X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

7 ประโยชน์ที่ยกให้ "นมแม่" ชนะเลิศ

บทความ 8 นาที
7 ประโยชน์ที่ยกให้ "นมแม่" ชนะเลิศ

ความสำคัญของนมแม่เริ่มต้นตั้งแต่ชั่วโมงแรกของชีวิตที่ลูกเกิด เพราะน้ำนมแม่มีประโยชน์มหาศาล เป็นวัคซีนธรรมชาติจากอกแม่สู่ลูกน้อย และอีกนานาประโยชน์ของนมแม่ที่ทุกคนต่างยกให้ “นมแม่” ชนะเลิศ

องค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ (UNICEF) แนะนำตรงกันว่า ลูกควรได้ดื่มนมแม่เพียงอย่างเดียว ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือนเป็นอย่างน้อย และควรกินต่อเนื่องไปจนลูกอายุ 2 ปี หรือจนกว่าน้ำนมแม่จะหมด แล้วทานควบคู่กับอาหารตามทานอาหารวัย เพราะน้ำนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูก เพราะมีองค์ประกอบทางโภชนาการที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง ร่างกาย และอารมณ์อยู่อย่างครบถ้วน

#1 สารอาหารที่จำเป็นกับลูกล้วนอยู่ในนมแม่

สารอาหารในน้ำนมแม่มีการเปลี่ยนแปลงตามระยะเวลาหลังการคลอดเพื่อให้เหมาะสมกับตัวลูกน้อย ผ่านกระบวนการสร้างน้ำนมในร่างกายของแม่ที่เกิดจากการหลั่งฮอร์โมนกระตุ้น โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ 

7 ประโยชน์ที่ยกให้ นมแม่ ชนะเลิศ

ระยะที่ 1 น้ำนมเหลือง (Colostrum) จะพบในช่วง 1 – 3 วัน หลังคลอด น้ำนมจะมีสีเหลือง เนื่องจากมีแคโรทีนสูงกว่านมระยะหลัง ๆ น้ำนมระยะนี้เป็นน้ำนมที่อุดมไปด้วยสารอาหารนานา ได้แก่

  • โปรตีน ในนมแม่มีมากกว่า 1,000 ชนิด โดยนมแม่ระยะนี้จะพบโปรตีนที่ชื่อว่า แลคโตเฟอร์ริน มากกว่าโปรตีนชนิดอื่น ๆ โดยมีประมาณ 6 กรัมต่อลิตร ซึ่ง แลคโตเฟอร์ริน สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ไวรัสได้ และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อย 
  • ไขมัน ในนมแม่เป็นไขมันที่ย่อยง่าย และมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น DHA และ AA (Arachidonic Acid) ซึ่งสำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทและการมองเห็น
  • คาร์โบไฮเดรต พบโอลิโกแซคคาไรด์ หรือ คาร์โบไฮเดรตสายสั้น (Human Milk Oligosaccharides หรือ HMOs) และน้ำตาลแลคโตสในนมแม่กว่า 200 ชนิด 
  • วิตามินและแร่ธาตุ ที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต เช่น A, B1, B2, B6, B12, C, D, E, K และแร่ธาตุซึ่งได้แก่ เหล็ก แคลเซียม ไอโอดีน เป็นต้น
  • สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) โกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) ที่มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบทางเดินลำไส้ เส้นเลือด ระบบประสาท และระบบฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญเติบโต

นอกจากนี้น้ำนมเหลืองยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยในการขับขี้เทา (Mekonium) ซึ่งเป็นของเสียที่สะสมอยู่ในลำไส้ ขณะที่ลูกอยู่ในครรภ์อีกด้วย 

Advertisement

ระยะที่ 2 น้ำนมระยะปรับเปลี่ยน (Transitional Milk) ร่างกายแม่จะสร้างขึ้นในช่วง 4 – 20 วัน หลังคลอด น้ำนมจะเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่น ซึ่งจะมีสารอาหารเพิ่มขึ้น ทั้งโปรตีน ไขมัน และน้ำตาลที่มีปริมาณเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของร่างกายลูกในวัย 1 เดือนแรก แม้จะมีสารอาหารหลายชนิดเพิ่มขึ้น แต่บริมาณ แลคโตเฟอร์รินจะลดลงเหลือ 3.7 กรัมต่อลิตร

