วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ทำไมต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี

lead image

เตรียมพร้อมรับมือกับโรคไข้หวัดใหญ่ด้วย วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ปี 2025

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ไม่ใช่แค่ฤดูฝน แต่ทุกคนควรปลอดโรคภัยในทุกฤดู โดยเฉพาะกับไวรัสที่มาทักทายอยู่เสมออย่า “ไข้หวัดใหญ่” ดังนั้น มาเตรียมพร้อมรับมือกับโรคไข้หวัดใหญ่ด้วย วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ วัคซีนที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ป้องกันคุณจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุดถึง 4 สายพันธุ์ เสริมสร้างเกราะป้องกันให้กับร่างกายของคุณและคนที่คุณรัก เผชิญหน้ากับหน้าฝนได้อย่างมั่นใจ ไร้กังวล

ทำความรู้จัก ไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์

ทำความรู้จัก ไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์

“ไข้หวัดใหญ่” คือ โรคที่เกิดจาก “เชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา” (influenza virus) เป็นการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจ โดยมีสายพันธุ์หลักอยู่ 3 ชนิด คือ influenza A influenza B และ influenza C แต่ที่เฝ้าระวังอย่างจริงจังจะมีแค่ชนิด A และ B เนื่องจากชนิด C พบได้น้อย อาการไม่รุนแรง และไม่เกิดการแพร่ระบาดได้มากเท่ากับ 2 ประเภทแรก

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง จะแบ่งเป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B ซึ่งแต่ละชนิดแบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยรวม 4 ชนิดด้วยกัน

  • ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A

หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “ฟลู A” แบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ย่อย คือ H1N1 และ H3N2 จัดว่าเป็นกลุ่มที่มีความรุนแรงที่สุด เนื่องจากสามารถก่อให้เกิดการแพร่ระบาดได้อย่างกว้างขวางทั่วโลก เช่น ไข้หวัดสุกร ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ มักระบาดในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว

  • ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B

หรือ “ฟลู B” แยกย่อยได้เป็น สายพันธุ์ B ตระกูล Victoria และ สายพันธุ์ B ตระกูล Yamagata เป็นไวรัสที่จะพบเชื้อได้ในคนเท่านั้น อาการไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ A มักเกิดการแพร่ระบาดในช่วงฤดูหนาว เพราะเชื้อไวรัสชนิดนี้ชอบสภาพแวดล้อมที่มีอากาศเย็นและแห้ง

 

ความร้าย! ของโรคไข้หวัดใหญ่

แม้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ จะมีอาการคล้ายป่วยเป็นไข้หวัดทั่วไป แต่ต้องบอกว่า “รุนแรงมากกว่า” ค่ะ เพราะอาการมักจะปรากฏทันทีในลักษณะของไข้สูง 38.5 – 40 องศาเซลเซียส รู้สึกหนาว อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดรอบกระบอกตา หรือปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก นอกจากนี้อาจมีอาการคัดจมูก เบื่ออาหาร มีน้ำมูกใสๆ และไอแห้งๆ ร่วมด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ซึ่งผู้ที่มีความเสี่ยงอย่างเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด และเบาหวาน ให้สังเกตอาการตัวเอง หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง ควรรีบพบแพทย์

ส่วนผู้ป่วยทั่วไปควรพบแพทย์เช่นกันหากมีอาการต่อไปนี้

  1. มีไข้สูงและเป็นมานาน
  2. ให้ยาลดไข้แล้ว ไข้ยังเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
  3. หายใจหอบ หรือหายใจลำบาก
  4. แน่นหรือเจ็บหน้าอก
  5. หน้ามืดเป็นลม
  6. มีอาการสับสน
  7. อาเจียน กินอาหารไม่ได้

ทั้งนี้ ความร้ายของไข้หวัดใหญ่อยู่ที่การเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย ที่พบได้บ่อยคือ “ปอดอักเสบ” รวมถึงระบบทางเดินประสาท และระบบกล้ามเนื้อด้วยค่ะ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ อะไรบ้าง

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่พบบ่อยที่สุดคือ วัคซีนสี่สายพันธุ์ (Quadrivalent Vaccine) ช่วยป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ 4 สายพันธุ์ โดยปกติจะเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ A 2 สายพันธุ์ และเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ B 2 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่รวมอยู่ในวัคซีนจะเปลี่ยนแปลงไปทุกปี ขึ้นอยู่กับเชื้อไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดและคาดว่าจะพบมากที่สุด องค์การอนามัยโลก (WHO) จะเป็นผู้แนะนำสายพันธุ์ที่ควรใส่ในวัคซีนประจำปี และ4 สายพันธุ์ที่มักจะรวมอยู่ในวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีดังต่อไปนี้

  • ไข้หวัดใหญ่ A (H1N1)
  • ไข้หวัดใหญ่ A (H3N2)
  • ไข้หวัดใหญ่ B (สายพันธุ์วิคตอเรีย)
  • ไข้หวัดใหญ่ B (สายพันธุ์ยามากาตะ)

 

ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ หรือที่เรียกว่า วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ มีข้อดีหลายประการเหนือวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ ซึ่งเรามาคำตอบของเหตุผลที่ว่าทำไมการฉีดวัคซีน 4 สายพันธุ์จึงเป็นความคิดที่ดี

  • ป้องกันได้กว้างขวางกว่า

วัคซีน 4 สายพันธุ์ ป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ A สองสายพันธุ์และไวรัสไข้หวัดใหญ่ B สองสายพันธุ์ ในขณะที่วัคซีน 3 สายพันธุ์ ครอบคลุมเฉพาะไวรัส B เพียงสายพันธุ์เดียว ซึ่งหมายความว่า วัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ ช่วยป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่อาจแพร่ระบาดในแต่ละฤดูกาลได้หลากหลายสายพันธุ์ 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • ช่วยลดความรุนแรงของโรค

แม้ว่าคุณจะติดไข้หวัดใหญ่หลังจากได้รับวัคซีน 4 สายพันธุ์แล้วก็ตาม งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า คุณอาจมีอาการเพียงเล็กน้อยและหายป่วยเร็วกว่าคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

  • เป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มเสี่ยง

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) แนะนำวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์สำหรับทุกคนที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยเน้นให้ความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่สูง เช่น เด็กเล็ก สตรีตั้งครรภ์ ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 

บทความที่น่าสนใจ: ไขข้อสงสัย ! เลือก ยาแก้หวัดเด็ก อย่างไรให้ปลอดภัยต่อลูกน้อย ?

 

 

ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เมื่อไหร่ ฉีดถี่แค่ไหน?

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ถือเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย ไม่สามารถทำให้ก่อเกิดโรคได้ เป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายจากการเกิดโรค และลดความรุนแรงของโรคเมื่อเจ็บป่วยได้ด้วย

โดยสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่ผู้ที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป และจำเป็นต้องได้รับวัคซีน “ทุกปี” ปีละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันโรคตลอดเวลา เพราะไข้หวัดใหญ่แต่ละสายพันธุ์จะแตกต่างกันในแต่ละปี ซึ่งสามารถแบ่งตามช่วงอายุของผู้เข้ารับการฉีด ดังนี้

  • เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 8 ขวบ ฉีด 2 เข็มในปีแรก โดยเว้นระยะห่างการฉีดครั้งละ 1 เดือนหากในปีแรกได้ฉีดเพียงครั้งเดียว ให้ฉีด 2 ครั้งในปีถัดมา หลังจากนั้นค่อยฉีดปีละครั้งได้
  • บุคคลทั่วไป ฉีด 1 เข็ม และต้องฉีดเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกปี

ใครบ้างที่ควรฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์

  • เด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี
  • ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือวางแผนตั้งครรภ์
  • ผู้สูงอายุที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ผู้ที่ต้องใช้ยาแอสไพรินระยะยาว เนื่องจากยาแอสไพรินอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารและลดความสามารถในการแข็งตัวของเลือด ทำให้เกิดเลือดออกได้ง่าย ดังนั้น การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ
  • ผู้ที่อาศัยอยู่ในสถานประกอบการหรือสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก เช่น โรงเรียน สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และสถานที่จัดงานรื่นเริง เป็นต้น
  • บุคคลที่ทำงานด้านบริการ เช่น พนักงานขาย พนักงานแคชเชียร์ พนักงานบริการขนส่งสาธารณะ
  • บุคคลที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง

 

ทำไมเด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปีต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

เด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปีควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ด้วยเหตุผลหลายประการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัยของเด็ก โดยมีสาเหตุดังต่อไปนี้

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

1. ภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่เต็มที่

ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กในช่วงอายุนั้นยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่และเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดบวม หลอดลมอักเสบ และหูชั้นกลางอักเสบ

2. ป้องกันภาวะแทรกซ้อน

การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในเด็กอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน การคายน้ำ (dehydration) และในบางกรณีอาจนำไปสู่การรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือแม้กระทั่งการเสียชีวิต

3. ลดการแพร่เชื้อ

เด็กมักจะมีการสัมผัสใกล้ชิดกับคนอื่นทั้งในบ้านและที่โรงเรียน การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อไปยังเด็กคนอื่นและผู้ใหญ่รอบตัว โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีโรคประจำตัว

4. ลดการขาดเรียนและการขาดงานของผู้ปกครอง

การป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ช่วยลดโอกาสที่เด็กจะต้องหยุดเรียน และลดภาระของผู้ปกครองที่ต้องดูแลเด็กที่ป่วย ทำให้ไม่ต้องขาดงาน

5. ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีการทดสอบและวิจัยอย่างกว้างขวางเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก การฉีดวัคซีนเป็นวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง

 

 

ผลข้างเคียงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์

โดยทั่วไป วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ถือว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ การได้รับวัคซีนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย

  • ปวดบริเวณที่ฉีด: อาจรู้สึกปวด บวม แดง หรือระคายเคืองบริเวณที่ฉีดวัคซีน
  • อาการไข้: อาจมีไข้ต่ำๆ มักเกิดขึ้นภายใน 1-2 วันหลังการฉีด
  • ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ: รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ มักหายเองได้ภายในเวลาไม่นาน
  • อ่อนเพลีย: รู้สึกอ่อนเพลียหรือไม่มีแรง อาจเกิดขึ้น 1-2 วันหลังการฉีด
  • ปวดหัว: อาจมีอาการปวดหัวเล็กน้อยถึงปานกลาง

ผลข้างเคียงที่ไม่พบบ่อยแต่รุนแรง

  • ปฏิกิริยาแพ้รุนแรง (anaphylaxis): แม้จะพบได้ยาก แต่บางรายอาจมีอาการแพ้อย่างรุนแรง เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก หรือลมพิษ ควรรีบพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเหล่านี้
  • กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain-Barré syndrome, GBS): พบได้ยากมาก และยังไม่แน่ชัดว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นสาเหตุโดยตรง แต่ผู้ที่มีประวัติ GBS มาก่อนอาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังการฉีด

บทความที่น่าสนใจ: อะดีโนไวรัส (Adenovirus) ทำลูกไข้สูง เป็นหวัด ตาแดง พ่อแม่ต้องระวัง!

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์

 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ อยู่ได้กี่ปี ทำไมต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี

วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนั้น ๆ เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผลของวัคซีนจะมีระยะเวลาคุ้มครองประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ดังนั้น การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงจำเป็นต้องฉีดทุกปี เพื่อให้ได้รับการป้องกันจากไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่คาดว่าจะระบาดในฤดูกาลนั้น ๆ 

 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ราคา

ราคาวัคซีนไข้หวัดใหญ่อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ได้รับบริการและประเภทของวัคซีนที่ใช้ โดยปกติแล้ว ราคาวัคซีนไข้หวัดใหญ่อาจมีช่วงราคาอยู่ประมาณ 300-1,500 บาทต่อเข็ม

 

ที่มา: immunizebc.ca, ddc.moph.go.th, nhso.go.th , www.praram9.com

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

ระบาดหนัก! ไวรัส hMPV ทำปอดอักเสบ คล้ายไข้หวัดใหญ่ เด็ก-ผู้สูงอายุต้องระวัง

วัคซีนไข้หวัดใหญ่กับแม่ตั้งครรภ์ วัคซีนสำคัญกับเหตุผลที่ว่าทำไมจึงควรฉีด

อาการไข้หวัดใหญ่ อันตรายถึงชีวิต ถ้าไม่ระวัง อาการเป็นอย่างไร

บทความโดย

Siriluck Chanakit