น้ำยาบ้วนปากมีกี่ประเภท และควรเลือกใช้แบบไหนดีถึงจะเหมาะสมต่อสุขภาพช่องปาก บทความวันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กันค่ะ เพื่อให้คุณเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม เพราะการใช้น้ำยาบ้วนปาก ก็ถือเป็นไอเทมที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดีได้เช่นกัน นอกจากนี้ เรายังมีทริคการใช้น้ำยาบ้วนปากให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด มาฝากทุกคนกันด้วยค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว มาตามไปดูพร้อมกันเลย
น้ำยาบ้วนปากมีกี่ประเภท ?
ปัจจุบันน้ำยาบ้วนปากได้ถูกผลิตออกมาจำหน่ายหลากหลายแบบ หลากหลายสูตร และหลากหลายยี่ห้อมาก ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีน้ำยาบ้วนปากออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
น้ำยาบ้วนปากแบบทั่วไป
- สำหรับน้ำยาบ้วนปากแบบทั่วไป จะเป็นน้ำยาบ้วนปากที่ใช้สำหรับช่วยเสริมความมั่นใจเหมาะสำหรับใช้ระงับกลิ่นปากได้ชั่วคราว ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี และไม่สามารถกำจัดแบคทีเรียในช่องปากได้ ดังนั้น จึงสามารถระงับกลิ่นปากได้เพียงชั่วคราวในเวลาสั้น ๆ เท่านั้นค่ะ
น้ำยาบ้วนปากสำหรับรักษาโรคในช่องปาก
- สำหรับน้ำยาบ้วนปากประเภทนี้ จะเป็นน้ำยาที่ใช้ในการรักษาโรคในช่องปาก เพราะจะมีส่วนผสมที่จะสามารถช่วยกำจัดแบคทีเรีย และคราบจุลินทรีย์ภายในช่องปากได้ ดังนั้น จึงถือเป็นน้ำยาบ้วนปากที่มีประสิทธิภาพมากกว่าน้ำยาบ้วนปากทั่วไป ซึ่งถ้าหากเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทนี้ ก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคปริทันต์ และช่วยบรรเทาอาการโรคเหงือกอักเสบ ป้องกันฟันผุ ยับยั้งการเกิดหินปูน และช่วยระงับกลิ่นปากได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ๆ เลยค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : แนะนำ น้ำยาบ้วนปาก คนท้อง ปราศจากฟลูออไรด์ ใช้ได้อย่างปลอดภัย!
ส่วนผสมในน้ำยาบ้วนปากมีอะไรบ้าง?
ฟลูออไรด์
เป็นแร่ธาตุตามธรรมชาติ ที่จะช่วยทำให้หน้าที่ในการเคลือบฟันให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุในเด็ก และผู้ใหญ่ได้ ดังนั้น ถ้าหากใครที่มีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ การเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ก็จะช่วยป้องกันฟันผุเกิดขึ้นได้ค่ะ
คลอร์เฮกซิดีน (Chlorhexidine)
สำหรับส่วนผสมของคลอร์เฮกซิดีน เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่จะอยู่ในน้ำยาบ้วนปากเพื่อช่วยในการรักษาเหงือกอักเสบ หรือโรคปริทันต์ และช่วยต้านคราบจุลินทรีย์ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดคราบสีบนผิวฟันได้
เซทิลไพริดิเนียมคลอไรด์ (Cetylpyridinium Chloride)
เป็นสารประกอบชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และช่วยลดการเกิดคราบหินปูน ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในช่องปาก
ดีเทอร์เจนส์ (Detergents)
โซเดียมลอริลซัลเฟต และโซเดียมเบนโซเอต ถือเป็นตัวอย่างดีเทอร์เจนส์ (Detergents) ในน้ำยาบ้วนปาก ที่มีคุณสมบัติในการช่วยขจัดคราบจุลินทรีย์
เอนไซม์ต้านแบคทีเรีย
เอนไซม์ในร่างกายของมนุษย์จะสามารถช่วยต้านแบคทีเรียได้ เอนไซม์ที่มักจะพบในน้ำยาบ้วนปากก็จะมี ไลโซไซม์ และแล็กโทเพอร์ออกซิเดส ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการลดอาการปากแห้งได้ค่ะ
น้ำมันหอมระเหย
น้ำยาบ้วนปากในหลาย ๆ ยี่ห้อ มักจะมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยรวมอยู่ในนั้นด้วย เช่น เมนทอล หรือยูคาลิปตัส เป็นต้น ซึ่งสารหอมระเหยเหล่านี้ จะช่วยในการระงับกลิ่นปาก และช่วยในการต้านแบคทีเรียค่ะ
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide)
สำหรับสารประกอบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ จะมีคุณสมบัติในการที่จะช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียภายในช่องปาก และลดคราบจุลินทรีย์ และป้องกันการเหงือกอักเสบ อีกทั้ง ยังมีส่วนช่วยให้ฟันขาวขึ้นเล็กน้อยอีกด้วยค่ะ
แอลกอฮอล์
ถือเป็นส่วนผสมที่จะถูกใส่ในน้ำยาบ้วนปาก ซึ่งแต่ละสูตรก็จะใส่น้ำยาบ้วนปากในปริมาณที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแอลกอฮอล์นั้นจะมีฤทธิ์ในการช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยในการป้องกันโรคเหงือกอักเสบ แต่ถ้าหากน้ำยาบ้วนปากนั้นใส่แอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ก็อาจทำให้มีอาการแสบร้อนภายในช่องปากเกิดขึ้นได้ค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องใช้น้ำยาบ้วนปากได้ไหม คุณแม่ควรระวังเรื่องไหนบ้าง? มาดูกัน!