ระยะที่ 3 น้ำนมสีขาว (Mature Milk) ร่างกายคุณแม่จะสร้างขึ้นช่วง 20 วัน หลังคลอด น้ำนมแม่จะมีปริมาณที่มากขึ้น และมีสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกอย่างครบถ้วน ในช่วงนี้คุณแม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารให้หลากหลายในปริมาณเหมาะสม เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารผ่านน้ำนมแม่อย่างเพียงพอ เมื่ออยู่ในช่วงน้ำนมสีขาว ระดับแลคโตเฟอร์รินจะลดลงเหลือเพียง 1.5 กรัมต่อลิตรเท่านั้น

#2 นมแม่สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก

มีคำกล่าวที่บอกว่า นมแม่เปรียบเสมือนวัคซีนธรรมชาติจากอกแม่สู่ลูกน้อย โดยเฉพาะระยะน้ำนมเหลือง ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อระบบภูมิคุ้มกันของลูก โดยสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของลูกน้อย ดังนี้

  • แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดโอกาสการติดเชื้อโรค เพราะเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสจะมีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบและใช้ในการดำรงชีวิต แต่แลคโตเฟอร์รินเป็นโปรตีนที่จับธาตุเหล็กได้ดี จึงไปดึงธาตุเหล็กในแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรคออกมา ทำให้เชื้อโรคเหล่านั้นไม่สามารถเจริญเติบโตได้ และตายในที่สุด ด้วยคุณสมบัติที่สามารถจับธาตุเหล็กได้ดี จึงส่งผลให้ทารกที่ได้รับแลคโตเฟอร์รินอย่างเพียงพอจะช่วยป้องกันการเกิดภาวะขาดแคลนธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคโลหิตจางในทารก กล่าวคือ เมื่อลูกได้ดื่มนมแม่ที่มีแลคโตเฟอร์รินก็จะช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง และลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยนั่นเอง
  • MFGM (Milk Fat Globule Membraine) หรือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในน้ำนมแม่ ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันมากกว่า 150 ชนิด ซึ่งนอกจากจะมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มการเชื่อมต่อเซลล์สมอง ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยดีขึ้นแล้ว ยังมีงานวิจัยทางคลินิกที่พบว่าเด็กที่ได้รับ MFGM จากน้ำนมแม่จะมีระยะเวลาในการเป็นไข้ หรือเจ็บป่วย และใช้ยาปฏิชีวนะน้อยกว่าเด็กที่กินนมที่ไม่มีส่วนผสมของ MFGM ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของลูกน้อย
  • ไลโซไซม์ (Lysozyme) เป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่พบในน้ำนมแม่ ซึ่งมีปริมาณมากกว่านมวัว มีความเฉพาะตัว และหาได้ยาก โดยทั่วไปแล้วจะไม่สามารถพบเจอในนมผง เนื่องจากไลโซไซม์จะถูกทำลายได้ในขั้นตอนที่ใช้ความร้อน สารอาหารชนิดนี้จะช่วยทำลายผนังเซลล์แบคทีเรีย ส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียถูกทำลายไปในที่สุด
  • บิฟิดัส โกรท แฟคเตอร์ (Bifidus Growth Factor) เป็นสารอาหารในน้ำนมแม่ที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อแลคโตบาซิลลัส และไม่พบในน้ำนมวัวทั่วไป ซึ่งบิฟิดัส โกรท แฟคเตอร์ เป็นเชื้อที่ช่วยให้เกิดกรดอินทรีย์ในลำไส้ ทำให้แบคทีเรียชนิดร้ายอยู่ไม่ได้ นอกจากนี้ แลคโตสในน้ำนมแม่เองก็ยังเปลี่ยนเป็นกรดแลกติก ที่ช่วยให้ลำไส้มีสภาพเป็นกรดจนแบคทีเรียไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกแรงหนึ่งด้วย
  • ที-ลิมโฟไซต์ (T-lymphocyte) ทำหน้าที่จับกินเชื้อโรคที่มาเกาะเยื่อบุผิว โดยภาพรวม ทำให้ลดอัตราตายของทารกและเด็ก โดยเฉพาะจากโรคติดเชื้อทางระบบหายใจ และโรคอุจจาระร่วง
  • สารอาหารที่ช่วยลดโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ นมแม่มีสารอาหารหลายชนิดที่ช่วยลดการเกิดโรคภูมิแพ้ เช่น โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ โรคหืด โดยมีการศึกษาว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 3 เดือน ช่วยลดโอกาสการเกิด Atopic Dermatitis และโรคหืดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 

