พฤติกรรมดื้อเงียบเป็นการแสดงความโกรธทางอ้อม เมื่อลูกไม่พอใจมักแสดงออกได้หลายวิธี เช่น ทำไม่รู้ไม่ชี้ รับคำสั่งแต่ไม่ทำตาม หรือดื้อตาใสปฏิเสธง่ายๆ ว่าไม่ได้ทำอะไรผิด หรือทำตรงข้ามกับที่ผู้ใหญ่สั่ง ซึ่งแสดงถึงการต่อต้านอย่างชัดเจน หากลูกของคุณกำลังดื้อเงียบ เรามีเคล็ดลับปรับนิสัย เด็กดื้อเงียบ มาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ
เด็กดื้อเงียบ เป็นอย่างไร
เด็กดื้อเงียบ คือ เด็กที่ปฏิเสธโดยไม่พูดอะไร เป็นเหมือนการสื่อสารที่บอกว่า “ฉันไม่สนใจหรอก ใครจะว่ายังไงก็ช่าง” ซึ่งมักจะทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกหงุดหงิดและไม่เข้าใจ โดยทั่วไปแล้ว พฤติกรรมนี้สามารถพบได้ในเด็กทุกช่วงวัย แต่จะแสดงออกในรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามพัฒนาการค่ะ
ช่วงอายุที่พบพฤติกรรมดื้อเงียบ
- วัยเตาะแตะ (1-3 ปี) เด็กวัยนี้มักจะแสดงพฤติกรรมดื้อเงียบเพื่อทดสอบขอบเขตและอำนาจของผู้ใหญ่
- วัยอนุบาล (3-5 ปี) เด็กวัยนี้เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น และอาจใช้การดื้อเงียบเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยหรือต่อต้าน
- วัยเรียน (6 ปีขึ้นไป) เด็กวัยนี้มีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น การดื้อเงียบอาจเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกผิดหวัง โกรธ หรือไม่มั่นใจในตัวเอง
เด็กดื้อเงียบมีสาเหตุจากอะไร
เด็กดื้อเงียบอาจเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่เปิดโอกาสให้แสดงความรู้สึก ครอบครัวที่ไม่ค่อยเปิดใจให้สมาชิกในบ้านได้แสดงความโกรธหรือความไม่พอใจออกมาตรงๆ ทำให้ลูกรู้สึกว่าการแสดงออกทางอารมณ์เป็นเรื่องที่ไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง ลูกอาจกลัวว่าถ้าพูดออกมาตรงๆ จะถูกดุ ถูกทำโทษ หรือทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวเสียไป จึงเลือกที่จะเก็บความรู้สึกไว้ข้างในแทน ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
|
สาเหตุที่ทำให้เด็กดื้อเงียบ |
การเลี้ยงดู |
- การใช้ความรุนแรง การลงโทษทางร่างกายหรือวาจาอย่างรุนแรง อาจทำให้เด็กกลัวที่จะแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ
- การใช้คำสั่งที่เข้มงวดเกินไป การสั่งให้เด็กทำตามโดยไม่ให้เหตุผล อาจทำให้เด็กรู้สึกเหมือนไม่มีสิทธิ์ที่จะมีเสียงของตัวเอง
- การขาดความรักความอบอุ่น เด็กที่ขาดความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่ อาจรู้สึกไม่มั่นคงและใช้การดื้อเงียบเพื่อเรียกร้องความสนใจ
|
ปัจจัยทางอารมณ์ |
- ความเครียด เด็กที่ต้องเผชิญกับความเครียด เช่น การเปลี่ยนแปลงในชีวิต หรือปัญหาในครอบครัว อาจแสดงพฤติกรรมดื้อเงียบออกมา
- ความกลัว เด็กอาจกลัวที่จะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา เพราะกลัวว่าจะถูกปฏิเสธหรือถูกตำหนิ
|
ปัจจัยทางสังคม |
- การเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบเด็กกับเด็กคนอื่นๆ อาจทำให้เด็กรู้สึกด้อยค่าและแสดงพฤติกรรมต่อต้าน
- การขาดทักษะทางสังคม เด็กบางคนอาจยังไม่เรียนรู้วิธีการสื่อสารความรู้สึกของตัวเองอย่างเหมาะสม ขาดทักษะในการสื่อสารและทักษะในการแก้ปัญหาทำให้ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้ผู้ใหญ่เข้าใจความต้องการของเขา อาจใช้การดื้อเงียบในการจัดการกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
|
พฤติกรรมดื้อเงียบ ขัดขวางพัฒนาการเด็กอย่างไร
เด็กที่ดื้อเงียบมักจะเรียนรู้ว่าการไม่ทำตามคำขอหรือการไม่รับผิดชอบใดๆ จะทำให้ลูกได้ในสิ่งที่ต้องการในที่สุด ลูกอาจคิดว่าถ้าไม่ยอมเก็บห้อง หรือไม่ยอมล้างจาน สุดท้ายแม่ก็จะต้องทำเอง ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ส่งผลเสียต่อการพัฒนาในหลายด้าน เช่น
- ขาดทักษะในการรับผิดชอบ เด็กจะไม่เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง และอาจเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาคนอื่น
- ขาดความมั่นใจในตัวเอง การไม่ต้องเผชิญกับความท้าทาย ทำให้เด็กขาดโอกาสในการพัฒนาความมั่นใจในตัวเอง
- ขาดแรงจูงใจ เมื่อเด็กไม่ต้องพยายามอะไรเลย พวกเขาก็จะขาดแรงจูงใจที่จะพัฒนาตัวเอง
นอกจากนี้ เมื่อเด็กเก็บความรู้สึกไว้ภายในเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น
- ก้าวร้าวทางอ้อม เด็กอาจแสดงออกทางอารมณ์โดยการทำร้ายคนอื่นทางอ้อม เช่น ทำลายข้าวของ หรือพูดจาเสียดสี
