ปัจจุบัน คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ บ้าน มักจะไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูก ๆ บางวันงานยุ่ง บางทีวันหยุดก็ยังต้องออกไปพบลูกค้า หากอาศัยอยู่กันเป็นครอบครัวเล็ก ๆ ก็จะยิ่งหาคนดูแลลูกแทนได้ยาก การเอาลูกไปฝากไว้กับเนอสเซอรี่ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับเหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่งานยุ่ง อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นจากข่าวบ่อย ๆ ว่ามีพี่เลี้ยงเด็กที่รุมทำร้ายเด็กมากมาย ดังนั้น การเลือกเนอสเซอรี่จึงสำคัญมาก ๆ วันนี้เราจึงจะมาแชร์เคล็ดลับเลือกเนอสเซอรี่ เคล็ดลับเลือก สถานรับเลี้ยงเด็ก ให้กับคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย
เนอสเซอรี่ คืออะไร
เนอสเซอรี่ หรือ สถานรับเลี้ยงเด็ก เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของเด็ก ๆ เป็นโรงเรียนหรือสถานที่ที่รับดูแลเด็กวัยก่อนเข้าเรียน โดยจะดูแลเด็ก ๆ แทนคุณพ่อคุณแม่ในช่วงเวลากลางวัน ซึ่งในระหว่างวัน ทางเนอสเซอรี่ก็จะมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้เด็กทำเพื่อเสริมพัฒนาการมากมาย หากเลือกเนอสเซอรี่ที่ดีให้ลูก ลูกก็จะได้ฝึกฝนทักษะที่จำเป็นและมีพัฒนาการที่ดี
บทความที่เกี่ยวข้อง : ประเภทของโรงเรียน และความแตกต่างที่พ่อแม่ควรรู้ ก่อนส่งลูกเข้าเรียน
สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เนอสเซอรี่ เลือกยังไง (ภาพโดย jcomp จาก freepik.com)
เคล็ดลับเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กให้ลูกรัก เลือกยังไงให้ดี ให้เหมาะกับเด็ก
ตอนนี้ เรามาดูกันบ้าง ว่าเราจะเลือกเนอสเซอรี่หรือสถานรับเลี้ยงเด็กยังไงให้เหมาะกับลูก สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึงถึง มีดังนี้
1. งบประมาณ ค่าใช้จ่าย
อย่างแรกเลย เราควรตัดสินใจให้แน่ชัดก่อน ว่าเรามีงบเท่าไหร่ อยากจะจ่ายเท่าไหร่ เพราะสถานรับเลี้ยงเด็กแต่ละที่ จะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไปตามบริการต่าง ๆ หากยอมจ่ายแพง ลูก ๆ ก็จะได้รับบริการที่ดี อย่างไรก็ตาม มีสถานที่รับเลี้ยงเด็กหลาย ๆ ที่ ที่มีบริการดี ๆ ให้ โดยที่ไม่ต้องจ่ายแพงค่ะ
2. สถานที่ตั้งของเนอสเซอรี่
ลำดับถัดมา ให้ลองเลือกสถานเลี้ยงเด็ก ที่ตั้งอยู่ในที่ที่เหมาะสม ทำเลดี ไม่ไกลจากบ้านหรือที่ทำงาน และไม่ลับตาคนจนเกินไป ควรเป็นที่ที่เดินทางไปได้ง่ายและสะดวกสำหรับตัวเรา
บทความที่เกี่ยวข้อง : เรียนเต้นที่ไหนดี รวมโรงเรียนสอนเต้นในกทม ผู้ใหญ่เรียนได้เด็กเรียนดี
เคล็ดลับเลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก
3. ต้องมีใบอนุญาตรับรอง
เนอสเซอรี่นั้น ๆ ควรจะมีใบอนุญาตหรือใบรับรองอย่างถูกต้อง ก่อนตัดสินใจส่งลูกไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบให้ดีและสอบถามผู้ประกอบการให้แน่ชัดก่อนนะคะ นอกจากนี้ ควรดูด้วยว่าครูพี่เลี้ยงมีใบรับรองด้วยหรือไม่
4. ชื่อเสียงของโรงเรียน
เบื้องต้น ให้ลองถามเพื่อน ๆ หรือผู้ปกครองคนอื่นเกี่ยวกับสถานที่นั้น ๆ ก่อน ว่าดีหรือไม่ บริการเป็นยังไง หรือจะลองหาข้อมูลจากเว็บไซต์หรือเว็บบอร์ดต่าง ๆ ก็ได้ค่ะ ว่ามีคำติใด ๆ เกี่ยวกับสถานรับเลี้ยงเด็กนั้น ๆ ไหม
5. หลักสูตรที่ใช้สอนเด็ก
ก่อนเลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก เราควรศึกษาเกี่ยวกับหลักสูตรการสอนของสถานเลี้ยงเด็กนั้น ๆ ไว้ก่อน ว่ามีโปรแกรมหรือหลักสูตรการศึกษาที่เหมาะสมกับลูกเราไหม
6. บรรยากาศและสภาพแวดล้อมในโรงเรียน
เมื่อเลือกได้แล้ว ให้ลองไปเดินดูสถานเลี้ยงเด็กที่เล็งไว้ ถ้าจะให้ดีควรไปวันที่โรงเรียนเปิด รวมทั้งควรลองถามผู้ประกอบการและครูพี่เลี้ยงดูด้วย ว่ามีอาหารว่างให้เด็กวันละกี่ครั้ง และมีเวลาให้เด็กนอนวันละกี่ชั่วโมง และที่สำคัญ อย่าลืมพาลูกไปดูด้วยนะคะ จะได้รู้ว่าว่าลูกถูกใจหรือชอบสภาพแวดล้อมนั้น ๆ ไหม
บทความที่เกี่ยวข้อง : เกมสำหรับเด็ก ดีอย่างไร? ลูกเล่นเกมมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เลือกศูนย์รับเลี้ยงเด็กหรือศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เคล็ดลับเลือก สถานรับเลี้ยงเด็ก
7. ความปลอดภัย
ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ควรตระหนักไว้อย่างยิ่ง เมื่อคุณพ่อคุณแม่ลงพื้นที่สำรวจโรงเรียน ให้ลองสำรวจดูก่อน ว่าสถานที่รับเลี้ยงมีทางหนีไฟและอุปกรณ์ที่ใช้ยามฉุกเฉินหรือเปล่า รวมทั้งควรสำรวจด้วยว่า อุปกรณ์ทำความสะอาดที่เป็นพิษต่าง ๆ ถูกเก็บไว้ในที่ที่ไกลมือเด็กไหม นอกจากนี้ ให้ดูด้วยว่าลักษณะของห้องเรียนปลอดภัยไหม มีประตูรักษาความปลอดภัยหรือไม่
และนี่ก็คือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงถึงเมื่อต้องเลือกเนอสเซอรี่ให้ลูก ๆ หากยังไม่มีเนอสเซอรี่ในดวงใจ เรารวบรวมมาให้แล้ว อ่านต่อได้ที่นี่เลยค่ะ 5 โรงเรียนเนอสเซอรี่ที่ดีที่สุด ในกรุงเทพฯ พร้อมค่าเทอม ปี 2022
ข้อแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกสถานที่รับเลี้ยงลูก
ในช่วงแรก เด็ก ๆ อาจจะร้องไห้งอแงทุกวัน ซึ่งอาจเป็นเพราะเด็ก ๆ นั้น ยังไม่คุ้นเคยกับคนแปลกหน้า ยิ่งเด็กอายุน้อย ก็ยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะปรับตัวได้ง่าย ในช่วงแรก ขอให้คุณพ่อคุณแม่ทำใจ และเข้าใจเด็ก ๆ ให้เวลาเด็ก ๆ ได้ปรับตัวกับโรงเรียนเสียก่อน โดยเด็กส่วนใหญ่นั้น จะใช้เวลาปรับตัวประมาณ 1 อาทิตย์ นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรจะมารับลูกให้ตรงเวลาเลิกเรียน เพื่อให้ลูกวางใจและอุ่นใจมากยิ่งขึ้น ไม่ควรปล่อยให้เขาอยู่เป็นคนสุดท้าย เพราะเด็กอาจรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัยได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม หากวันดีคืนดี เราเห็นว่าลูกมีแผลตามร่างกายจนน่าสงสัย หรือเห็นลูกมีอาการแปลก ๆ เช่น โผเข้ากอดและร้องไห้จ้าตอนไปรับ ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน ขี้ระแวง ขี้ตกใจ มีท่าทีกลัวครู หรือมีบาดแผล เป็นต้น ให้สงสัยเอาไว้ก่อนเลย ว่าลูก ๆ อาจจะโดนทำร้าย ในเบื้องต้น ให้พาลูกเข้ารับการตรวจร่างกาย เก็บหลักฐานการตรวจร่างกายเอาไว้ รวมทั้งถ่ายรูปบาดแผลของลูก เพื่อใช้ดำเนินการร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง :
รวม ! สนามเด็กเล่น กลางแจ้ง ในกทม เข้าฟรี ไปกันได้ทั้งครอบครัว !
5 สถานที่เสริมพัฒนาการเด็ก พัฒนาสมองผ่านการเล่นกิจกรรม
15 บริษัทหาพี่เลี้ยงให้ลูก สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีเวลา
ที่มา : today.line
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!