ในประโยชน์ของน้ำนมแม่ที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันยังมีอีกมาก และคุณสมบัติเหล่านี้เองที่ทำให้ นมแม่เปรียบเสมือนวัคซีนธรรมชาติจากอกแม่สู่ลูกน้อย 

#3 น้ำนมแม่มีประโยชน์ต่อสมองลูก

สมอง เป็นอวัยวะที่ถูกสร้าง และพัฒนามาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เมื่อลูกคลอดออกมา และได้รับการกระตุ้นที่เหมาะสม เช่น การกอด การพูดคุย เป็นต้น ประกอบกับการกินนมแม่ สมองก็จะถูกพัฒนายิ่งขึ้นไปอีก ลูกจะมีสติปัญญาดีกว่า เมื่อเทียบกับเด็กในระดับที่เท่ากัน ในนมแม่มีสารอาหารที่เสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง และความจำอยู่จำนวนมาก เช่น 

  • MFGM (Milk Fat Globule Membrane) หรือ เยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในน้ำนมประกอบด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด อย่างสปิงโกไมอิลีน ฟอสโฟไลปิด แกงกลิโอไซต์ เป็นต้น ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยเสริมสร้าง IQ และ EQ ของลูกน้อยให้เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก เพราะฉะนั้นการดูแลให้ลูกได้กินนมแม่ใน 6 เดือนแรก และกินต่อเนื่องควบคู่ไปกับอาหารตามวัยจนอายุ 2 ปี จะเป็นการเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและความจำอย่างดีที่สุด
  • DHA คือ กรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมอง และจอประสาทตา โดยองค์ประกอบหลักในสมองมี DHA 40% และมี DHA ในจอประสาทตาถึง 60% DHA จะเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาทซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณ ส่งผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน มีงานวิจัยที่พบว่า เด็กที่ได้รับ DHA จะมีพัฒนาการของสมองและสายตา ความสามารถในการจำ และการแก้ปัญหาดีกว่าเด็กที่ไม่ได้รับ DHA 
  • ทอรีน (Taurine) เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถสร้างได้เอง อย่างไรก็ตามสำหรับทารกแรกเกิดนั้น สารอาหารชนิดนี้ก็ยังถือว่ามีความสำคัญ เพราะมีส่วนช่วยในเรื่องของพัฒนาการทางสมอง และการมองเห็นคล้ายกับ DHA นั่นเอง

ไมโครนิวเทรียนส์

#4 น้ำนมแม่มีประโยชน์ต่อพัฒนาการของลูก

เด็กที่ได้ดื่มนมแม่อย่างสม่ำเสมอ จะได้รับการกระตุ้นพัฒนาการอย่างรอบด้านผ่านการดื่มน้ำนมแม่ 

  • กลิ่น เด็กจะเรียนรู้ จากกลิ่นตัวของแม่เป็นอันดับแรก ซึ่งเกิดจากการโอบกอด ให้นมลูกอย่างใกล้ชิด เด็กจะค่อย ๆ จำกลิ่นได้ ไม่ว่าแม่จะอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ หรือว่าเพิ่งกลับมาจากทำงาน เขาจะเริ่มเรียนรู้ว่า เมื่อไรที่ได้กลิ่นแม่ ไม่ช้าเขาก็จะได้กินนม หรือจะมาอุ้มเขาเล่นนั่นเอง
  • ช่องปาก ปากอันบางจิ๋วของเจ้าหนู จะรู้จักขยับริมฝีปาก เพื่อค้นหาหัวนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด และเมื่อได้ดื่มนมแม่ ริมฝีปาก เพดาน ลิ้น ช่องปากก็จะเริ่มทำงาน หัดดูด กลืนน้ำนมโดยอัตโนมัติ เคยมีคนตั้งข้อสังเกตว่า เด็กที่ไม่ได้ดื่มนมแม่มาตั้งแต่เกิด มีภาวะเสี่ยงที่เด็กจะอมนิ้วมือ จนติดเป็นนิสัยมากกว่าเด็กที่ได้ดื่มนมแม่
  • สายตา ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่า การให้นมแม่จะฝึกสายตาลูกได้อย่างไร เอาน่า…จะเฉลยให้ฟัง พัฒนาการของลูกวัย 3 เดือนแรก จะชอบมองสีที่ตัดกันมาก ๆ อย่างสีขาว และสีดำ ซึ่งดวงตาของคุณแม่ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน แถมยังกระพริบได้อีกด้วย เจ้าหนูก็เลยมีสมาธิจ้องมองใหญ่ ฝึกพัฒนาการทางสายตา ขณะที่ดื่มนมแม่ค่ะ

