โปสการ์ด สื่อรักจากแดนไกล
เลือก โปสการ์ด ให้ตรงใจผู้รับปลายทาง
เมื่อกล่าวถึงอาชีพ “บุรุษไปรษณีย์” สำหรับเด็กในยุค Generation Z หรือเด็กที่เกิดหลังปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นไปหลายคนไม่รู้จัก หรือถ้ารู้จักก็ไม่รู้ว่ามีความสำคัญอะไร เพราะในชีวิตจริงจะได้พบกับบุรุษไปรษณีย์ก็เป็นตอนที่นำพัสดุมาส่งให้ เผลอ ๆ บางคนอาจเข้าใจสับสนระหว่างพี่ๆพนักงานส่งของทางมอเตอร์ไซด์กับบุรุษไปรษณีย์ก็เป็นได้ เนื่องจากแต่งกายคล้ายกัน ยานพาหนะและการทำงานก็เหมือนกันอีกด้วย
ในยุคที่เทคโนโลยีแห่งการสื่อสารที่รวดเร็วและฉับไวขึ้น ปริมาณของข้อมูลที่เด็ก ๆ และเราจะได้รับต่อวันก็มีมากขึ้นตามคุณภาพของเครื่องมือที่ทันสมัยขึ้นตลอดเวลา แต่สิ่งหนึ่งที่พบว่าการสื่อสารในโลกออนไลน์ไม่สามารถทำได้ก็คือ การสื่อสารที่แสดงถึงคุณภาพในเชิง “จิตใจ” เพราะในปัจจุบันพบว่า ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องกลับมาเรียนวิชาที่ว่าด้วยเรื่องของ “การจัดการข้อมูล” และ “การรับฟังผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง” กันมากขึ้น เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับการเลือกรับและฟังข้อมูลปริมาณมหาศาลที่โถมทับเข้ามาแบบที่ตั้งตัวทันบ้าง..ไม่ทันบ้าง ทำให้คนในปัจจุบันถูกคลื่นแห่งความรู้กระหน่ำเข้าใส่จนเกิดอาการเจ็บป่วยด้วยโรคประหลาดมากมาย ทั้งที่แสดงออกผ่านทางร่างกายและจิตใจ เป็นภัยเงียบที่มากับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างมาก อาทิ
– โรคปวดตาเพราะกล้ามเนื้อและระบบประสาทสายตาเสื่อมเนื่องจากจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
– โรคปวดกล้ามเนื้อที่เกิดจากท่านั่งหรือการทำงานซ้ำซาก (Cumulative Trauma Disorders)
– โรคภูมิแพ้ อันเนื่องสารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ
– โรคทนรอไม่ได้ (Hurry Sickness) ซึ่งมักจะเกิดกับผู้ที่เล่นอินเทอร์เน็ตซึ่งต้องการความเร็วสูงขึ้นๆตลอดเวลา เป็นต้น
ทั้งนี้ยังมีอีกหลายโรคที่เป็นผลสะสมจากการใช้เครื่องมือสื่อสารในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่อาจตัดเทคโนโลยีออกจากชีวิตของเราได้ หลายครั้งเราเคยชินเสียจนแม้กระทั่งในวันหยุดพักผ่อน ซึ่งเป็นวันที่เราควรจะได้ พักกาย..พักใจจากเทคโนโลยีที่มาดึงความเป็นมนุษย์ของเราให้หายไป กลับมาใช้วิธีการเดิม ๆ ย้อนมาสร้างทุกข์ให้กับตัวเองโดยไม่รู้ตัวค่ะ เมื่อหลีกหนีไม่ได้แต่ราสามารถหมุนโลกของการสื่อสารให้ช้าลงได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ พร้อมกับสร้างสุขให้ทั้งเราและลูกไปด้วยกันได้ค่ะ ลองมาใช้วิธีการที่เคยเชย ๆ …กับความช้า ๆ เพื่อผ่อนกระแสความแรงของโลกสื่อสารไร้สายกันด้วย “โปสการ์ด” ดูสักทีดีมั๊ยค่ะ
เริ่มต้นด้วยการร่วมด้วยช่วยกันเลือกโปสการ์ดใบสวยให้เหมาะกับผู้ที่เราและลูกจะส่งสารไปเยี่ยมเยียนที่บ้าน ขั้นตอนนี้เป็นการช่วยให้ลูกเรียนรู้เรื่องการสื่อสารผ่านภาพ การใช้คำถามสะท้อนความรู้สึกว่าทำไมลูกจึงอยากเลือกภาพนี่ นั่น โน่น เป็นการทำให้เรารู้ว่าลูกอยากบอกอะไรกับผู้รับปลายทาง เป็นประโยชน์มากค่ะเราควรเก็บเป็นข้อมูลเอาไว้ตอนที่ลูกจะเขียนเรื่องราวต่อไป
