7 ความเชื่อหลังคลอดลูก เกี่ยวกับอาการหลังคลอด เข้าใจผิดแบบนี้ไม่ดีแน่!!
7 ความเชื่อหลังคลอดลูก เกี่ยวกับอาการหลังคลอด เข้าใจผิดแบบนี้ไม่ดีแน่!!
ความเชื่อหลังคลอดลูก ว่าอาการหลังคลอดที่เกิดขึ้นแบบนี้อาจไม่เป็นไร ปล่อยไว้ไม่นานก็หายเอง เรื่องบางเรื่องอาจไม่ใช่แบบที่คุณแม่คิด ปล่อยผ่านไปไม่ได้ อย่ารอช้าต้องไปหาหมอ!!
#1 เชื่อว่าอาการริดสีดวงทวารที่เป็นในระหว่างตั้งครรภ์จะสามารถหายเองได้หลังคลอด
อาการริดสีดวงทวารในขณะตั้งครรภ์ สามารถเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะในช่วงท้องแก่ใกล้คลอด เนื่องจากมดลูกที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไปกดทับเส้นเลือดดำบริเวณด้านขวาของร่างกายทำให้ระบบไหลเวียนเลือดบริเวณนั้นทำงานไม่ปกติ ส่งผลให้เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักปูดออกมา เวลาขับถ่ายจึงเกิดการเสียดสีและเกิดเลือดออกบริเวณทวารหนัก สร้างความระคายเคืองและความเจ็บปวด ริดสีดวงทวารเป็นภาวะที่พบได้บ่อยทั้งคนปกติและแม่ที่ตั้งครรภ์ แม้หากไม่เคยเป็นมาก่อนก็อาจจะมาเป็นเอาตอนท้องก็ได้
สำหรับคุณแม่ท้องที่พบว่าตัวเองมีอาการริดสีดวงทวารเกิดขึ้น โดยปล่อยไว้อาการก็เหมือนจะเป็น ๆ หาย ๆ หรือความรุนแรงจะลดลงได้หลังคลอด แต่สำหรับคนที่เป็นมาก อย่างแรกแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการก่อน และดูแลตัวเองด้วยการปรับพฤติกรรมการกินเน้นผัก ผลไม้ ดื่มน้ำเยอะ ๆ เมื่อปวดต้องไม่กลั้นอุจจาระ เพราะจะยิ่งส่งผลให้เกิดอาการท้องผูก เวลาถ่ายทีต้องเบ่งแรง ยิ่งทำให้ไปกระตุ้นการเกิดริดสีดวงทวารเข้าไปอีก
เชื่อว่าเจ็บปวดแผลฝีเย็บอยู่ตลอด 2 – 3 สัปดาห์หลังคลอดเป็นเรื่องปกติ
#2 เชื่อว่าเจ็บปวดแผลฝีเย็บอยู่ตลอด 2 – 3 สัปดาห์หลังคลอดเป็นเรื่องปกติ
อาการเจ็บแผลฝีเย็บหลังคลอดเกิดขึ้นได้ในคุณแม่ที่คลอดแบบธรรมชาติทุกคน โดยมากมักเป็นมากใน 2-3 วันแรก และจะหายไปจนไม่รู้สึกเจ็บใน 1 สัปดาห์ ซึ่งโดยปกติแล้วการเจ็บปวดแผลฝีเย็บหลังคลอดเป็นอาการที่ปกติ แต่ในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังคลอดที่ควรจะหาย หรือถ้าอยู่เฉย ๆ เดินเหินในภาวะปกติก็ไม่ควรจะมีอาการเจ็บปวด หากเคลื่อนไหวมากก็อาจจะมีอาการบ้าง แต่ในกรณีที่ยังเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาถือเป็นความผิดปกติ หากมีอาการเจ็บปวดมาก ๆ แผลบวมมากขึ้น และมีไข้ แสดงว่าอาจจะมีอาการอักเสบและติดเชื้อได้ อาการดังกล่าวคุณแม่ควรรีบไปพบคุณหมอทันที
#3 เชื่อว่าท้องผูกหลังคลอดห้ามใช้ยาระบายเด็ดขาด
เชื่อว่าท้องผูกหลังคลอดห้ามใช้ยาระบายเด็ดขาด