#5 น้ำนมแม่ดีต่ออารมณ์และจิตใจของลูก

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ นอกจากลูกฉลาดแล้ว ยังทำให้ลูกอารมณ์ดี เลี้ยงง่าย ไม่ร้องไห้โยเยบ่อย ๆ เพราะการให้ลูกกินนมแม่ แม่จะโอบกอด สัมผัสระหว่างแม่และลูก ทำให้ลูกเกิดความอบอุ่น รู้สึกถึงความรัก ที่แม่มอบให้ ลูกก็จะเกิดความสุขขึ้นในใจ เมื่อลูกมีความสุข ก็เลี้ยงง่าย 

ร่างกายของแม่เองก็หลั่งสารที่ทำให้แม่มีความสุข อารมณ์ดี ขณะให้นมลูก แม่ได้สบตา ยิ้มกับลูก ชวนลูกพูดคุย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกให้ค่อย ๆ ซึมซับสิ่งที่ดีวันละเล็กละน้อย นำไปสู่การมีอารมณ์ที่ดี อิ่มอุ่นรัก ด้วยนมแม่ ซึ่งจะส่งผลต่อบุคลิกภาพเมื่อลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ 

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยรับรองว่า MFGM ที่คุณแม่มอบให้ลูกผ่านน้ำนมส่งผลดีต่อพัฒนาการทางสมองในระยะยาวของเด็กเล็กไปจนถึงวัยเข้าเรียน เด็กที่ได้รับประทานนมที่มี MFGM จะมีทักษะและคะแนนจากการวัดผล IQ/EQ สูงกว่าเด็กที่ไม่ได้รับ MFGM การเลือกโภชนาการที่มี MFGM ให้กับลูกจึงเป็นหนึ่งในการวางรากฐานทางอารมณ์และจิตใจที่ดีในอนาคตให้กับลูกน้อย

#6 นมแม่ย่อยง่าย ถ่ายง่าย ไม่ท้องผูก

ในช่วงระยะแรก ๆ ที่ทารกกินนมแม่จะเห็นว่าลูกจะถ่ายเหลวและถ่ายบ่อย เป็นเพราะนมแม่ย่อยง่าย ซึ่งจะทำให้ลูกอาจถ่ายได้บ่อย 8 – 10 ครั้งต่อวัน หรือทุกครั้งหลังจากดูดนมแม่ก็ได้ ทั้งนี้ให้คุณแม่สามารถสังเกตได้จากอึของลูก รวมถึงอาการของลูกด้วย หากอุจจาระนิ่มและเป็นสีเหลืองทอง กลิ่นไม่รุนแรงเหม็นคาว ลูกไม่งอแง ไม่ซึม ไม่เป็นไข้ กินนมได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ถือว่าท้องเสีย และเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 สำไส้ของลูกน้อยจะพัฒนาและดูดซึมดีขึ้น ลูกจะไม่ถ่ายบ่อยเหมือนช่วงแรกแล้ว แต่จะอึครั้งละมากๆ แทน ถึงแม้บางรายอาจจะไม่ถ่ายนาน 2 – 3 สัปดาห์ ถ้าถ่ายไม่แข็ง ท้องไม่อืด ยังไม่อึดอัดแน่นท้อง ก็ยังถือว่าปกติ

