เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา คุณแม่ชาวจีนท่านหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวสุดแปลกของลูกชายวัยประถมว่าลูกของเธอมีอาการ ลูกแพ้การบ้าน ทุกครั้งที่เปิดสมุดทำการบ้าน ลูกชายจะมีอาการตาบวมแดงเหมือนลูกวอลนัท หรี่ตาจนเหลือเพียงช่องว่างเล็ก ๆ มองเห็นคำศัพท์ที่จะเขียนไม่ชัดเจน และด้วยอาการของลูกชายทำให้คุณแม่รายดังกล่าวไม่กล้าที่จะปล่อยให้เขาทำการบ้านต่อ และคุณแม่ไม่รู้จะอธิบายกับครูอย่างไร จึงตัดสินใจโพสต์บันทึกภาพดวงตาที่บวมของลูกและโพสต์วิดีโอดังกล่าวทางออนไลน์ โดยถามผู้ปกครองคนอื่น ๆ ว่าลูก ๆ ของพวกเขาเคยประสบสถานการณ์คล้าย ๆ กันนี้หรือไม่
ทางด้านผู้ปกครองรายหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า “ทุกครั้งที่ตนสอนการบ้านลูก ลูกจะมีอาการคันตา และมักจะขยี้ตาจนแดงและบวม ซึ่งภายหลังตนได้สอบถามลูก เขาก็สารภาพว่าจริง ๆ แล้วไม่อยากทำการบ้าน เลยแกล้งทำเป็นคันตาและขยี้ตาจนตาแดงและบวมเพื่อไม่ต้องทำการบ้าน”
แต่อย่างไรก็ตาม การพยายามขยี้ตาจนแดงและบวม กลับเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ดวงตาบวมเหมือนเด็กชายคนดังกล่าว
ซึ่งผู้ปกครองบางคนยังให้ความเห็นที่ต่างออกไป โดยกล่าวว่า หนังสือที่พิมพ์ใหม่บางเล่มอาจมีสารพิษระเหยได้มากมาย หากเด็กมีสภาพร่างกายที่บอบบาง ซึ่งการได้รับสารเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
สุดท้ายแล้ว ก็ยังไม่มีการยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั้นเกิดจากการไม่อยากทำการบ้านของเด็ก หรือเกิดจากอาการแพ้หมึกจริง ๆ แต่หากเด็กมีอาการแพ้หมึกจริง ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าลำบากของทั้งตัวเด็กเอง และทางผู้ปกครอง
ขอขอบคุณข่าวจาก : ejan.co, sanook.com
ภาพจาก Theo Thanh Hương (Phụ Nữ Số)
ลูกแพ้การบ้าน เป็นไปได้จริงไหม ?
กรณีเด็ก “แพ้การบ้าน” ที่มีอาการตาบวมแดงทุกครั้งที่ทำการบ้านนั้น เป็นไปได้ทั้งสองแบบ ดังนี้
1. แพ้จริง
- แพ้สารเคมี: สมุดการบ้าน หมึกพิมพ์ หรืออุปกรณ์การเรียนบางชนิดอาจมีสารเคมีที่เด็กแพ้ ส่งผลให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง ตาบวมแดง
- แพ้ฝุ่นละออง: บนสมุดการบ้านหรือโต๊ะทำงานอาจมีฝุ่นละอองสะสม เด็กที่มีภูมิแพ้ฝุ่นละอองอาจมีอาการคัน ตาบวม น้ำมูกไหลเมื่อสัมผัส
- เกิดจากความเครียด: เด็กบางคนอาจรู้สึกเครียด วิตกกังวล เมื่อต้องทำการบ้าน ส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮิสตามีน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคัน ตาบวมแดง
2. แกล้งแพ้
- หลีกเลี่ยงการบ้าน: เด็กบางคนอาจไม่อยากทำการบ้าน เลยแกล้งทำเป็นแพ้เพื่อเอาตัวรอด โดยขยี้ตาจนตาแดง บวม แสดงอาการเหมือนแพ้จริง
- เรียกร้องความสนใจ: เด็กบางคนอาจต้องการเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ เลยแกล้งทำเป็นไม่สบาย แสดงอาการแพ้ต่าง ๆ
วิธีสังเกตว่าเด็กแพ้จริงหรือแกล้งแพ้
- สังเกตอาการ: เด็กที่แพ้จริงจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น คัน น้ำมูกไหล
- สังเกตพฤติกรรม: เด็กที่แกล้งแพ้ มักมีพฤติกรรมที่ดูขัดเขิน เมื่อผู้ใหญ่จับได้
- ลองเปลี่ยนอุปกรณ์: เปลี่ยนสมุดการบ้าน หมึกพิมพ์ อุปกรณ์การเรียน หรือลองให้เด็กทำการบ้านในสถานที่อื่น
- พาไปพบแพทย์: หากอาการรุนแรงหรือต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคที่อาจเกิดขึ้น