- มีปัญหาในการเข้าสังคม การไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกได้ดี ทำให้เด็กมีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น และไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
- เกิดความเครียดสะสม การเก็บกดความรู้สึกเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของเด็ก ทำให้เกิดความเครียดและวิตกกังวล
ผลกระทบระยะยาว
หากปล่อยให้พฤติกรรมดื้อเงียบดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เด็กจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ขาดความรับผิดชอบ ขาดทักษะในการแก้ปัญหา และอาจประสบปัญหาในการทำงานและความสัมพันธ์ส่วนตัว
10 เคล็ดลับปรับนิสัย เด็กดื้อเงียบ
การปล่อยให้เด็กดื้อเงียบเป็นการทำลายโอกาสในการเติบโตของเด็ก เราควรช่วยให้ลูกเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง เพื่อให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิต
- มองลูกด้วยความเป็นธรรม สื่อสารกับลูกด้วยท่าทีที่เป็นมิตร ไม่ใช่การตำหนิ การตำหนิจะยิ่งทำให้ลูกดื้อเงียบมากขึ้น เพราะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการต่อต้าน การพูดคุยอย่างใจเย็นและอธิบายเหตุผลจะได้ผลมากกว่า
- พยายามเข้าใจความรู้สึกของลูก พยายามมองโลกจากมุมมองของลูก ลองสังเกตดูว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกดื้อเงียบ อาจเป็นเพราะเขาเหนื่อย หิว หรือรู้สึกไม่สบายใจก็ได้
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดี อบอุ่นและไว้ใจกันกับลูก หลีกเลี่ยงการตัดสินลูก ให้โอกาสลูกอธิบายและแสดงความคิดเห็น โดยคุณพ่อคุณแม่ควรฟังความคิดเห็นของลูกอย่างตั้งใจ
- สื่อสารอย่างเปิดใจ เน้นเหตุผล อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าทำไมพฤติกรรมนั้นจึงไม่เหมาะสม แสดงให้ลูกเห็นว่าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจความรู้สึกของเขา และชวนลูกมาคิดร่วมกันว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
- สอนให้ลูกแสดงออกทางอารมณ์ สอนให้ลูกระบุความรู้สึกของตัวเอง สามารถสื่อสารและแสดงออกอย่างเหมาะสม
- เป็นแบบอย่างที่ดี พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีในการรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง สื่อสารกับคนอื่นอย่างเปิดเผยและสุภาพ และใช้เหตุผลแก้ไขปัญหาต่างๆ ในครอบครัว
- ให้กำลังใจและชื่นชม ชื่นชมพฤติกรรมที่ดีของลูก และให้กำลังใจเมื่อลูกพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
- สอนให้ลูกรับผิดชอบและแก้ปัญหา กำหนดหน้าที่ให้ลูกทำ ด้วยกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ บอกความคาดหวังของพ่อแม่แก่ลูก รวมถึงสอนให้ลูกแก้ปัญหา และช่วยให้ลูกหาทางแก้ไขด้วยตัวเองเมื่อเกิดปัญหา
- ปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดู หากพบว่าวิธีการเลี้ยงดูเดิมไม่เป็นผล ควรลองปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่ๆ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หากปัญหาของเด็กรุนแรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก
สิ่งที่ต้องระวัง
- หลีกเลี่ยงการตำหนิ ลงโทษ เนื่องจากการลงโทษที่รุนแรงอาจทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น
- หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่น อาจทำให้ลูกขาดความมั่นใจในตัวเอง
- พ่อแม่ควรควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ก่อน การเลี้ยงลูกต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจ หากพ่อแม่ขาดความอดทน ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ก็จะไม่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกได้
พฤติกรรมดื้อเงียบของเด็กมักเกิดจากความไม่เข้าใจกันและความขัดแย้งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ลูกอาจรู้สึกว่าการไม่พูดอะไรเป็นวิธีปกป้องตัวเองที่ดีที่สุด แต่จริงๆ แล้วการสื่อสารอย่างเปิดใจจะช่วยให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าใจกันมากขึ้นและแก้ไขปัญหาได้ค่ะ
ที่มา : เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ , เพจสิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก , หมอชาวบ้าน
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
5 เทคนิค สอนลูกให้พอใจในสิ่งที่ตนมี และไม่อิจฉาผู้อื่น ปลูกสุขที่แท้ในหัวใจ
7 พฤติกรรมของพ่อแม่ ที่ทำให้ลูกก้าวร้าว !
ทำไมเด็กไทยพบจิตแพทย์เพิ่มขึ้น หรือ “พ่อแม่ Toxic” มีส่วนทำลูกจิตป่วย?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!