ขนมที่พ่อแม่ไม่ควรให้ลูกกิน มีอะไรบ้าง เลือกของว่างสำหรับเด็กอย่างไรดี?

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ของว่าง เป็นสิ่งที่เด็ก ๆ และผู้ใหญ่หลายคนชอบ แต่อาหารว่างบางชนิด ก็ไม่ได้ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย แถมหากรับประทานเยอะไป ก็อาจทำให้เกิดโรคได้อีกด้วย จะมีของว่าง หรือ ขนมที่พ่อแม่ไม่ควรให้ลูกกิน มีอะไรบ้าง เรามาดูไปพร้อม ๆ กันเลย

 

ขนมที่พ่อแม่ไม่ควรให้ลูกกิน มีอะไรบ้าง

ปัจจุบันขนมและของว่างมีในท้องตลาดมีมากมายหลายชนิด บางชนิดหากรับประทานเข้าไปนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว ก็ยังอาจเป็นโทษกับร่างกายเด็กด้วย คุณพ่อคุณแม่จึงควรใส่ใจเลือกของว่างสำหรับเด็กอย่างพิถีพิถัน วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องหลักการในการเลือกของว่างให้เหมาะสำหรับเด็กกัน

เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ ยังไม่รู้จักวิธีเลือกอาหารและขนมด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าของว่างชนิดไหนที่ดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพ คุณแม่เองก็สามารถช่วยเขาเลือกของว่างหรืออาหารที่มีประโยชน์ ได้ รวมทั้งควรดูแลไม่ให้เด็ก ๆ กินขนม หรือของว่างดังต่อไปนี้

 

1. ผลไม้และผักดิบชิ้นใหญ่

ป๊อปคอร์น แอปเปิ้ล เชอร์รี่ ถั่วลิสง แครอท ถั่วเขียว และผักขึ้นฉ่าย เป็นผักและผลไม้ที่มีเนื้อแข็ง เคี้ยวยาก หากเด็กอายุยังน้อยอยู่และให้เด็กกินเข้าไป เด็กอาจสำลัก หรืออาหารเหล่านี้อาจไปอุดกั้นทางเดินหายใจของเด็ก จนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต หากเด็กยังอายุต่ำกว่า 4 ปี คุณแม่ไม่ควรให้เด็กรับประทานอาหารเหล่านี้ หรือหากต้องการให้เขาทานจริง ๆ แนะนำให้บดหรือปั่นอาหารให้ละเอียดก่อนจะให้เขารับประทานจะดีกว่า

บทความที่น่าสนใจ : ผักผลไม้ทำให้เด็กท้องอืด จริงหรือไม่? มีอะไรบ้างที่ควรเลี่ยง

 

 

2. ซีเรียลเคลือบน้ำตาล

ซีเรียลหลาย ๆ ชนิด มีฉลากติดอยู่ข้างกล่องว่ามีเมล็ดธัญพืช หรือทำจากผลไม้แท้ และดีต่อสุขภาพเด็ก ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ซีเรียลส่วนใหญ่มีน้ำตาลฟรุกโตส น้ำเชื่อม และน้ำตาลชนิดอื่น ๆ ผสมอยู่เยอะ ซึ่งหากเด็กกินเข้าไป อาจทำให้เขาเป็นโรคอ้วนหรือฟันผุได้ ทางที่ดี ควรให้เด็กรับประทานเมล็ดธัญพืช หรืออาหารชนิดไหนก็ได้ ที่มีน้ำตาลต่ำกว่า 5 กรัม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

3. ขนมรูปผลไม้

แม้ขนมบางชนิดจะเป็นรูปผลไม้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าขนมชนิดนั้นจะทำจากผลไม้จริง ๆ หากคุณแม่ลองสังเกตดูที่ฉลาก ก็จะเห็นว่าขนมเหล่านั้นประกอบไปด้วยสีผสมอาหาร สารปรุงเเต่งรส น้ำเชื่อม และน้ำตาล ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเด็ก และถึงแม้ขนมเหล่านั้นจะมีแคลเซียมและวิตามินซีอยู่บ้าง แต่ก็มีอยู่น้อย และไม่ได้ให้ประโยชน์กับร่างกายเลย เมื่อเทียบกับปริมาณความหวานในขนม หากคุณแม่อยากให้น้อง ๆ ได้ประโยชน์จากผลไม้จริง ๆ ล่ะก็ ควรให้เด็กรับประทานผลไม้สด ๆ แทนจะดีกว่า และควรสอนเด็กให้เข้าใจ ว่าขนมที่เป็นรูปผลไม้ ไม่ใช่ขนมที่มีประโยชน์ เพราะก็มีเด็กหลาย ๆ คน ที่เผลอเข้าใจผิด คิดไปเองว่าขนมเคลือบน้ำตาลเหล่านั้น เป็นขนมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม ผลไม้บางอย่างมีน้ำตาลสูง ควรเลี่ยง เช่น ทุเรียน เงาะ ลำไย เป็นต้น

 

4. น้ำหวาน

ของว่างอีกชนิดที่เด็กชอบเพราะหวานอร่อย ดื่มแล้วชื่นใจ ก็คือน้ำหวาน หรือน้ำผลไม้ชนิดขวดหรือกล่อง ที่วางขายอยู่ตามซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งของว่างชนิดนี้ ก็มีน้ำตาลเยอะไม่แพ้กับของว่างชนิดอื่น ๆ ที่เราพูดถึงไปแล้วก่อนหน้า หากน้อง ๆ ชอบกินน้ำผลไม้ แนะนำให้คุณแม่คั้นน้ำผลไม้สด ๆ ให้น้อง ๆ ดื่มแบบไม่ใส่น้ำตาลจะดีกว่า เพราะปกติผลไม้มักจะมีความหวานอยู่ในตัวอยู่แล้วโดยธรรมชาติ หรือไม่ก็เลือกซื้อน้ำผลไม้ที่ผสมผลไม้แท้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป และมีน้ำตาลผสมไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์

บทความที่น่าสนใจ : อาหาร 9 อย่างนี้ห้ามให้ลูกกินเป็นมื้อเช้าเด็ดขาด! ไร้ประโยชน์แถมเสี่ยงโรคอ้วน

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

5. ไอติมแท่ง

ไอติมแท่งสีสันสดใสมีวางขายทั่วไปตามร้านค้าชุมชน หรือในห้าง หากินได้ง่าย และเด็ก ๆ หลายคนก็ชอบกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ใหญ่อย่างเรา แต่การให้เด็กกินไอติมเป็นของว่างนั้น ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไหร่ เพราะไอติมหลาย ๆ ชนิด มีสีผสมอาหารผสมอยู่ รวมทั้งมีสารให้ความหวานและน้ำตาลอยู่เยอะ ไม่ต่างจากขนมเคลือบน้ำตาลชนิดอื่น ๆ และแม้ว่าไอติมชนิดน้ันจะเป็นไอติมรสผลไม้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำจากผลไม้จริง ๆ อย่างไรก็ตาม คุณแม่สามารถให้เด็กทานไอติมเป็นของว่างได้นาน ๆ ครั้ง โดยควรเลือกไอติมไขมันต่ำอย่างเชอร์เบท หรือหวานเย็นให้เด็ก ๆ จะดีกว่าค่ะ

 

6. แครกเกอร์รสชีส

แครกเกอร์เป็นขนบขบเคี้ยวที่ทานง่าย คุณแม่หลาย ๆ คนจึงชอบซื้อให้เด็ก ๆ ทาน แต่รู้หรือไม่ ว่าแครกเกอร์ส่วนใหญ่นั้น ถูกผลิตด้วยขั้นตอนแบบจีเอ็มโอ ซึ่งทำให้แครกเกอร์มีโซเดียมสูง และมีเส้นใยต่ำ แถมยังมีสารกันบูด และสีผสมอาหารผสมอยู่เยอะอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว คุณแม่ไม่ควรให้น้อง ๆ กินน้ำอัดลม ขนมมันฝรั่งทอด ทอฟฟี่ หรือลูกอมต่าง ๆ เพราะของว่างเหล่านี้มีไขมันและน้ำตาลสูง มักจะทำให้เด็ก ๆ ฟันผุจนอาจสูญเสียฟันได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่เกี่ยวข้อง : 8 เมนูของว่างสำหรับเด็ก พร้อมวิธีทำแสนง่าย รับรองถูกใจลูกน้อยชัวร์!

