น้ำองุ่น ถือเป็นน้ำผลไม้ยอดนิยมที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ดื่มง่าย และช่วยให้สดชื่นสุด ๆ แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย ดังนั้น สำหรับใครที่ชอบดื่มน้ำองุ่น บอกเลยไม่ควรพลาดบทความนี้ค่ะ เพราะวันนี้เราบอกเคล็ดลับ วิธีการเลือกซื้อน้ำองุ่น ให้ได้คุณภาพ และปลอดภัยต่อสุขภาพ กลับไปดื่มกันค่ะ และลักษณะของน้ำองุ่นที่ดีจะมีวิธีการตรวจสอบได้อย่างไรบ้าง มาตามไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
วิธีการเลือกซื้อน้ำองุ่น
ส่วนผสม และระดับความเข้มข้นของน้ำผลไม้
เนื่องจากบนฉลากของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจะมีการระบุส่วนผสมหรือส่วนประกอบต่าง ๆ ไว้ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ดีจะต้องมีการระบุส่วนประกอบไว้อย่างชัดเจนนะคะ เพราะเมื่อมีการระบุไว้อย่างชัดเจน ว่าภายในเครื่องดื่มนั้นมีส่วนประกอบอะไรบ้าง และคุณก็จะสามารถทราบได้ว่าน้ำองุ่นที่คุณเลือกซื้อนั้นมีความเข้มข้นมากแค่ไหนกี่เปอร์เซ็นต์
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วความเข้มข้นของน้ำผลไม้จะแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับความเข้มข้น ก็คือ 25%, 40% และ 100% ซึ่งสำหรับถ้าหากคุณเลือกซื้อน้ำองุ่นที่มีความเข้มข้น 100% นั่นจะเท่ากับว่าคุณจะสามารถได้รับสารอาหารที่อยู่ในองุ่นแบบเต็ม ๆ และจะได้ความหวานที่ได้จะมาจากน้ำตาลธรรมชาติที่อยู่ในองุ่นแบบเต็ม ๆ ด้วยเช่นเดียว โดยที่ไม่ได้ผ่านการเติมน้ำตาลสังเคราะห์ลงไป
แต่ถ้าหากเป็นน้ำองุ่นที่มีความเข้มข้น 25% ก็อาจจะเน้นไปในส่วนของรสชาติอร่อย ดื่มง่าย เพราะผ่านการปรุงแต่งกลิ่น และรส ค่อนข้างมากค่ะ ดังนั้น การตรวจสอบส่วนผสมภายในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม จึงถือเป็นสิ่งที่จะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ก่อนเลือกซื้อมาดื่มค่ะ ถ้าหากคุณต้องการดื่มน้ำองุ่นให้ได้ประโยชน์สูงสุด แนะนำให้เลือกองุ่นแบบที่มีความเข้มข้น 100% จะดีที่สุดค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : เผยเคล็ดลับ วิธีเลือกซื้อผลไม้ เลือกอย่างไร ให้ได้ผลไม้ที่สดใหม่ และมีคุณภาพ
รูปแบบบรรจุภัณฑ์
บรรจุภัณฑ์ที่นิยมใช้บรรจุน้ำผลไม้ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อค่ะ ในปัจจุบันน้ำองุ่นได้ถูกผลิตออกมาจำหน่ายในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป เช่น แบบกล่องกระดาษ แบบขวดแก้ว ขวดพลาสติก หรือกระป๋อง
ซึ่งเทคนิคง่าย ๆ เวลาเลือกซื้อน้ำองุ่นให้ได้ประสิทธิภาพ ก็คือสามารถสังเกตง่าย ๆ ได้จากบรรจุภัณฑ์ เช่น ไม่ควรเลือกซื้อกล่องที่มีรอยบุบ หรือชำรุด เพราะถ้าหากซื้อกล่องที่มีรอยรั่ว ก็อาจจะทำให้อากาศที่มีเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ ปนเปื้อนเข้าไปได้ เพราะเมื่อน้ำผลไม้ไปทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ก็อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของรสชาติได้อีกด้วยค่ะ หรือทำให้น้ำผลไม้เสื่อมคุณภาพลงได้ค่ะ สำหรับบรรจุภัณฑ์แต่ละประเภทเราจะแบ่งจุดเด่นหลัก ๆ ดังนี้
ขวดแก้ว
- สำหรับขวดแก้ว ถือเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมน้ำผลไม้ ซึ่งขวดแก้วนั้นถือเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรักษาคุณภาพของน้ำผลไม้ และความสดได้ยาวนาน ดังนั้น บรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว จึงเหมาะสำหรับน้ำผลไม้ ที่ต้องการมีอายุในการเก็บรักษาที่ยาวนาน แล้วก็เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ถือว่ามีราคาแพงอีกด้วย
กระป๋อง
- สำหรับบรรจุภัณฑ์แบบกระป๋อง เป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถเปิดได้ง่าย และมักจะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่นิยมใช้บรรจุน้ำผลไม้ และสามารถบริโภคเพียงครั้งเดียว แล้วก็ทิ้งไปได้เลย ไม่สามารถนำกลับมาบรรจุน้ำผลไม้ได้ใหม่ ปริมาณที่ของน้ำผลไม้ในกระป๋อง ก็จะบรรจุปริมาณมาให้เหมาะกับการดื่มในครั้งเดียว สามารถเก็บได้นาน และแช่เย็นได้
แบบขวดพลาสติก
- บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบขวดพลาสติก จะมีอายุการเก็บรักษาที่สั้นกว่าบรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้ว หรือกระป๋อง แต่คุณสมบัติเด่นของขวดพลาสติกคือจะมีความคงทน ไม่รั่วซึมง่าย ไม่แตกง่ายเหมือนบรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้ว มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก และเมื่อเปิดดื่มแล้ว แต่ดื่มไม่หมด ก็สามารถนำกลับไปแช่เย็นได้
กล่องกระดาษแข็ง
- สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่มาในรูปแบบกล่องกระดาษแข็ง โดยทั่วไปแล้วจะออกแบบมาในรูปทรงของฝาแบบหน้าจั่ว หรือแบบอิฐ ซึ่งโครงสร้างในรูปแบบนี้ก็มาจากนมกล่องนั่นเอง และเปลี่ยนมาใช้ในการบรรจุน้ำผลไม้แทน ซึ่งน้ำผลไม้แบบกล่องก็ถือเป็นว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถพกพาได้สะดวก และมีหลายขนาดให้เลือกซื้อค่ะ
ปกติถ้าหากน้ำผลไม้ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงของรสชาติ ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องเลือกวัสดุที่สามารถป้องกันการซึมผ่านของก๊าซออกซิเจน เพื่อที่จะได้ไม่ให้ออกซิเจน ทำปฏิกิริยากับผลไม้ เพื่อที่น้ำผลไม้จะได้ไม่เสื่อมคุณภาพลง ดังนั้น ชนิดของวัสดุที่นำมาผลิตบรรจุภัณฑ์และวิธีการปิดผนึกของบรรจุภัณฑ์จึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ดังนั้น ก่อนเลือกซื้ออย่าลืมตรวจสอบด้วยนะคะ ว่าบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มได้ถูกปิดสนิทอยู่หรือไม่
อ่านฉลากตรวจสอบวันหมดอายุ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่คุณจะต้องตรวจดูให้ละเอียดก่อนเลือกซื้อสินค้ามารับประทาน ก็คือคุณจะต้องอย่าลืมอ่านฉลาก ตรวจสอบวันหมดอายุ วันที่ผลิต และควรบริโภคก่อนวันที่เท่าไหร่ ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกซื้อสินค้าควรตรวจดูให้ดีก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น และจะได้ไม่เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ แถมยังได้ดื่มเครื่องดื่มที่ยังคงมีคุณภาพดังเดิมอีกด้วย
- วันที่ผลิต Manufacturing Date /Manufactured Date (MFG/MFD)
- วันหมดอายุ Expiry Date /Expiration Date (EXP/ EXD)
- ควรบริโภคก่อนวันที่ Best Before/Best Before End (BB/BBE)
ผลิตภัณฑ์น้ำองุ่นที่มีเครื่องหมาย อย.
การที่สินค้าที่คุณเลือกซื้อไม่ว่าจะเป็นในส่วนของอาหาร หรือเครื่องดื่ม การมีเครื่องหมาย อย. อยู่บนผลิตภัณฑ์ จึงถือเป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพมาตรฐานของอาหาร และเครื่องดื่มได้ค่ะ ดังนั้น หากคุณจะเลือกซื้อน้ำองุ่นมาดื่ม ควรเลือกน้ำองุ่นที่ได้รับเครื่องหมาย อย. ด้วยนะคะ เพื่อที่คุณจะได้มั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยว่าเครื่องดื่มที่คุณดื่มเข้าไป จะมีความปลอดภัย และปราศจากสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
บทความที่เกี่ยวข้อง : ผักผลไม้สีม่วงแสนอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ 16 ชนิด
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ วิธีการเลือกซื้อน้ำองุ่น ที่เรานำมาฝากกัน บอกเลยว่าแต่ละขั้นตอนทำได้ไม่ยาก เพียงแค่คุณต้องใช้เวลาพิจารณาให้ถี่ถ้วนอย่างละเอียด คุณก็จะได้น้ำองุ่นคุณภาพดี และได้มาตรฐานกลับไปดื่มแล้วค่ะ หวังว่าบทความในวันนี้จะเป็นประโยชน์ให้สำหรับทุกคนนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
มัลเบอร์รี่ สุดยอดผลไม้เพื่อสุขภาพ จัดเต็มคุณประโยชน์ ต้านโรคได้ด้วย !!
บลูเบอรี่ชีสพาย เมนูที่เด็กก็ทำได้ ทำง่าย ๆ ไม่ต้องใช้เตาอบ
8 สูตรเด็ด น้ำผลไม้แยกกากลดความอ้วน น้ำผลไม้ทำง่ายดื่มคล่อง ลดน้ำหนักไว