ผลพ่วงหลังการคลอดลูกทำให้คุณแม่มีอาการท้องผูกตามมาได้ ทำให้การถ่ายอุจจาระในช่วงนี้ยากลำบาก คุณแม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีกากใยให้เยอะขึ้น กินน้ำให้เยอะ หมั่นขมิบ ลุกเดินบ่อย ๆ หากวิธีดังกล่าวช่วยแก้ปัญหาอาการท้องผูกของแม่หลังคลอดไม่ได้ผล ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำหรือขอรับยาถ่าย หรือใช้ยาระบายที่เป็นสมุนไพร เพื่อช่วยทำให้อุจจาระนิ่มลง ถ่ายได้ง่ายขึ้น ปลดล็อคอาการท้องผูกให้กับคุณแม่หลังคลอดได้ค่ะ
#4 เชื่อว่าหลังคลอดกินยาขับน้ำคาวปลาเพื่อให้น้ำคาวปลาหมดไวและมดลูกเข้าอู่ได้ดี
น้ำคาวปลาของแม่หลังคลอด จะถูกขับออกมาคล้ายกับการมีประจำเดือน หยุดเองภายใน 4-6 สัปดาห์หลังคลอด ด้วยความที่ร่างกายของคุณแม่เสียเลือดไปมากอยู่แล้ว จึงไม่ต้องพยายามขับน้ำคาวปลาให้ออกมาเยอะ ๆ โดยไม่จำเป็น ซึ่งโดยปกติแล้วการรับประทานยาสตรี มักจะใช้กับผู้หญิงที่มีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ คุณแม่บางท่านเข้าใจว่า หลังคลอดกินยาขับน้ำคาวปลาแทนการอยู่ไฟ ซึ่งเรื่องนี้แพทย์ก็มักจะไม่แนะนำให้ซื้อยาเหล่านี้มาทานเอง และการกินที่มากเกินไปในบางครั้งก็อาจจะทำให้เสียเลือดเพิ่มโดยไม่จำเป็น วิธีที่จะช่วยให้น้ำคาวปลาหมดเร็วและมดลูกเข้าอู่ได้ดีคือการให้นมแม่ เพราะขณะที่ลูกดูดนม มดลูกจะรัดตัวอย่างรุนแรงทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วและน้ำคาวปลาหมดไวไปด้วย นอกจากนี้การออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอหลังคลอดก็ช่วยได้
#5 เชื่อว่าอยู่ไฟทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ไม่หนาวใน เป็นไข้
การอยู่ไฟหลังคลอด เป็นวิถีการดูแลสุขภาพสำหรับแม่หลังคลอดของคนสมัยก่อน โดยใช้ความร้อนเข้าช่วยในการฟื้นสุขภาพร่างกาย และมีความเชื่อว่าการอยู่ไฟหลังคลอดจะช่วยลดภาวะความรู้สึกหนาวในร่างกาย ลดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ปวดเมื่อย ช่วยปรับสมดุลภายในร่างกายให้เข้าที่เป็นปกติเร็ว ทำให้ให้หน้าท้องยุบเร็ว และมดลูกเข้าอู่เร็ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากเทคโนโลยีด้านการแพทย์ในปัจจุบันนั้นดีขึ้น โอกาสที่จะติดเชื้อหรือไม่สบายรุนแรงหลังคลอดนั้นน้อยลงมาก รวมถึงอาหารการกินที่คุณแม่สามารถฟื้นพลังหลังคลอดได้ การตัดสินใจของคุณแม่ว่าจะอยู่ไฟหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสบายใจของแต่ละบุคคลที่จะทำคะ
อ่านเพิ่มเติม : ผลดี-vs-ผลเสียของการอยู่ไฟ
#6 เชื่อว่าการเดินบ่อย ออกกำลังกายหลังคลอดจะทำให้แผลฝีเย็บฉีกขาดหรืออักเสบได้ง่าย
หนึ่งในวิธีการที่ทำให้แผลฝีเย็บหายเร็วนั้นคือการเดินและการออกกำลังกาย การเดินคือท่าที่ใช้ในชีวิตประจำวันเป็นปกติ ไม่มีผลต่อการทำให้แผลฝีเย็บฉีกขาด สำหรับวิธีการเดินเพื่อรักษาแผลฝีเย็บในช่วงหลังคลอดคือ เดินให้ขาแยกออกจากกันเล็กน้อย หากเดินหนีบแผลจะเสียดสีกัน ส่วนการออกกำลังกายเพื่อกระชับฝีเย็บ ควรทำหลัง 8 สัปดาห์ เพื่อรอให้แผลบริเวณนี้หายดีเสียก่อน หากมีเลือดไหลควรหยุดออกกำลังกายทันที
