คนท้องทำเล็บเจล ได้ไหม มักจะเป็นคำถามค้างคาใจคุณแม่ตั้งครรภ์เสมอ เนื่องจากก่อนตั้งครรภ์คุณแม่อาจติดนิสัยการทำเล็บสวย ๆ สีสันสดใสเหมือนสาว ๆ ทั่วไป การทำเล็บเจลก็เป็นการเสริมความงามที่สะดวกสบายมากขึ้น แต่เมื่อกำลังตั้งครรภ์ก็ยังกังวลว่าคนท้องทำเล็บเจลได้หรือไม่ รวมถึงการทำเล็บในรูปแบบอื่น ๆ ด้วย เพราะในน้ำยาทาเล็บประกอบไปด้วยสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพแม่ท้องและทารกในครรภ์ วันนี้เราจะพาไปดูกันว่า จริง ๆ แล้วคนท้องสามารถทำเล็บเจลได้หรือเปล่า การทำเล็บเจลต้องระวังเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ไปติดตามกันค่ะ
คนท้องทำเล็บเจล ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้านใดบ้าง
คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องการทำเล็บขณะกำลังจะมีเบบี๋ตัวน้อยนั้น ต้องมั่นใจว่าร้านทำเล็บที่เข้าไปใช้บริการนั้นไม่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากอุปกรณ์ และใช้อุปกรณ์ในการทำเล็บต้องสะอาดมีการฆ่าเชื้อและไม่ใช้ซ้ำ (หากยังไม่ฆ่าเชื้อ) รวมถึงการระมัดระวังใช้ยาทาเล็บและน้ำยาล้างเล็บขณะตั้งครรภ์ แล้วมีร้านทำเล็บแบบไหนที่เหมาะสำหรับคุณแม่กำลังตั้งครรภ์
1. ร้านทำเล็บที่มีอากาศถ่ายเท
คุณแม่ควรมองหาร้านทำเล็บเจลที่มีหน้าต่างเปิดหรือมีระบบระบายอากาศ เมื่อเข้าไปแล้วไม่เหม็นกลิ่นน้ำยาต่าง ๆ จนต้องปิดจมูก คนท้องทำเล็บเจลต้องอยู่ในบรรยากาศที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก จะทำให้คุณแม่ลดการสูดดมกลิ่นน้ำยาทาเล็บหรือสารระเหยต่าง ๆ เข้าโดยตรง เพราะหากสูดดมเข้าไปในร่างกายในปริมาณมาก ก็อาจส่งผลให้คุณแม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน และรู้สึกไม่สบายจนอาจเป็นลมได้
2. อุปกรณ์ทำเล็บเจลต้องสะอาด
คนท้องที่กำลังมองหาร้านทำเล็บเจล ควรคำนึงถึงร้านมีการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน มีการทำความสะอาดอย่างจริงจัง เครื่องมือที่ใช้ในการทำเล็บแบบที่ไม่ใช่อะลูมิเนียมหรือเหล็ก เช่น อุปกรณ์ที่ใช้แล้วเก็บเช่นกรรไกรตัดเล็บ กรรไกรตัดหนัง ควรมีการฆ่าเชื้อก่อนและหลังทุกครั้ง และไม่ควรใช้ต่อหรือนำไปใช้ต่อกับลูกค้าท่านอื่นในวันเดียวกัน ส่วนอุปกรณ์ทั่วไปเช่นถุงมือ สำลี ไม้แซะซอกเล็บ ฟองน้ำ คอตตอนบัด และตะไบกระดาษ ควรเป็นอุปกรณ์ที่ใช้แล้วทิ้งเครื่องมือบางชนิดไม่นำกลับมาใช้ซ้ำ
3. ช่างทำเล็บหรือพนักงานมีการสวมถุงมือเรียบร้อย
คนท้องทำเล็บเจลต้องจำไว้เสมอว่า ไม่ว่าจะทำเล็บมือ เล็บเท้า พนักงานที่ทำเล็บให้เรานั้น ต้องสวมถุงมือตลอดเวลา และมีการเปลี่ยนถุงมือใหม่ทุกครั้งสำหรับการทำเล็บให้ลูกค้ารายใหม่ ไม่มีการนำถุงมือมาใช้ซ้ำ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องทาเล็บได้มั้ย เป็นอันตรายกับลูกหรือเปล่า
คนท้องทำเล็บเจลสิ่งที่ควรระวังคืออะไร
แม้ก่อนหน้านี้มีการเตือนภัยของการทาเล็บกับคนท้องว่า คนท้องไม่ควรทาเล็บเพราะอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ทำให้คุณแม่หลายคนกังวล โดยเฉพาะคนที่รักการตกแต่งเล็บเป็นชีวิตจิตใจ แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เคยมีรายงานถึงกรณีที่การทาเล็บจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเด็กที่คลอดออกมาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหากคนท้องทำเล็บเจลบ่อย ๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่เอง เพราะการสัมผัสหรือสูดดมสารเคมีจากน้ำยาทาเล็บบ่อย ๆ ก็เสี่ยงเป็นอันตรายได้ โดยสารเคมีที่ใช้เป็นส่วนประกอบในยาทาเล็บและเป็นอันตราย ได้แก่
-
สารเคมีที่ช่วยให้สีเรียบสวย
สังเกตไหมว่าทำไมสีทาเล็บต่าง ๆ มักจะมีเรียบลื่นสวยงาม แถมยังแห้งเร็ว ทั้งนี้สีทาเล็บล้วนผสมด้วยสารเคมีที่ชื่อว่า โทลูอีน (Toluene) ซึ่งหากสูดดมหรือได้รับสารนี้เข้าสู่ร่างกายบ่อย ๆ หรือมากเกินไป อาจส่งผลให้คุณแม่มีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ระคายเคืองต่อตา จมูก ลำคอ และปอด เป็นพิษต่อตับ ไต หากสูดดมหรือสัมผัสโดนสารนี้ในปริมาณมาก อาจทำให้ระบบประสาทเสียหายและทารกในครรภ์พิการได้
-
สารที่ทำให้สีทาเล็บแข็งตัวเร็ว
สีทาเล็บมักจะแข็งตัวเร็ว เรียกว่า สารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) เป็นสารก่อมะเร็งที่ถูกผสมในยาทาเล็บ หากสูดดมสารนี้เข้าไปในระยะสั้นจะทำให้เกิดการระคายเคืองในลำคอ ต่อจมูก คอ ปอด ทำให้ไอและทำให้ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ อีกทั้งการสัมผัสหรือสูดดมสารนี้เข้าไปในปริมาณมาก อาจเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งในระบบทางเดินหายใจได้ หากสัมผัสกับผิวหนังจะปรากฏเป็นผื่นแพ้และคัน
-
สารเคมีที่ช่วยให้สีเล็บติดทนนาน
การทำเล็บเจลมักจะติดทนนานมาก นั่นเพราะมีสารเคมีคือ สารไดบิวทิลพาทาเลต (Dibutyl Phthalate) เป็นสารที่ช่วยให้สียึดติดกับตัวเล็บได้นานขึ้น น่ากลัวตรงที่สารเคมีชนิดนี้เป็นสารก่อมะเร็งทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ และทำลายอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ และยังเป็นพิษต่อตับ ไต และปอด จัดเป็นสารเคมีอันตรายหากร่างกายได้รับติดต่อกันเป็นเวลานาน
-
กลิ่นของสีทาเล็บที่ฉุนรุนแรงเกินไป
สีทาเล็บหรือน้ำยาล้างเล็บมักมีกลิ่นฉุนมาก นั่นคือสัญญาณเบื้องต้นที่บ่งบอกความเป็นอันตรายของ สีทาเล็บ สังเกตได้จากเมื่อเปิดฝาออกมาก็มีกลิ่นเหม็นรุนแรง เนื่องมาจากการผสมกันของแอลกอฮอล์ โซลเวนต์หรือสารอินทรีย์ระเหยที่ใช้เป็นตัวทำละลายซึ่งช่วยให้ยาทาเล็บแห้งเร็ว และเรซินที่ทำให้สีของยาทาเล็บติดทนทาน ไม่ลอกล่อนโดยง่าย ซึ่งคนท้องทำเล็บเจลต้องระวังให้มาก ๆ เพราะสูตรแบบนี้ไม่เหมาะกับคนท้อง หากพบน้ำยาและสีทาเล็บลักษณะนี้ แนะนำให้เปลี่ยนร้านทันที
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีทำเล็บด้วยตัวเอง ทำได้ง่าย ๆ ไม่ต้องจ่ายแพงเล็บก็สวยได้!