เคล็ดลับ! การใช้น้ำยาบ้วนปากอย่างถูกต้อง
สำหรับการแปรงฟันเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ได้ช่วยให้ช่องปากของคุณสะอาดมากเพียงพอ ดังนั้น การเลือกใช้น้ำยาบ้วนปาก ก็ถือเป็นตัวช่วยที่จะทำให้ช่องปากของคุณสะอาดมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังสามารถช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วยค่ะ เพื่อช่องปากที่สะอาดมั่นใจ ควรเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากร่วมด้วยนะคะ ซึ่งขั้นตอนการใช้น้ำยาบ้วนปากให้ถูกวิธีและมีประสิทธิภาพจะมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
- สำหรับขั้นตอนแรกเวลาอมน้ำยาบ้วนปากเข้าปากไปแล้ว แนะนำให้เงยหน้าขึ้น เพื่อที่จะได้ให้น้ำยาบ้วนปากนั้นสัมผัสภายในช่องปากได้อย่างทั่วถึงลึกถึงลำคอ
- จากนั้น ก็ให้อมน้ำยาบ้วนปากทิ้งไว้ 1-2 นาที เพื่อให้น้ำยาสัมผัสกับเนื้อเยื่อภายในช่องปาก จะได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงการกลั้วด้วยน้ำยาปากเป็นระยะเวลาที่นานกว่าที่แนะนำนะคะ เพราะอาจจะทำให้ฟันเกิดฟันกร่อนได้
- หลังจากกลั้วน้ำยาบ้วนปากครบ 1-2 นาที แล้ว ก็สามารถบ้วนน้ำยาทิ้งได้เลยค่ะ และไม่ควรบ้วนน้ำตาม เพราะถ้าหากบ้วนน้ำตามเข้าไปและบ้วนออก ก็จะถือว่าเป็นการชะล้างตัวยาออกมาด้วย
- หลังใช้น้ำยาบ้วนปากเสร็จแล้ว ก็ควรงดดื่มน้ำ และงดรับประทานอาหาร เป็นระยะเวลาครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ตัวน้ำยาออกฤทธิ์นานขึ้น
น้ำยาบ้วนปากอายุเท่าไหร่ถึงสามารถใช้ได้?
น้ำยาบ้วนปาก ถือเป็นตัวช่วยที่จะช่วยส่งเสริมให้ฟัน และเหงือกแข็งแรง นอกจากผู้ใหญ่จะสามารถใช้น้ำยาบ้วนปากได้แล้ว เด็กก็สามารถใช้น้ำยาบ้วนปากได้ด้วยเช่น เพราะปัจจุบันแต่ละยี่ห้อก็ได้ผลิตน้ำยาบ้วนปากสำหรับออกมาจำหน่ายหลากหลายสูตร ซึ่งสมาคมทันตแพทย์อเมริกัน (ADA) ได้ให้คำแนะนำว่า สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ เพราะอาจจะเผลอกลืนน้ำยาบ้วนปากลงไป ส่งผลทำให้เด็กอาจได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป และอาจจะส่งผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมาได้ค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับข้อมูลที่เรานำมาฝากกัน เราก็ได้มาคลายข้อสงสัยให้แล้วนะคะว่าสรุปแล้ว น้ำยาบ้วนปากมีกี่ประเภท และภายในน้ำยาบ้วนปากนั้นมีส่วนผสมอะไรอยู่บ้างที่เหมาะกับช่องปากของเราบ้าง อีกทั้ง ยังมีเคล็ดลับการใช้น้ำยาบ้วนปากให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดมาฝากทุกคนกันด้วย การแปรงฟันอาจจะช่วยให้สุขภาพช่องปากนั้นสะอาดได้มากเพียงพอ แนะนำให้เลือกใช้น้ำยาบ้วนปาก เพื่อเป็นตัวช่วยเสริมสุขภาพภายในช่องปากให้ดีขึ้น หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้สำหรับทุกคนนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
รวมเคล็ดลับ วิธีระงับกลิ่นปาก ให้ไม่มีกลิ่นเหม็น บอกลาปัญหากลิ่นปาก!
แนะนำ น้ำยาบ้วนปาก คนท้อง ปราศจากฟลูออไรด์ ใช้ได้อย่างปลอดภัย!
สามีมีกลิ่นปาก น้ำลายเหม็น มีวิธีแก้ปากเหม็น ลดกลิ่นปากหรือเปล่า
ที่มา : pobpad, thailanddentalclinic, colgate
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!