เชื่อว่าหลังคลอดห้ามนอนกลางวันจะทำให้ตัวบวม
#7 เชื่อว่าหลังคลอดห้ามนอนกลางวันจะทำให้ตัวบวม
หลังคลอดนั้นการได้มีเวลานอนพักผ่อนถือเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคุณแม่มาก เพราะการเลี้ยงดูและการให้นมทารกแรกเกิดนั้นทำให้คุณแม่ต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก ยิ่งหากคุณแม่นอนไม่พอ ก็จะส่งผลให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด เครียดง่าย ไม่มีสมาธิ ร่างกายฟื้นตัวได้ช้า ส่งผลต่อช่วงเวลาดี ๆ ที่จะใช้ระหว่างคุณแม่กับลูกน้อยด้วย การพักผ่อนที่เพียงพอของแม่ก็สำคัญไม่แพ้การกินนมของลูกเลยทีเดียว ไม่มีเหตุผลอะไรหากคุณแม่จะมีโอกาสได้นอนงีบในตอนกลางวันไปพร้อมกับลูกที่กำลังหลับไปด้วยกัน
อ่านเพิ่มเติม : 5 เคล็ดลับการนอน ช่วยแม่ลูกอ่อนไม่ต้องอดหลับอดนอนหลังคลอด
สุขภาพหลังคลอดของคุณแม่เป็นเรื่องที่ควรใส่ใจพอ ๆ กับช่วงเวลาของการตั้งครรภ์เลยนะคะ สุขภาพที่ดีก็จะส่งผลดีต่อตัวเองและลูกน้อยด้วย อย่างไรก็ตามอย่าปล่อยให้ความ “เชื่อว่า” มาทำให้คุณแม่นิ่งนอนใจ หากเกิดภาวะผิดปกติควรปรึกษาคุณหมอก่อนที่อาการจะรุนแรงหากทางแก้ไขได้ยากไปกว่านี้นะคะ.
เชื่อว่าอยู่ไฟทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ไม่หนาวใน เป็นไข้
The Asianparent Thailand เว็บไซต์และคอมมูนิตี้อันดับหนึ่งที่คุณแม่เลือก นอกจากสาระความรู้ที่เรามอบให้คุณแม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ การวางแผนมีลูกแล้ว เรายังมีแอพพลิเคชั่นรวมถึงสื่อมัลติมีเดียหลากหลายที่ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณแม่ยุคใหม่ ที่ต้องทำงานและดูแลลูกไปพร้อมกัน ให้มีความมั่นใจและพร้อมในการดูแลลูกทุกช่วงเวลา ตั้งแต่การให้นมบุตร การดูแลตนเองหลังคลอด ท่าออกกำลังกายหลังคลอดเพื่อให้หุ่นของแม่หลังคลอดกลับมาฟิตแอนเฟิร์มอีกครั้ง The Asianparent Thailand ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องการดูแลลูก ความรู้แม่และเด็กที่เต็มเปี่ยม และตอบทุกข้อสงสัยในแอพพลิเคชั่นที่เป็นสื่อกลาง และกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวไทย
ที่มา : www.haijai.com
บทความใกล้เคียงที่น่าสนใจ :
การเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังคลอด 11 เรื่องที่แม่เตรียมตัวเจอได้เลยจ้า
เตรียมรับมือ 11 เรื่องจริงของร่างกาย หลังคลอดลูก ที่แม่ต้องเผชิญ
อารมณ์แปรปรวนคุณแม่หลังคลอด คุณแม่คนไหนให้นมลูกแล้วร้องไห้ต้องอ่าน!
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!