 

 

อาหารว่างที่ดีต่อเด็ก

เด็กวัยกำลังโตมักต้องใช้พลังงานไปกับการเล่นซะส่วนใหญ่ และเนื่องจากว่ากระเพาะของเด็กยังเล็กอยู่ เด็กอาจจะหิวและชอบบ่อย อีกทั้งเด็กบางคน ก็ยังชอบทานของว่างเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งของว่างที่คุณแม่ควรนำมาให้เด็กรับประทาน มีดังนี้

  • ผลไม้สด เช่น ส้ม ส้มโอ สตรอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล กล้วย ลูกพีช ลูกแพร์ เชอร์รี่ องุ่น ลูกพลัม เป็นต้น โดยควรหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ หรือบดให้ละเอียดหากเด็กอายุยังน้อยอยู่
  • ผลไม้อบแห้ง เช่น แอปเปิ้ล แอปริคอต ลูกพีช ลูกแพร์ ลูกพรุนหั่นเป็นชิ้นเล็ก เป็นต้น
  • ผัก เช่น แครอท ถั่วเขียว กะหล่ำดอก บรอกโคลี มันเทศ ถั่วบด ผักโขมนึ่ง อะโวคาโด เป็นต้น โดยควรหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และควรนึ่งหรือต้มให้สุกก่อนจะให้เด็กรับประทาน
  • ผลิตภัณฑ์จากนม ได้แก่ ชีส ชีสสด (ขูดหรือหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า) โยเกิร์ต
  • ขนมปังและซีเรียล เช่น ขนมปังโฮลวีต แป้งแผ่นตอร์ติยา ขนมปังเบเกิลหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ธัญพืชอบแห้งทั้งเมล็ด เป็นต้น
  • โปรตีน ได้แก่ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน เนยถั่วทาบนขนมปังโฮลเกรน เต้าหู้ก้อนที่สุกแล้ว หรือไข่ต้มสุก

 

คุณพ่อคุณแม่ควรให้น้อง ๆ ทานอาหารมื้อหลักวันละ 3 ครั้ง และให้เด็ก ๆ ดื่มนมวันละ 2-3 แก้ว หากต้องการให้เขารับประทานของว่าง ก็ควรให้เขาทานได้วันละไม่เกิน 2 มื้อ โดยทานหลังจากอาหารมื้อหลักอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่เลือกของว่างและขนมได้เหมาะสมกับเด็ก ๆ ก็จะทำให้เขาได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เจ็บป่วยได้ยาก และใช้ชีวิตวัยเด็กได้อย่างมีความสุขนะคะ

หลังจากที่ทราบกันไปแล้ว ว่าขนมที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรให้ลูก ๆ กินมีอะไรบ้าง ตอนนี้มาโหวตกันหน่อยดีกว่า คุณแม่คิดว่า อาหารสำหรับลูกน้อยของเราควรจะเป็นแบบไหนคะ ถ้ากดโหวตไม่ได้ คลิกที่นี่

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

รวมเมนู อาหารเด็ก 2 ขวบ อาหารว่าง รสชาติอร่อย กินง่าย ลูกชอบ!

ขนมปังแบบไหนกินแล้วดีต่อสุขภาพ เด็กกินขนมปัง ได้ไหม? อันตรายหรือเปล่า

เคล็ดลับ เลือก ขนมสำหรับเด็กเล็ก เลือกแบบไหน ไม่ให้ลูกกลายเป็น เด็กติดหวาน

ที่มา : healthychildren , parents , creativehealthyfamily

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา