วิธีอุ่นนมแม่ อุ่นอย่างไรให้ได้สารอาหารครบ พร้อมเคล็ดลับการเก็บนมแม่ นมแม่เก็บได้นานเท่าไหร่ ระยะเวลาในการเก็บนมแม่ที่ดีที่สุด ควรเก็บกี่วัน

วิธีอุ่นนม วิธีอุ่นนมแม่ อย่างไรให้ปลอดภัย ได้สารอาหารครบ
นมแม่ เปรียบเสมือนยาวิเศษสำหรับลูกน้อย เพราะในน้ำนมของแม่นั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการ การเจริญเติบโตของทารก รวมถึงระบบสร้างภูมิคุ้มกันด้วย อีกอย่างนมแม่ไม่ต้องเสียเงิน คุณแม่สามารถมีนมให้ลูกน้อยได้กินตลอด อย่างไรก็ตาม คุณแม่บางคนน้ำนมเยอะ บางคนก็ต้องออกไปทำงานไม่สามารถที่จะให้นมลูกได้ตลอดเวลา การปั๊มนม และการเก็บน้ำนมให้ลูกกินจึงจำเป็น วันนี้ทาง theAsianparent จะแนะนำ วิธีอุ่นนมแม่ ที่ถูกต้องต้องทำอย่างไรกันค่ะ
วิธีอุ่นนมแม่ วิธีอุ่นมีขั้นตอนอะไรบ้าง
วิธีอุ่นนมแม่ วิธีอุ่นนมแม่ที่แช่ตู้เย็น
- นำถุงเก็บน้ำนมแม่ออกจากตู้เย็นแล้วพักไว้
- นำน้ำร้อนที่ต้มด้วยกา หรือว่าอุ่นจากไมโครเวฟ เทใส่ถ้วย หรือชาม
- วางถุงเก็บน้ำนมแม่ในถ้วยน้ำอุ่น
- ทิ้งนมแม่ไว้ในถ้วยน้ำอุ่น ประมาณ 1-2 นาที
- นำมือค่อย ๆ ดันน้ำนมแม่ออกจากถุงใส่ขวดนม
- หมุนขวดนมให้นมผสมกัน ห้ามเขย่าเด็ดขาด
จากนั้น หยดน้ำนมลงที่มือเพื่อทดสอบอุณหภูมิ อย่าให้น้ำนมมีอุณหภูมิที่ร้อนเกินไป เพราะอาจจะลวกลูกน้อยได้ค่ะ
วิธี อุ่น นม นำถุงเก็บน้ำนมแม่ออกจากตู้เย็นแล้วพักไว้ วิธี อุ่น นม แม่
วิธีอุ่นนมแม่จากช่องแช่แข็ง
- ให้นำนมแม่ออกจากช่องแช่แข็ง
- จากนั้นนำไปแช่ในช่องแช่เย็นในตู้เย็นปกติ
- แล้วทำเหมือนวิธีอุ่นนมแม่ที่แช่ในตู้เย็น ตามข้างบน
- หากคุณแม่ต้องการอุ่นนมให้ลูกกินเลย แนะนำให้นำนมมาแช่ในน้ำร้อน ประมาณ 10-15 นาที หรือนานกว่านั้น
- จากนั้นก็เทนมใส่ขวด แล้วค่อย ๆ คนให้เข้ากัน
วิธี อุ่น นม แม่ ให้นำนมแม่ ออกจากช่องแช่แข็ง
สามารถอุ่นนมแม่ในไมโครเวฟได้ไหม วิธีอุ่นนม
อุ่นนม ไม่แนะนำให้นำนมแม่อุ่นในไมโครเวฟค่ะ เนื่องจากความร้อนในไมโครเวฟไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดการไหม้บางจุดได้ อีกทั้งยังทำลายสารอาหาร และแอนติบอดี้ หรือสารภูมิต้านทานในร่างกายที่ช่วยทำลายแบคทีเรีย และสารอันตรายอื่น ๆ ในน้ำนมแม่ด้วยค่ะ ซึ่งคุณแม่สามารถนำน้ำมาอุ่นในไมโครเวฟเพื่อนำไปใช้ในการอุ่นนมแม่ได้ค่ะ
จำเป็นต้องใช้ที่อุ่นขวดนมหรือไม่
สำหรับที่อุ่นขวดนม เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการอุ่นนมโดยเฉพาะ ซึ่งผู้ผลิตต่อก็บอกว่าเครื่องอุ่นขวดนมที่พัฒนามานั้น มีการใช้ความร้อนที่สม่ำเสมอไม่เหมือนกับไมโครเวฟ แถมยังใช้งานง่าย และประหยัดเวลา โดยใช้เวลาแค่ 2 – 3 นาทีเท่านั้น แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน เพราะความร้อนที่มากเกินไปอาจไปทำลายสารอาหารในนมแม่ก็ได้
อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยหนึ่ง โดยผู้ทดสอบได้ทำการทดลองการอุ่นนมแม่ในอุณหภูมิต่าง ๆ พบว่า การอุ่นนมแม่ในอุณหภูมิที่สูงกว่า 80° F (หรือ 26.7 ° C) จะทำให้เกิดการสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ แต่การศึกษานี้ไม่ได้ระบุขวดนมที่ใช้ทดสอบ หากคุณแม่ใช้เครื่องอุ่นนมอยู่ หรือกำลังจะเลือกซื้อ แนะนำให้เลือกใช้อุณภูมิที่ไม่ร้อนมากเกินไปค่ะ
จากนั้นนำไปแช่ในช่องแช่เย็นในตู้เย็นปกติ
นมแม่ที่อุ่นแล้วเก็บไว้ได้ไหม
หากลูกน้อยของคุณกินนมแม่ไม่หมด คุณแม่ไม่ควรเก็บนมไว้แล้วนำมาอุ่นให้ลูกกินซ้ำค่ะ ถ้าลูกกินนมแม่ไม่หมด ในระยะเวลา 2 ชั่วโมง แนะนำให้ทิ้งเลยจะดีกว่า เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าไปในนมซึ่งอาจทำให้นมเสีย และทำให้น้องป่วยได้ค่ะ ฉะนั้น คุณแม่ห้ามเสียดายเด็ดขาด เพราะสุขภาพลูกสำคัญกว่า
นมแม่ปั๊มเสร็จจัดเก็บอย่างไร
- หลังจากคุณแม่ปั๊มนมแล้ว สามารถวางนมทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง (25 ° C) ได้ในระยะเวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมงค่ะ หากเกินแนะนำให้ทิ้ง หรือเก็บใส่ในตู้เย็น
- หากแม่นำนมที่แช่ไว้ออกมาละลาย หรืออุ่นแล้ว ไม่ควรทิ้งไว้เกิน 2 ชั่วโมง หากเกิน 2 ชั่วโมงแนะนำให้ทิ้งไปเลยค่ะ อย่านำกลับไปอุ่น หรือแช่ซ้ำ
- หากคุณแม่เดินทางอยู่ หรือออกมาทำงานข้างนอก แนะนำให้คุณแม่เก็บนมในที่แช่ หรือกระเป๋าเก็บความเย็นแล้วเอาน้ำแข็งหุ้มไว้ ซึ่งสามารถเก็บได้ 24 ชั่วโมงเลยค่ะ
- หากคุณแม่เก็บนมในตู้เย็น จะสามารถเก็บนมได้ 4 วัน
- หากคุณแม่เก็บนมในช่องแช่แข็ง สามารถเก็บนมได้ถึง 12 เดือนเลยนะคะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณแม่เก็บนมไว้ 90 วัน ในนมแม่จะเริ่มเป็นกรดมากขึ้น และสารอาหารจะเริ่มลดน้อยลง ถ้าเป็นไปได้ ควรให้ลูกกินนมแม่ในระยะเวลาดังกล่าว และการเก็บนมแม่แช่แข็งคุณภาพดีต้องไม่เกิน 6 เดือนค่ะ
หากคุณแม่เก็บในตู้เย็น จะสามารถเก็บนมได้ 4 วัน
ที่มา: healthline
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
ขวดนมสีชา ซื้อให้ลูกใช้ดีไหม ต่างจากขวดนมแบบอื่นอย่างไร
น้ำนมแม่ไม่ไหล ท่อนมอุดตัน เต้าคัด ปั๊มไม่ออก เกิดจากสาเหตุอะไร ต้องแก้ยังไง
นิวเคลียร์เปิดคลังสต๊อกนมแม่ พร้อมแชร์วิธีเลี้ยงน้องไทก้า วัย 2 เดือนกว่า
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!