เด็กได้เรียนรู้ที่จะแสดงความคิดเห็น ต่อรอง และจัดการกับอารมณ์ของตัวเองภายใต้สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีการสนับสนุน จะช่วยพัฒนาทักษะสำคัญหลายอย่าง
-
ความเชื่อมั่นในตนเอง
เมื่อเด็กได้รับโอกาสให้แสดงความคิดเห็นและตัดสินใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกเขาจะพัฒนาความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง ซึ่งจะติดตัวไปจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่
-
ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา
การต่อรองและการเจรจาเป็นทักษะพื้นฐานของการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา เด็กที่ได้ฝึกฝนทักษะเหล่านี้ตั้งแต่เล็กจะมีความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์และหาทางออกที่สร้างสรรค์
-
ความฉลาดทางอารมณ์
การเรียนรู้ที่จะระบุและจัดการกับอารมณ์ของตนเองเป็นทักษะสำคัญของความฉลาดทางอารมณ์ เด็กที่ได้รับการช่วยเหลือให้เข้าใจและจัดการกับอารมณ์ของตนเองจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและจัดการกับความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
ความยืดหยุ่นทางจิตใจ
การเรียนรู้ว่าไม่สามารถได้ทุกอย่างตามที่ต้องการเสมอไป แต่สามารถหาทางออกหรือยอมรับสถานการณ์ได้ เป็นการพัฒนาความยืดหยุ่นทางจิตใจ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญในการรับมือกับความท้าทายในชีวิต

เมื่อไรที่ควรกังวล?
แม้ว่าการต่อต้าน เถียง และแสดงอารมณ์จะเป็นเรื่องปกติในวัยนี้ แต่มีบางสัญญาณที่อาจแสดงถึงปัญหาที่ควรได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติม
-
พฤติกรรมก้าวร้าวที่รุนแรงหรือเกิดขึ้นเป็นประจำ
หากลูกมีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง ผู้อื่น หรือสัตว์อย่างรุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
-
การระเบิดอารมณ์ที่ยาวนานผิดปกติ
หากลูกมีอาการโวยวาย (Tantrum) ที่ยาวนานกว่า 25 นาทีเป็นประจำ หรือเกิดขึ้นหลายครั้งในแต่ละวัน อาจเป็นสัญญาณของความยากลำบากในการควบคุมอารมณ์
-
ความกังวลหรือกลัวมากเกินไป
หากลูกแสดงอาการกังวลหรือกลัวมากผิดปกติ จนส่งผลกระทบต่อกิจวัตรประจำวันหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติทางอารมณ์
-
พัฒนาการล่าช้าในด้านอื่นๆ
หากลูกมีพัฒนาการล่าช้าในด้านอื่นๆ เช่น การพูด การเคลื่อนไหว หรือทักษะทางสังคม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก
วัยแห่งการสร้างตัวตนที่คุณแม่ควรภูมิใจ
การเลี้ยงดูเด็กในช่วงวัย 2-3 ปีอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย และบางครั้งอาจทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยหรือเครียดได้ แต่การเข้าใจว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการตามวัยที่สำคัญ จะช่วยให้คุณมองสถานการณ์ในมุมที่แตกต่างออกไป
การที่ลูกของคุณเริ่มโต้แย้ง ปฏิเสธ ต่อรอง หรือแสดงอารมณ์อย่างชัดเจน ไม่ได้หมายความว่าคุณล้มเหลวในฐานะพ่อแม่ แต่เป็นสัญญาณว่าลูกของคุณกำลังพัฒนาเป็นบุคคลที่มีความคิดเป็นของตัวเอง มีความมั่นใจที่จะแสดงความคิดเห็น และกำลังเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์ของตนเอง
การสนับสนุนพัฒนาการในช่วงวัยนี้ด้วยความเข้าใจ ความอดทน และความรัก จะช่วยให้ลูกของคุณเติบโตเป็นเด็กที่มั่นใจ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีทักษะทางอารมณ์ที่ดี ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับความสำเร็จในอนาคต ดังนั้น ในวันที่คุณรู้สึกเหนื่อยใจกับพฤติกรรมของลูก ลองหายใจลึกๆ และเตือนตัวเองว่า นี่คือช่วงเวลาสำคัญในการพัฒนาตัวตนของเขา และคุณกำลังทำหน้าที่ของคุณแม่อย่างดีที่สุดแล้ว
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ลูกดื้อมาก ไม่เชื่อฟัง ทำไงดี? เทคนิคปรับพฤติกรรมเด็กดื้อ อย่างเหมาะสม
10 วิธีเด็ดรับมือ วัยต่อต้าน ปราบลูกดื้อด้วยความเข้าใจ
20 กิจกรรมพัฒนาสมองลูกน้อย ปลดล็อคพลังสมองลูกวัยเตาะแตะ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!