การฉีดน้ำเชื้อ เข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง (IUI) ทางเลือกการรักษาภาวะมีลูกยาก
การฉีดน้ำเชื้อ เข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง (IUI)
ปัจจุบันมีคู่รักมากมายที่อยากมีลูกใจจะขาดแต่ก็มีไม่ได้กันสักทีหลังจากพยายามด้วยกันมานาน จะใช้วิธีการมีลูกตามธรรมชาติ เปิดตำราร่วมรัก นับวันรอบประจำเดือน บำรุงทุกวิถีทางแล้วก็ไม่ได้ผล เลยต้องหันมาพึ่งวิทยาศาสตร์เพื่อรักษาปัญหามีลูกยาก ตอนที่ 1 ของซีรี่ส์มีลูกยากนี้ขอนำเสนอ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง ทางเลือกการรักษาภาวะมีลูกยาก

การฉีดน้ำอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง หรือ Intra-uterine insemination (IUI)
ถ้าน้ำอสุจิไปหาไข่แบบธรรมชาติลำบากนักก็ต้องใช้วิธีการฉีดน้ำอสุจิช่วยหน่อย การฉีดน้ำอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง คือ การนำน้ำอสุจิที่ได้รับการคัดแยกมาแล้วฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกขณะที่มีการตกไข่ หน้าที่ของวิทยาศาสตร์มีอยู่เท่านี้ จากนี้ก็เป็นหน้าที่ของธรรมชาติให้ตัวอสุจิว่ายจากโพรงมดลูกไปทางท่อนำไข่และผสมกับไข่ด้วยตัวเองต่อไป
วิธีนี้เรียกได้ว่าใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุดแต่แพทย์ก็สามารถใช้ยากระตุ้นให้คุณผู้หญิงมีไข่ตกมากกว่าหนึ่งใบเพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้มากขึ้น ยากระตุ้นอาจเป็นแบบกินหรือแบบฉีดก็ได้แต่แบบฉีดจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แพทย์จะนัดให้มาทำอัลตราซาวนด์เพื่อตรวจสอบขนาดของไข่เพื่อกำหนดวันฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตกและฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูกผ่านสายขนาดเล็กต่อไป หลังจากฉีดน้ำอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรงแล้ว คุณผู้หญิงสามารถกลับบ้านได้เลย หลังจากนั้นเป็นเวลา 12 ถึง 14 วันก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้