วิธีการเลี้ยงลูกให้มี IQ EQ

#7 ให้นมลูกก็มีประโยชน์กับแม่ด้วย

ในการให้นมลูกไม่ใช่แค่ลูกจะได้รับประโยชน์เท่านั้น แม่เองก็ได้รับประโยชน์จากการให้นมลูกเช่นกัน 
  • ด้านสุขภาพร่างกายของแม่ ในช่วงที่แม่ให้นมลูกจะมีการหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า ออกซิโทซิน (Oxytocin) ออกมาเพื่อช่วยให้มดลูกเข้าอู่หรือกลับคืนสู่สภาพเดิมได้เร็วยิ่งขึ้น และขณะที่ร่างกายของแม่ผลิตนมให้แก่ลูกร่างกายจะต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติถึงเกือบ 500 Kcal ทำให้มีการดึงพลังงานจากไขมันที่สะสมในช่วงตั้งครรภ์มาใช้งาน ทำให้แม่กลับมามีรูปร่างที่ดีขึ้นเหมือนก่อนตั้งท้องได้ นอกจากนี้ยังมีการวิจัยในแม่ที่ให้นมลูกหลังคลอดจะช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ในแม่ได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคในระยะยาว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเบาหวานได้  
  • ด้านอารมณ์ของแม่ ฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) ที่บางคนเรียกว่าฮอร์โมนแห่งความรัก ยังสามารถช่วยให้แม่เกิดความผ่อนคลาย ลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ทำให้มีความสุขในขณะให้นมลูก ช่วยสร้างความรักและความผูกพันธ์ระหว่างแม่กับลูก ทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของแม่ ความอบุอุ่นที่ส่งผ่านจากแม่สู่ลูกนี้ยังส่งผลให้ฮอร์โมนโปรแลคติน (Prolactin) ช่วยขับน้ำนมของแม่ให้ไหลได้ดีขึ้นในขณะให้นมอีกด้วย

การให้ลูกได้รับนมแม่ตั้งแต่คลอด ต่อเนื่องไปจนถึง 2 ปีได้หรือนานกว่านั้น จะช่วยให้ลูกเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ มีพัฒนาการดีทั้งภูมิคุ้มกัน สมอง และระบบย่อยอาหาร ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ลูกก้าวไปสู่อนาคตที่เหนือกว่า 

หากแม่ไม่สามารถให้นมลูกได้ตามปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือเลือกโภชนาการเสริมที่มีความใกล้เคียงนมแม่ และมีสารอาหารสำคัญอย่างครบถ้วน ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่

 

บทความจากพันธมิตร
ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก อร่อย ได้ประโยชน์ ตัวช่วยแม่ยุคใหม่
ซีรีแล็ค จูเนียร์ โจ๊ก อร่อย ได้ประโยชน์ ตัวช่วยแม่ยุคใหม่
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน กุญแจสำคัญเลี้ยงลูกเจนใหม่ให้สมองไวกว่าที่แม่คิด
แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน กุญแจสำคัญเลี้ยงลูกเจนใหม่ให้สมองไวกว่าที่แม่คิด
MFGM จากนมแม่กุญแจสำคัญ สู่ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่าของเด็ก Gen ใหม่
MFGM จากนมแม่กุญแจสำคัญ สู่ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่าของเด็ก Gen ใหม่

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

มัดรวมประโยชน์ของ “แลคโตเฟอร์ริน” สารอาหารยืนหนึ่ง เรื่องสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกรัก

5 วิธีเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ลูกรักด้วยวิธีธรรมชาติ

ตารางอาหารทารกแรกเกิด – 1 ปี ลูกน้อยควรกินเท่าไหร่ใน 1 วัน

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

threenuch

  • หน้าแรก
  • /
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • /
  • 7 ประโยชน์ที่ยกให้ "นมแม่" ชนะเลิศ
แชร์ :
  • คนท้อง อัลตราซาวด์ 4 มิติ กี่เดือน ซาวด์ 4 มิติ ที่ไหนดี ราคาปี 2568

    คนท้อง อัลตราซาวด์ 4 มิติ กี่เดือน ซาวด์ 4 มิติ ที่ไหนดี ราคาปี 2568

  • คนท้องหิวกลางดึก กินอะไรดี อาหารว่างยามดึกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

    คนท้องหิวกลางดึก กินอะไรดี อาหารว่างยามดึกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

  • วิจัยเผย อยากให้ลูกกินง่าย ? เริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่!

    วิจัยเผย อยากให้ลูกกินง่าย ? เริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่!

  • คนท้อง อัลตราซาวด์ 4 มิติ กี่เดือน ซาวด์ 4 มิติ ที่ไหนดี ราคาปี 2568

    คนท้อง อัลตราซาวด์ 4 มิติ กี่เดือน ซาวด์ 4 มิติ ที่ไหนดี ราคาปี 2568

  • คนท้องหิวกลางดึก กินอะไรดี อาหารว่างยามดึกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

    คนท้องหิวกลางดึก กินอะไรดี อาหารว่างยามดึกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

  • วิจัยเผย อยากให้ลูกกินง่าย ? เริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่!

    วิจัยเผย อยากให้ลูกกินง่าย ? เริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่!

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว