คุณพ่อคุณแม่จะ สอนให้ลูกเป็นเด็กดีโดยไม่ต้องว่า หรือด่าลูก อย่างไรดี
เชื่อว่าพ่อแม่ต่างก็อยาก สอนให้ลูกเป็นเด็กดีโดยไม่ต้องว่า
International Parenting Network (IPN) ได้จัดการบรรยายพูดคุยกันเรื่องการสอนลูกให้เป็นเด็กดีโดยที่ไม่ต้องว่ากล่าวมากมาย โดยไมเคิล เฮิร์ช (Michael Hirsch) หัวหน้าครูมัธยมของ KIS International School ในกรุงเทพฯ เรามาลองดูว่า ครูนานาชาติเขาสอนเด็กกันยังไงบ้าง พ่อแม่อย่างเราก็จะได้ปรับใช้ตามไปด้วย
ทำดีให้ลูกดู
สิ่งแรกที่สำคัญมากเลยคือ คุณต้องเป็นคนดี ทำดีให้ลูกดู คุณเป็นคนยังไง ลูกก็จะเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ ถ้าไม่อยากให้ลูกดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือ พูดคำหยาบ คุณเองก็ต้องงดเรื่องนั้น ๆ ด้วย ช่วงแรก ๆ อาจจะยากหน่อย แต่เพื่อลูก พ่อแม่อย่างเราก็จำเป็นต้องปรับตัวเราล่ะ
เข้าใจธรรมชาติของเด็ก
เด็กอายุน้อย ทำอะไรจะไม่ค่อยได้คิดหน้าคิดหลัง และ ไม่ค่อยได้คิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาเหมือนผู้ใหญ่เรา ความสามารถในการคิดถึงผลลัพธ์การกระทำและเหตุผลต่าง ๆ จะค่อย ๆ พัฒนาเมื่อเด็กโตขึ้น บางคนค่อยหัดคิดหน้าคิดหลังได้เมื่ออายุ 25 ปีไปแล้วนู่น คุณลองคิดดูสิ เมื่อตอนคุณเป็นวัยรุ่นเคยทำอะไรที่เรียกว่า “โง่ ๆ” ไปเยอะขนาดไหน แล้วทำไมลูกคุณจะไม่มีอย่างนั้นบ้าง
อย่าคาดหวังสูงเกินไป
หลายครอบครัวตั้งความหวังจากลูกไว้สูงเกินไป ไม่ว่าจะเลี้ยงยังไง เด็กก็ไม่สมบูรณ์แบบได้หรอก ก็อย่างที่เราเคยได้ยิน “ไม่มีใครจะดีทุกอย่างหรอก” เมื่อลูกทำผิดพลาด หรือดื้อบ้าง อยากลองอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังบ้าง เรียนไม่เก่งบ้าง ก็อย่าไปคิดมาก ถ้าลูกต้องเรียนซ้ำชั้น ก็คิดว่าลูกได้รับการลงโทษแล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปว่ากล่าวซ้ำเติมลูกอีก ซ้ำชั้นก็ซ้ำไป ลูกจะเข้ามหาวิทยาลัยตอนอายุ 19 แทนที่จะเข้าตอนอายุ 18 แค่นั้นเอง สิ่งที่เราต้องคิดคือ ทำอย่างไรกับอนาคตให้ลูกเรียนดีขึ้น ดูว่าเหตุผลที่ลูกเรียนแย่เป็นเพราะอะไร และบอกลูกว่า “ไม่เป็นไร ยังไงพ่อแม่ก็จะอยู่ข้างลูกเสมอ” แทนที่จะไปนั่งซ้ำเติมอดีตลูก และเราก็ไม่ควรจะพูดถึงเรื่องนี้อีกให้ลูกขาดความมั่นใจกว่าเดิม
ควบคุมอารมณ์ของเราก่อน
เมื่อลูกทำผิด ก่อนอื่นเลยต้องตั้งสติและพยายามระงับความโกรธเราก่อน หายใจลึก ๆ โดยคิดไว้ก่อนเลยว่าเด็กทำผิดเพราะมันเป็นไปตามธรรมชาติของเขา หรือเป็นเพราะเหตุผลอะไร เราควรถามลูกด้วยคำถามปลายเปิดว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น และคิดว่าทำไปแล้วได้อะไร ตอนนี้ได้เรียนรู้อะไรไปบ้าง เพื่อให้ลูกได้พิจารณาการกระทำของตัวเอง การตะคอกใส่ลูกทันทีอาจทำให้ลูกคิดว่าคุณเห็นเขาเป็นคนไม่ดีหรือโง่ ซึ่งยิ่งจะทำให้แย่กว่าเดิม “คนดีก็ทำเรื่องไม่ดีได้ และคนฉลาดก็ทำเรื่องโง่ ๆ ได้เช่นกัน” คุณไมเคิลพูดเอาไว้
พ่อแม่ควรควบอารมณ์ตัวเองให้ดี อย่าใช้อารมณ์ หรือตะคอก เพื่อสอนลูก
ทำให้สม่ำเสมอ