บันทึกเรื่องราวแห่งความสุข รวมทั้งจ่าหน้าถึงผู้รับปลายทาง
จากนั้นเปลี่ยนการใช้สายตา ที่เคยใช้เล็งภาพถ่ายส่งผ่านมือถือ ไปใช้สายตา เพื่อการค้นหาความงามจาก สิ่งรอบตัวบันทึกภาพ หรือข้อความลงในความทรงจำของเราและลูก ก่อนจะช่วยกันร้อยเรียงลงในโปสการ์ดค่ะ ขั้นตอนนี้ นอกจากเด็ก ๆ จะสนุกคิดและจินตนาการแล้ว ถ้าส่งโปสการ์ดไปให้คนหลายวัย เราสามารถแนะนำความเหมาะสมของการเขียนภาพ คำบรรยาย รวมทั้งการจัดวางชื่อที่อยู่ผู้ส่ง ผู้รับ ให้เหมาะสมกับวัย และรสนิยมของผู้รับด้วยนะคะ ลูก ๆ ต้องเรียนรู้ว่าโปสการ์ด 1 แผ่น จะต้องถูกเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำที่สวยงามนานเพียงใด แสดงให้เห็นคุณค่าของสิ่งที่ลูกทำ และ คุณค่าของการส่งความรักความห่วงใยผ่านโปสการ์ด โดยการใช้ข้อมูลที่มีในช่วงที่ลูกเลือกโปสการ์ดมาร่วมด้วยก็จะทำให้บันทึกการเดินทางฉบับนี้ทรงคุณค่าขึ้นค่ะ
ส่งให้ตรงช่องจังหวัด
สุดท้าย…ที่ไม่ท้ายสุด ก่อนส่งควรทบทวน เรื่องการเดินทางของโปสการด์จากมือเรา ผ่านตู้ไปรษณีย์ช่อง กรุงเทพฯ/ต่างจังหวัด เด็ก ๆ หลายคนสามารถสังเกตเห็นตัวเลขบอกเวลาไขจดหมายด้วยค่ะ เล่าผ่านไปยังที่ทำการไปรษณีย์ที่เด็ก ๆ ส่งต้นทาง การเดินทางข้ามเครื่องบิน เรือ รถยนต์ของเจ้าหน้าที่การสื่อสาร ไปยังที่ทำการไปรษณีย์ปลายทาง ผ่านสู่การคัดแยกเข้าที่ ตู้รหัสไปรษณีย์ขั้นตอนนี้เด็ก ๆ จะรู้โดยไม่ต้องย้ำเลยว่า ตัวเลข 5 ตัวที่เขียนกำกับชื่อที่อยู่มีเอาไว้ทำอะไร มาถึงช่วงสุดท้ายที่ไม่ท้ายสุดคือ บุรุษไปรษณีย์ผู้น่ารักจะนำโปสการ์ดของเรา…ไปสื่อความรักให้กระจายถึงมือผู้รับปลายทางต่อไป หากเด็ก ๆ บ้านไหนอยากรับความรู้สึกที่แสดงถึง การเดินทางด้วยตนเอง ก็สามารถส่งโปสการ์ดกลับมาหาตนเอง ที่บ้านได้ค่ะ รับรองว่าตื่นเต้นสุด ๆ เด็ก ๆ จะรอคอยและเปิดดูตู้รับจดหมายหน้าบ้านกันวันละหลายรอบแน่นอน
เมื่อความรักเดินทางมาถึง ^_^ ปลายทาง
ประโยชน์ของการส่งโปสการ์ด ช่วยลดอาการปวดตา…เพราะ ไม่ต้องใช้จอ ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ…เพราะ ไม่เครียดขณะบันทึก ลดอาการภูมิแพ้…เพราะมักไปส่งในวันพักผ่อน ที่ห่างไกลเทคโนโลยี และสิ่งกระตุ้นภูมิแพ้ ลดอาการอดรนทนรอไม่ได้…เพราะต้องฝึกที่ จะใช้การรอคอยด้วยใจเป็นสุขในการเดินทางมาของโปสการ์ด และที่สำคัญลดอาการขาดแคลนทางจิตใจ…เพราะเป็นการสื่อสารที่มาจากหัวใจถึงหัวใจค่ะ ^_^ จะช้าอยู่ใย ไปเติมหัวใจให้คนปลายทางกันดีกว่านะคะ
โดย ครูป๋วย
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพ และสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เปลี่ยนผู้ร้าย IT ให้เป็นพระเอกตัวจริง
เด็กไทยยุคใหม่ทำไมไม่ชอบการเขียน
เด็กหญิงและชายมีวิธีจัดการกับปัญหาต่างกัน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!