คนท้องทำเล็บเจลแตกต่างจากการทาสีเล็บธรรมดาอย่างไร
การทำเล็บเจลหรือการทาสีเจลจะให้ความติดแน่นทนทาน สีเล็บเจลดูมันวาว สวยงามกว่าทาสีเล็บแบบธรรมดา อยู่ได้นานโดยไม่ลอกร่อน หลังจากทาสีเจลแล้วต้องอบด้วยแสง UV ที่ทำให้สีแห้งเร็วขึ้น แต่การทำเล็บประเภทนี้บ่อย ๆ ทำให้หน้าเล็บบางได้ เนื่องจากก่อนลงสีเจล ช่างทำเล็บจะต้องตะไบหน้าเล็บออกก่อนเพื่อให้เนื้อสีเจลติดดี ทั้งนี้เวลาจะเปลี่ยนสีหรือเพนต์ลายใหม่ คุณแม่ก็ต้องให้ช่างถอดเล็บเจลออกให้เท่านั้น ไม่สามารถทำเองได้ และก็ต้องตะไบหน้าเล็บทุกครั้ง ซึ่งหากคนท้องทำเล็บเจลบ่อย ๆ อาจทำให้หน้าเล็บเสียและเล็บบางลง
คนท้องทำเล็บแบบเจลอย่างไรให้ปลอดภัย
สำหรับคนท้องที่อยากทำเล็บเจลนั้น สามารถทำเล็บเจลได้อย่างปลอดภัยดังนี้
- คนท้องทำเล็บเจลต้องทาครีมกันแดดก่อนทำเล็บหรือใส่ถุงมือกัน UV ทุกครั้ง
- คนท้องควรหยุดพักการทำเล็บแบบเจลบ้าง เพื่อให้เล็บได้พักผ่อนอย่างน้อย 3 เดือน หรือเปลี่ยนไปใช้วิธีการทาสีเล็บแบบธรรมดาแทน
- คุณแม่ต้องหมั่นทาครีมบำรุงเล็บอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เล็บของคุณแม่ได้รับความชุ่มชื้น
- คุณแม่ต้องตรวจสอบเล็บของตัวเองว่าไม่มีสิ่งผิดปกติก่อนที่จะทาเล็บแบบเจลครั้งใหม่
คนท้องทำเล็บควรตระหนักถึงสิ่งใด
- คุณแม่กำลังตั้งครรภ์ที่ต้องการทำเล็บเจลควรแจ้งช่างทำเล็บว่าตนเองกำลังท้องอยู่ ต้องระวังเป็นพิเศษทั้งในเรื่องสารเคมีต่าง ๆ และความสะอาด รวมไปถึงการจัดหาที่นั่งเพื่อความสะดวกสบาย
- คนท้องทำเล็บเจลสามารถพกเครื่องมือไปเองได้ เช่น นำหรือเลือกตะไบปลายเล็บแบบสี่เหลี่ยมมนเพราะการตะไบปลายเล็บให้มีรูปร่างแบบนี้ จะมีโอกาสน้อยที่จะทำให้เกิดเล็บขบ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการติดเชื้อ
- คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องแจ้งช่างทำเล็บว่าไม่ตัดหนังจมูกเล็บและหนังกำพร้าข้างเล็บออก เพราะเมื่อขลิบเนื้อเยื่อบริเวณส่วนนี้ออกไปอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย จนส่งผลให้เกิดการติดเชื้อตามมาได้
- คนท้องทำเล็บเจลอาจต้องเสียเวลามากขึ้นหากต้องหลีกเลี่ยงการอบเล็บเพราะควรเลือกรูปแบบการทำเล็บที่สามารถปล่อยให้เล็บค่อย ๆ แห้งเองเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องอบที่ใช้แสง UV โดยเฉพาะคนที่มีผิวหนังไวต่อรังสียูวี ตรงนี้คุณแม่อาจต้องเปลี่ยนใจไปทาสีเล็บธรรมดาแต่อาจไม่สวยทนทานหรือได้สีสด ๆ ได้อย่างใจ
- คนท้องไม่ควรทำเล็บเท้าหากมีแผลเปิด มีหูด มีตาปลา หรือเชื้อราเนื่องจากการตัดเพื่อเปิดหรือการขูดแบบใด ๆ อาจจะมีส่วนทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือจำเป็นต้องใช้ยาที่ควรหลีกเลี่ยงในขณะตั้งครรภ์
- คนท้องทำเล็บเจลอย่าใส่หน้ากากอนามัย ปิดปากปิดจมูกขณะทำเล็บ(และควรเตือนให้ช่างทำเล็บใส่หน้ากากอนามัยเสมอ) เพื่อป้องกันการสูดดมกลิ่นสารเคมีที่อาจส่งผลให้คุณแม่แพ้หรือวิงเวียนศีรษะ ทำให้เกิดการอาเจียนได้ หรือควรหลีกเลี่ยงบางขั้นตอนที่ต้องสูดกลิ่นสารเคมีมาก ๆ โดยไม่จำเป็น
- คนท้องทำเล็บเจลควรเลือกยาทาเล็บที่ปลอดภัยไม่มีส่วนผสมของโทลูอีน ฟอร์มาลดีไฮด์ และไดบูทิลพาทาเลตโดยมองหาสัญลักษณ์ “5-Free” หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนประกอบของ Formaldehyde, Toluene, Dibutyl Рhthalate หรือ Camphor หรือ “3-Free” หมายถึง น้ำยาทาเล็บนี้ปราศจากสารอันตราย 3 ชนิด ได้แก่ Formaldehyde, Toluene และ Dibutyl Рhthalate บนขวดน้ำยาทาเล็บ อ่านรายละเอียดชื่อสินค้า ส่วนประกอบสำคัญ วิธีใช้ สถานที่ผลิต วันที่ผลิต ปริมาณสุทธิ และหาซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ
- คนท้องทำเล็บเจลควรเลือกใช้น้ำยาล้างเล็บที่ไม่มีส่วนผสมของอะซิโตนเพราะการสัมผัสสารเคมีดังกล่าวในปริมาณมาก หรือสัมผัสติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ ซึ่งจะส่งผลให้มีความผิดปกติแต่กำเนิดได้ ที่สำคัญหลังล้างสีทาเล็บออกแล้ว ควรรีบล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่เสมอ เพื่อป้องกันสารเคมีตกค้างบนผิวหนัง
บทความที่เกี่ยวข้อง : 7 ไอเดีย เล็บสีแดง สวยปัง ขับผิว เลือกยังไง แดงไหน ถึงรอด ?
คนท้องทำเล็บเจลหากเปลี่ยนใจไปทำเล็บแบบอื่นจะปลอดภัยหรือไม่
อยากสวยก็ต้องเสี่ยง คนท้องทำเล็บเจลที่ต้องสูดดมสารเคมีอาจอยากทราบว่า แล้วทำเล็บแบบอื่นล่ะอันตรายไหม ทั้งนี้นอกจากการสัมผัสสารเคมีในสีทาเล็บที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว การตัดหรือตกแต่งเล็บมือและเล็บเท้าก็อาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ผิวหนังและเล็บได้ โดยเฉพาะคนที่ใช้บริการจากร้านทำเล็บที่ไม่สะอาด ตรงนี้คุณแม่ต้องจำไว้เสมอว่า การใช้เครื่องมือที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ จะมีอาการอาจปรากฏทันทีหลังทำเล็บเสร็จ หรืออาจใช้เวลานานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือนกว่าอาการจะปรากฏ โดยอาการติดเชื้อที่พบบ่อย ได้แก่
1. การติดเชื้อรา เกิดจากน้ำกัดเท้า เชื้อราในเล็บที่เกิดจากแบคทีเรียและอาการอับชื้น เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้เล็บเหลือง และเล็บอาจถูกดันขึ้นมาพ้นขอบผิวหนังจนเล็บผิดรูป โดยการรักษาได้ด้วยการรับประทานยาหรือใช้ยาทาบริเวณผิวหนังที่ติดเชื้อ ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์ควรแช่เท้าทำความสะอาดเล็บด้วยน้ำอุ่นบ่อย ๆ
2. การติดเชื้อแบคทีเรีย อาจเป็นต้นเหตุของอาการเล็บขบ ซึ่งอาจทำให้มีอาการบวม แดง และรู้สึกร้อนบริเวณเล็บมือหรือเล็บเท้าที่มีการตกแต่ง และอาจต้องรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะหรือผ่าตัดเอาหนองบริเวณผิวหนังที่ติดเชื้อออก ที่สำคัญการเกิดเล็บขบเกิดจากการที่ตัดเล็บผิดวิธี มีหนังเบียดกันในซอกเล็บมากเกินไปจนเกิดอาการปวดและอักเสบ คุณแม่ต้องหมั่นเขี่ยซอกเล็บเบา ๆ ด้วยตนเองบ่อย ๆ
3. การติดเชื้อไวรัส การติดเชื้อประเภทนี้หาสาเหตุค่อนข้างยาก ซึ่งอาจทำให้เกิดหูดที่ฝ่าเท้าได้ โดยผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อจะมีลักษณะหนาและอาจมีตุ่มขึ้น จะเจ็บมากเวลาเดิน ซึ่งอาจสร้างความลำบากสำหรับคนท้องมาก ๆ สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาทาหรือการผ่าตัด
คนท้องทำเล็บเจลอย่าลืมรับประทานอาหารที่มีไบโอติน
หลังจากผ่านการทำเล็บด้วยสารเคมี การป้องกันเล็บผุพังและช่วยบำรุงคือ การรับประทานอาหารหรือวิตามินบำรุงอย่างไบโอติน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเล็บ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการปรับปรุงโครงสร้างของเคราติน คือเส้นใยผิวหนังที่อยู่บริเวณชั้นหนังกำพร้า เช่น ผม ผิวหนัง เล็บ ทั้งนี้การขาดไบโอตินบ่อย ๆ จะทำให้เล็บงอกช้า เล็บเปราะบางอ่อนแอ ซึ่งคุณแม่สามารถเสริมไบโอตินได้จากการรับประทานอาหารจากธรรมชาติ เช่น แซลมอน แครอท มะเขือเทศ แตงกวา กะหล่ำ สตรอว์เบอร์รี เมล็ดอัลมอนด์ ถั่วลิสง และข้าวโอ๊ต
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว คุณแม่ก็สามารถพิจารณาได้แล้วว่าควรทำเล็บเจลในช่วงตั้งครรภ์หรือไม่ เพราะในปัจจุบันมีน้ำยาทาเล็บที่ปลอดภัยสำหรับแม่ท้อง เพราะฉะนั้นคุณแม่จึงควรเลือกร้านทำเล็บที่ได้มาตรฐาน และศึกษาข้อมูลการทำเล็บเจลก่อน เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของตัวคุณแม่เองและลูกในครรภ์ค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
สีเล็บมงคล เสริมดวงเฮงประจำปี 2566 สีเล็บเรียกทรัพย์ สีเล็บเรียกรัก
รวมเทคนิคง่าย ๆ วิธีดูแลเล็บให้แข็งแรง ไม่ฉีกขาด ไม่หักง่าย มีสุขภาพดี
10 ไอเดีย เล็บสีเขียว เหนี่ยวทรัพย์ เลือกสีทาเล็บอย่างไรให้สวยผ่อง ปัง !!
ที่มา : babycentre, amarinbabyandkids
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!