ลูกไม่อยากทำการบ้านรับมือยังไง
- พูดคุยกับลูก: พยายามพูดคุยกับลูกอย่างใจเย็น ถามถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมถึงไม่อยากทำการบ้าน
- สร้างบรรยากาศการเรียนที่ดี: หาพื้นที่เงียบสงบ แสงสว่างเพียงพอ ให้เด็กมีสมาธิในการทำการบ้าน
- แบ่งการบ้านเป็นส่วนย่อย ๆ: แบ่งการบ้านออกเป็นส่วนย่อย ๆ ให้ง่ายต่อการจัดการ
- ให้รางวัล: เมื่อเด็กทำการบ้านเสร็จ ให้รางวัลเพื่อเป็นกำลังใจ
- ปรึกษาคุณครู: ปรึกษาคุณครูเกี่ยวกับปัญหาการบ้านของลูก
ลูกมีอาการตาบวม เกิดจากอะไรได้บ้าง
อาการตาบวมในเด็กนั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบบ่อย มีดังนี้
- ภูมิแพ้: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการตาบวมในเด็ก มักมีอาการคันตา น้ำตาไหล ขี้ตาเหนียวร่วมด้วย อาจเกิดจากภูมิแพ้ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่น ขนสัตว์ หรือสารเคมีต่าง ๆ
- ภาวะเกลือในร่างกายสูงผิดปกติ: เด็กอาจมีอาการตาบวม โดยเฉพาะบริเวณเปลือกตาตอนเช้า มักเกิดจากการทานอาหารที่มีโซเดียมสูงก่อนนอน
- โดนแมลงกัดหรือต่อย: บริเวณรอบดวงตา ทำให้เกิดอาการเปลือกตาอักเสบ บวม เจ็บ
- โรคเกี่ยวกับดวงตา: เช่น ตากุ้งยิง ตาแดง เปลือกตาอักเสบ ท่อน้ำตาอุดตัน มักมีอาการตาบวมร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ตาแดง ขี้ตา ตาเจ็บ แสบตา มองไม่ชัด
- บาดเจ็บที่ตา: เช่น เกิดอุบัติเหตุที่ตา หรือขยี้ตาแรงเกินไป ทำให้เกิดอาการตาบวม ปวดตา อาจมีเลือดออกในตา
การสังเกตอาการตาบวมในเด็ก
- สังเกตความรุนแรงของอาการ: ตาบวมเพียงเล็กน้อย บวมแค่บางข้าง หรือบวมทั้งสองข้าง
- สังเกตระยะเวลา: ตาบวมเป็น ๆ หาย ๆ หรือบวมตลอดเวลา
- สังเกตอาการอื่นๆ ที่ร่วมด้วย: เช่น คันตา น้ำตาไหล ขี้ตา ตาแดง ปวดตา แสบตา มองไม่ชัด มีไข้ ปวดศีรษะ
- สังเกตสาเหตุ: เด็กอาจมีประวัติการแพ้ โดนแมลงกัดหรือต่อย มีโรคประจำตัว ทานยาบางชนิด หรือมีพฤติกรรมขยี้ตาบ่อย
การรักษาอาการตาบวมในเด็ก
การรักษาอาการตาบวมในเด็กนั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ส่วนมากอาการจะหายเองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่สามารถประคบเย็น เช็ดน้ำตา หลีกเลี่ยงการขยี้ตา และรักษาตามสาเหตุที่แท้จริง เช่น ให้ยาแก้แพ้ ยาหยอดตา หรือยาปฏิชีวนะ แต่หากมีอาการอาการรุนแรงควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที อย่างไรก็ตาม หากเด็กมีอาการตาบวม ก็ไม่ควรปล่อยไว้ ควรพาไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง
ท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ว่าสาเหตุจริง ๆ ของอาการตาบวมเกิดจากอะไร แต่ก็เป็นเรื่องที่ควรจะใส่ใจ โดยผู้ปกครองควรสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด หากพบว่าลูกมีอาการแพ้จริง ควรพาไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกต้อง
ขอขอบคุณภาพจาก : เพจ อีจัน, Theo Thanh Hương (Phụ Nữ Số)
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ลูกเป็นโรคคาวาซากิ ไข้ไม่ลด ซึม ผื่นขึ้น ตาบวมแดง อาการแบบนี้ใช่เลย
ร้องไห้ ตาบวม ทำยังไงดี วิธีแก้ตาบวมจากการร้องไห้ กลบให้มิดปิดให้อยู่!
ปัญหาลูกไม่ทำการบ้าน ลูกไม่ชอบทำการบ้าน เพราะอะไร วิธีแก้ปัญหาลูกไม่ทำการบ้าน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!