เมื่อลูกทำผิด เราก็บอกกล่าวว่าลูกควรปรับปรุงยังไง เมื่อลูกทำดี เราก็ควรให้รางวัล ให้เหมาะสมตามอายุของลูก ควรทำอย่างนี้ทุกครั้ง ไม่ควรปล่อยให้บางทีลูกทำผิดก็ว่ากล่าวทำโทษ บางทีก็ไม่ว่าอะไร บางทีลูกทำดี คุณให้รางวัล แต่บางทีก็ไม่ให้ ทำให้ลูกไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันดีหรือเปล่า
ทำโทษ/ให้รางวัลในปริมาณที่เหมาะสม
พ่อแม่ควรจะรู้ว่าลูกชอบไม่ชอบอะไร มีความอดทนมากน้อยแค่ไหน การทำโทษควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น ถ้าลูกไม่อยากกินข้าวเย็น คุณอาจจะบอกลูกว่า “ได้ไม่เป็นไร แต่ก็ไม่มีขนมหรืออะไรอย่างอื่นให้กินนะ ถ้าหิวก็มากินข้าวเย็นละกัน” เป็นการเผื่อไว้หากลูกหิวมาก จะได้ยังหาข้าวเย็นทานได้อยู่ ไม่ถึงกับให้ลูกอดอาหารมื้อนั้นไปเลย โดยเฉพาะหากลูกยังเป็นเด็กน้อยอยู่ การให้ลูกอดข้าวอาจจะเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไป
ควรทำโทษลูกบ้าง แต่ทำในปริมาณที่เหมาะสม ไม่รุนแรงจนเกินไป
การให้รางวัลหรือว่ากล่าวทำโทษ นอกจากจะต้องอยู่ให้ความเหมาะสมกับอายุของลูกแล้ว ยังต้องกระทำทันทีที่ลูกทำผิดหรือทำดี เด็กจะรับรู้ได้เร็วว่าสิ่งที่เขาทำนั้นดีหรือไม่ดี ไม่ควรปล่อยให้ลูกทำผิดข้ามวันไปแล้ว แล้วค่อยมาทำโทษทีหลัง
Michael Hirsch เป็น Secondary School Principal ที่ KIS International School สอนที่ KIS มา 8 ปี และอยู่เมืองไทยมา 10 ปีแล้ว เป็นสมาชิก Council of International Schools
จบการศึกษาระดับปริญญาโทด้าน Education จาก Framingham State College และปริญญาโท ด้าน Secondary School Administration จาก Michigan State University
ด้านครอบครัว แต่งงานกับชาวไต้หวัน ตอนนี้มีลูกสองคน ลูกสาวอายุ 4 ขวบ และลูกชายอายุ 1 ขวบ
พ่อแม่ที่อยากหาเครือข่ายผู้ปกครอง เพื่อช่วยพัฒนาการเลี้ยงลูกของตัวเองและพบปะพ่อแม่คนอื่น ๆ สามารถเข้าไปหากิจกรรมและเข้าร่วมเป็นสมาชิกกับ International Parenting Network (IPN) ได้ที่ ipnthailand.com
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพ และ สังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และ เอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่ และ เด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และ ผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และ สื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่ และ เด็ก โภชนาการแม่ และ เด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และ จิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้ และ มีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “ พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง ”
source หรือ บทความอ้างอิง : drbeurkens.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
สอนลูกกินด้วยตัวเอง
ประโยชน์ของการนั่งสมาธิของเด็กๆ
นิทานสอนเด็ก คติสอนใจ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!