
วิธีดูแลเมื่อลูกเป็นหวัด
ลูกมีน้ํามูก แต่ไม่มีไข้
ที่ได้ชื่อว่า "โรคไข้หวัดธรรมดา" นั้นเป็นเพราะสามารถพบเห็นได้ทั่วไปเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ทุกคนมีโอกาสเป็นหวัดทั้งนั้น ไม่ว่าลูกจะล้างมือบ่อยแค่ไหน คุณขยันให้ลูกทานวิตามินเสริมและหมั่นให้ลูกแต่งตัวอบอุ่นเพียงใด ลูกก็ยังเป็นหวัดได้อยู่ดี แต่คุณพ่อคุณแม่ยังมีหนทาง วิธีดูแลเมื่อลูกเป็นหวัด จะช่วยบรรเทาอาการหวัดให้ลูกหายขาดเร็วขึ้นค่ะ
"ไข้หวัดธรรมดา" คืออะไรกันแน่
โรคหวัดเกิดจากเชื้อไวรัสที่ติดต่อกันได้ง่ายมาก เชื้อเหล่านี้กระจายอยู่ในอากาศเมื่อผู้ติดเชื้อไอ จามหรือสั่งน้ำมูกออกมา สิ่งที่ผู้ติดเชื้อสัมผัสอาจส่งต่อเชื้อโรคให้คนอื่นเป็นหวัดต่อไปเป็นทอด ๆ ไข้หวัดเป็นโรคที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เป็นบ่อยกว่าโรคอื่น ๆ เชื้อไวรัสซึ่งเป็นสาเหตุของไข้หวัดธรรมดามีอยู่ในทุกสภาพอากาศแต่จะพบบ่อยที่สุดในอากาศหนาวเย็นและ/หรือเปียกแฉะ
อาการของไข้หวัด
อาการของโรคไข้หวัดธรรมดาประกอบด้วย คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ จาม มีไข้มีสูงนัก และไม่อยากอาหารเนื่องจากมีเสมหะ ร่างกายมักแสดงอาการของโรคภายใน 3-7 วันหลังได้รับเชื้อและจะเป็นอยู่ราว 3-5 วันก่อนจะหาย
สิ่งที่ควรทำเมื่อลูกเป็นหวัด

เมื่อลูกเป็นหวัดในฐานะพ่อแม่ ไม่มีทางใดที่จะปัดเป่าโรคไข้หวัดให้พ้นไปจากตัวลูกได้ นอกจากคอยให้อาการหายขาดไปเอง แต่ก็ยังพอมีหนทางที่จะช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกสบายขึ้นได้ขึ้น
- ซุปไก่ ของเหลวร้อนๆ ช่วยให้โพรงจมูกโล่งขึ้นและบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เกลือในน้ำซุปยังช่วยทุเลาอาการเจ็บคอและช่วยกำจัดเสมหะด้วย
- ของเหลว ควรให้ลูกรับของเหลวมากๆ โดยเฉพาะหากลูกมีไข้และ/หรือไม่ค่อยทานอาหาร ร่างกายของเด็กอาจขาดน้ำได้หากปริมาณของเหลวที่ได้รับลดลง การขาดน้ำก่อให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนรุนแรงอย่างอื่นตามมา จึงควรให้ลูกได้รับของเหลวอย่างสม่ำเสมอ ข้อพึงระวังคืออย่าให้ลูกดื่มนม นมปั่นและไอศกรีม เมือกจากอาหารเหล่านี้จะยิ่งทำให้มีเสมหะมากขึ้น
- กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ เกลือช่วยให้เสมหะแห้งและบรรเทาการติดเชื้อในลำคอ
- อาบน้ำร้อน (แต่ไม่ร้อนจนเกินไป) ไอน้ำช่วยให้โพรงจมูกโล่งโปร่งสบายขึ้น
- ว่ายน้ำที่สระในร่ม ถ้าลูกไม่มีไข้ พาลูกไปว่ายน้ำที่สระในร่มสัก 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง คลอรีนในน้ำช่วยให้โพรงจมูกโล่งได้อย่างเห็นผล
- วิตามินซีและสังกะสีได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยได้แต่ต้องระวังอย่าให้ลูกทานมากเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจนำไปสู่ปัญหารุนแรงได้
- ยาตามร้านขายยาทั่วไปไม่ช่วยให้ลูกหายจากไข้หวัดได้ แต่จะบรรเทาอาการต่าง ๆ และประคับประคองให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้นจนกว่าจะหายเอง เช่นเดียวกับวิธีการที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดข้างต้น ข้อพึงระวังคือหากจะซื้อยาให้ลูกเอง ต้องให้ปริมาณยาที่ถูกต้องตามใบกำกับยาอย่างเคร่งครัด

สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อลูกเป็นหวัด
ยาปฏิชีวนะไม่ช่วยรักษาโรคไข้หวัดธรรมดาและอาจทำให้อาการทรุดหนักลงด้วย หลายคนมักเข้าใจผิดว่าต้องทานยาปฏิชีวนะหากน้ำมูกหรือเสมหะเป็นสีเขียวหรือเหลือง อาการของโรคก่อให้เกิดการขับน้ำมูกและเสมหะเหนียวสีออกเหลืองหรือเขียวเป็นปกติอยู่แล้ว ไข้หวัดธรรมดาเป็นโรคที่เราต้องปล่อยให้หายขาดเอง
คลิ๊กหน้าถัดไปเพื่อดูอาการที่บอกว่าลูกเป็นมากกว่าไข้หวัด
เมื่อเป็นมากกว่าแค่ไข้หวัด
ไข้หวัดอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น
1.การติดเชื้อในหู
2.การติดเชื้อในลำคอ
3.หลอดลมอักเสบ
4.ไซนัสอักเสบ
5.ปอดบวม
คุณพ่อคุณแม่จะทราบได้ว่าลูกเป็นมากกว่าแค่ไข้หวัดธรรมดาโดยดูจากอาการดังต่อไปนี้
1.อาเจียนและท้องเสีย
2.มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียสและ/หรือมีไข้ติดต่อกันนานกว่า 48 ชั่วโมงแม้จะใช้ยาลดไข้แล้ว
3.หายใจลำบาก
4.อาการไม่ดีขึ้นเลยหลัง 7 วัน
5.ลูกอาการทรุดหนักลงแม้จะได้รับการรักษาพยาบาล

เอาใจลูกมากขึ้นสักหน่อย
ระหว่างที่ลูกเป็นหวัด (หรือจะป่วยด้วยโรคอะไรก็ตามแต่) ลูกควรได้รับความเอาใจใส่และการเอาใจจากคุณพ่อคุณแม่มากกว่าปกติค่ะ กอดลูกให้บ่อยขึ้น อยู่ใกล้ลูกให้มากขึ้นเป็นสิ่งดีที่สุดที่คุณจะให้ได้ในยามนี้ นอกจากนี้ผ้าห่มผืนโปรด นิทานสนุก ๆ เครื่องดื่มอุ่น ๆ รสอร่อยและตุ๊กตานุ่มนิ่มน่ากอดก็จะช่วยให้ลูกรู้สึกดีขึ้นได้ค่ะ
หลังผ่านพ้นช่วงอาการหนักที่สุดไปแล้ว
เมื่ออาการหวัดของลูกทุเลาลง คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความสะอาดที่นอน ห้องนอนและของเล่นของลูกอย่างสะอาดหมดจด อย่าลืมเปลี่ยนแปรงสีฟันเป็นแท่งใหม่และนำขยะทั้งหมด เช่น กระดาษทิชชูออกไปทิ้งข้างนอกบ้านให้เรียบร้อยด้วยนะคะ
คลิ๊กหน้าถัดไปเพื่อหาวิธีป้องกันไม่ให้ลูกเป็นหวัด
การป้องกันคือวิธีที่ดีที่สุด
"กันไว้ดีกว่าแก้" คือคติที่ไม่เคยล้าสมัยค่ะ ในฐานะพ่อแม่ เราต่างก็รู้ว่าไม่มีทางใด ที่จะป้องกันไม่ให้ลูกเป็นหวัดเลยได้ แต่เรายังพอมีวิธีลดความเสี่ยงและความถี่ที่ลูกจะเป็นไข้หวัดค่ะ คุณสามารถ
1.หลีกเลี่ยงยาปฏิชีวนะ นอกจากจะจำเป็นจริง ๆ โชคไม่ดีนักที่แพทย์บางคน มักสั่งยาปฏิชีวนะให้คนไข้เป็นว่าเล่น การใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินควรจะบั่นทอนความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับเชื้อโรค ทำให้เป็นหวัดและโรคอื่น ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น
2.ถ้าลูกต้องไปเข้าสถานรับเลี้ยงเด็ก พยายามเลือกที่ที่มีขนาดเล็กเข้าไว้ ยิ่งจำนวนเด็กน้อยเท่าไร โอกาสติดหวัด ก็น้อยลงเท่านั้นค่ะ
3.รักษาควาสะอาดในบ้านสม่ำเสมอ
4.ให้ลูกนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ทานอาหารที่มีคุณค่าและดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อสร้างเสริมร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง อาหารที่ลูกได้รับควรมีโยเกิร์ตรวมอยู่ด้วย จุลินทรีย์มีประโยชน์ในโยเกิร์ตช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ดี
5.หลีกเลี่ยงการรับควันบุหรี่ มีการพิสูจน์แล้วว่าควันบุหรี่มีส่วนทำให้เกิดโรคต่าง ๆ รวมทั้งไข้หวัดด้วย

The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ลูกจามบ่อย เป็นอะไรไหม สังเกตอย่างไรว่าจามเพราะฝุ่นหรือลูกไม่สบาย
ลูกเป็นหวัดอาบน้ำได้ไหม สระผมได้หรือเปล่า ลูกป่วยไม่สบายควรดูแลอย่างไร?
แม่ให้นมลูกเป็นหวัด กินยาลดน้ำมูก ยาแก้เจ็บคอได้ไหม ให้นมลูกได้หรือเปล่า
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!