ข้อจำกัด
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะนำว่า ควรใช้วิธีการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรงไม่เกินสามครั้ง แต่บ้างก็ว่าสี่ครั้ง หากไม่ได้ผลก็ควรเปลี่ยนวิธีการรักษาวิธีอื่นเพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ แต่ในบางกรณีจำนวนครั้งอาจลดลงเหลือเพียงสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่คุณผู้หญิงมีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป เนื่องจากการผลิตไข่จะมีความสมบูรณ์น้อยลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น
ปัญหาสำคัญอีกเรื่องคือวิธีการนี้ไม่อาจรับประกันได้ว่าไข่และอสุจิจะปฏิสนธิกันเสมอไป นอกจากนี้วิธีการนี้ยังไม่เหมาะกับคุณผู้หญิงที่มีปัญหาท่อนำไข่ตีบตันหรือมีพังผืดขวางทางระหว่างไข่กับทางเข้าท่อนำไข่ มีปัญหาท่อนำไข่เสียหาย เยื่อบุมดลุกเจริญผิดที่ หรือปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้ไข่ไม่สามารถตกเข้าท่อนำไข่ได้ วิธีนี้ยังไม่เหมาะกับคุณผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องน้ำอสุจิ เช่น มีจำนวนน้อย เคลื่อนไหวผิดปกติ หรือมีปัญหาอื่น ๆ
ค่าใช้จ่าย
โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายการฉีดน้ำอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรงที่โรงพยาบาลรัฐจะตกอยู่ที่ราว 3,000-5,000 บาทสำหรับการใช้ยากระตุ้นไข่แบบกิน ส่วนการใช้ยาฉีดจะอยู่ที่ 7,000-8,000 บาท ค่าใช้จ่ายกับโรงพยาบาลเอกชนคิดอยู่ที่ราว 5,000-8,000 บาทสำหรับการใช้ยากระตุ้นไข่แบบกิน แต่หากใช้ยาฉีดค่าใช้จ่ายอาจแตะหลักหมื่นได้ อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายนี้ก็อาจแตกต่างกันไปบ้างในแต่ละโรงพยาบาล
“ภาวะมีบุตรยาก” คืออะไร ?
ตรงๆ ตัวเลยคือการที่คู่สามี-ภรรยาไม่สามารถปฏิสนธิหรือมีลูกได้ สาเหตุอาจเกิดจากฝ่ายชาย (ประมาณ 25%) หรือฝ่ายหญิง (40%) หรือเกิดจากทั้งสองฝ่าย (20%) และภาวะการมีบุตรยากนี้ยังรวมไปถึงผู้หญิงที่มีอาการแท้งบุตรตามธรรมชาติ ผู้ชายที่มีภาวะเป็นหมันก็เช่นกัน ดังนั้นหากต้องการมีบุตรจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง โดยสามารถแบ่งภาวะมีบุตรยากได้เป็น 2 ประเภทคือ ภาวะมีบุตรยาก ชนิดปฐมภูมิ (Primary Infertility) คือคู่สมคสที่มีบุตรยากโดยยังไม่เคยมีบุตรมาก่อน และชนิดทุติยภูมิ (Secondary Infertility) คือคู่สมควรที่เคยมีบุตรมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก
Did you know ?
15% ของคู่สมรสในประเทศไทย หรือหนึ่งในเจ็ดของคู่สมรสทั่วโลก พยายามที่จะมีลูกภายใน 12 เดือนแต่ไม่สำเร็จ ทั้งที่มีเพศสัมพันธ์กันอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยไม่ได้มีการคุมกำเนิด เช่นนี้ก็เข้าข่ายของการเกิดปัญหามีบุตรยากนั่นเอง
จริงๆ แล้วมีหลากหลายสาเหตุมาก สามารถแบ่งได้ ดังนี้
1.ปัญหามีบุตรยากที่เกิดจากฝ่ายชาย
เกิดจากไลฟ์สไตล์ เช่น ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ สูบบุหรี่จัด ติดสารเสพติด
ปัญหาที่เกิดจากอายุและปัญหาทางสุขภาพ เช่น อายุมากขึ้นและอาจมีความผิดปกติของฮอร์โมนจนอาจเป็นสาเหตุให้มีอาการหลั่งน้ำอสุจิโดยไม่มีตัวอสุจิหรืออสุจิน้อยลงจนไม่มี เชื้ออสุจิมีรูปร่างผิดปกติ เชื้ออสุจิอ่อนแอ ปัญหาอวัยวะเพศไม่แข็งตัว มีเพศสัมพันธ์ลดน้อยลง และเวลาที่ไม่เหมาะสมสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาสุขภาพ เช่น เป็นหมัน หรือต้องรับเคมีบำบัด
2.ปัญหามีบุตรยากที่เกิดจากฝ่ายหญิง
เกิดจากไลฟ์สไตล์ เช่น ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ สูบบุหรี่จัด ติดสารเสพติด การเลือกอาหารการกินที่เป็นผลเสียต่อสุขภาพ เกิดจากความอ้วน มีความเครียดที่เกิดจากการทำงานหรือปัญหาส่วนตัว
ปัญหาที่เกิดจากอายุและปัญหาทางสุขภาพ เช่น เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน อายุที่มากขึ้นทำให้มีปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะไข่ไม่ตก ท่อรังไข่อุดตัน มีเนื้องอกในมดลูก มีพังผืดเกิดขึ้นในช่องเชิงกรานหรือที่ปีกมดลูก หรือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยในผู้หญิงที่มีบุตรยาก ฯลฯ ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่มีปัญหาบริเวณมดลูกเช่นนี้ มักจะมีอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ มีอาการปวดท้องผิดปกติ หากมีการตรวจพบแต่เนิ่นๆ ก็มีโอกาสรักษาให้หายและพร้อมจะมีบุตรตามธรรมชาติได้

3.ปัญหามีบุตรยากที่เกิดจากทั้งสองฝ่าย
เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก ทั้งนี้จึงควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาหาสาเหตุของทั้งสองฝ่าย โดยแพทย์จะทำการตรวจหาสาเหตุ หากเป็นฝ่ายชายส่วนมากก็จะซักประวัติส่วนตัวและตรวจเชื้ออสุจิ เพราะฉะนั้นจึงควรงดการหลั่งอสุจิประมาณ 2-7 วันก่อนมาพบแพทย์ ส่วนการหาสาเหตุในฝ่ายหญิงก็มักจะซักประวัติส่วนตัวและทำการตรวจภายใน ตรวจระดับฮอร์โมนเพศ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ต่อไป
Fact !
มีคู่สมรสอีกจำนวนไม่น้อยที่มีภาวะมีบุตรยาก หรือประมาณ 15-20% ที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นจากแพทย์แล้ว และไม่พบความผิดปกติใดๆ ซึ่งจัดเป็นผู้มีภาวะมีบุตรยากโดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้นจึงควรรีบดำเนินการพบแพทย์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุแบบเจาะลึกต่อไป
แนวทางการรักษา
ปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์ก้าวไกลไปมาก และมีวิธีรักษาภาวะมีบุตรยากมากมาย ขึ้นอยู่กับอายุ ปัญหา สาเหตุของผู้มีบุตรยาก ซึ่งแพทย์จะร่วมกับคนไข้ในการค้นหาวิธีรักษา เช่น การรับประทานยาหรือฉีดกระตุ้นเพื่อให้มีการตกไข่ การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ หรือการปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF, ICSI) ในบางรายอาจจะต้องมีการผ่าตัด เช่น ซีสต์ เนื้องอก เลาะพังผืด แก้ไขท่อนำไข่ตัน หรือแม้แต่การผ่าตัดแก้หมัน เป็นต้น

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กลับสู่หน้าหลักเข้าใจหลักการรักษาภาวะมีบุตรยาก
เป็นไปได้หรือไม่ที่จะตั้งครรภ์ตอนมีอายุมาก
รู้ได้อย่างไรว่ามีการตกไข่
https://travel.trueid.net/detail/0o3loGmkkZ0
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!