โคคิวเทน หรือชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า โคเอนไซม์คิวเทน หลายคนคงอาจจะเคยได้ยินผ่านหูบ้าง หรือหลายคนอาจจะไม่เคยได้ยิน วันนี้เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับโคคิวเทนกันดีกว่าค่ะว่า โคคิวเทน มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไร และสามารถหาทานได้จากที่ไหนบ้าง
Coenzyme Q10 คืออะไร
โคเอนไซม์คิวเทน หรือ โคคิวเทน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายของมนุษย์เราสามารถผลิตเองได้ตามธรรมชาติ เซลล์ในร่างกายของเราจะได้โคคิวเทน เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโต และซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยระดับของโคคิวเทนนั้นจะลดลงก็ต่อเมื่ออายุของเรามากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ยังพบว่าระดับของโคคิวเทนจะลดลงได้จากภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปของร่างกาย อาทิ การเป็นโรคหัวใจ และผู้ที่ทานยาลดคอเลสเตอรอลที่เรียกว่า สแตติน (statins)
โคคิวเทน มีอยู่ในอาหารใดบ้าง?
นอกจากที่ร่างกายของเราจะสามารถสร้างโคคิวเทนได้แล้ว เรายังสามารถรับประทานอาหารที่มีโคคิวเทนได้ เพื่อเสริมความแข็งแรงของร่างกาย โดยสามารถหาได้จากอาหาร ดังต่อไปนี้
- เครื่องในสัตว์ อาทิ หัวใจ ตับ และไต
- เนื้อสัตว์บางชนิด เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว และเนื้อไก่
- ปลาที่มีไขมัน ได้แก่ ปลาเทราท์ ปลาเฮอริ่ง ปลาแมคเคอเรล และปลาซาร์ดีน
- ผัก เช่น ผักโขม กะหล่ำดอก และบร็อคโคลี่
- ผลไม้ อาทิ ส้ม และสตรอวเบอร์รี่
- พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเลนทิล และถั่วลิสง เมล็ดงา และพิสตาชิโอ
- น้ำมัน ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันคาโนลา
บทความที่น่าสนใจ : อาหารว่างของทานเล่นแบบมังสวิรัติ ง่ายๆรวดเร็วและดีต่อสุขภาพ
โคคิวเทน เหมาะสำหรับใคร?
โคเอ็นไซม์คิวเท็น กินตอนไหน ? จากข้างต้นจะเห็นได้ว่าร่างกายของเรานั้นสามารถผลิตโคคิวเทนได้เองตามธรรมชาติ แต่จะมีเฉพาะบางกลุ่มคนที่จะมีการผลิตของโคคิวเทนลดลง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านั้นมีดังต่อไปนี้
1. ผู้ที่ใช้ยาสติน
สแตตินเป็นกลุ่มยาที่ใช้ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด หรือไตรกลีเซอไรด์ในระดับสูง เพื่อช่วยในการป้องกันโรคหัวใจ ถึงแม้ว่ายาชนิดนี้จะช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคหัวใจ แต่ก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน อาทิ การบาดเจ็บของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง และตับเกิดความเสียหาย นอกจากนี้ยังส่งผลถึงการสร้างกรดเมลาโลนิก ที่เป็นตัวช่วยสร้างโคคิวเทนอีกด้วย
2. ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ อาทิ ภาวะหัวใจล้มเหลวและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อาจได้รับประโยชน์อย่างมาในการรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของโคคิวเทน โดยการวิจัยผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวพบว่า การทานโคคิวเทน 100 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลาติดต่อกัน 12 สัปดาห์ จะช่วยให้เลือดไหลเวียนจากหัวใจไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่ายกายได้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ โคคิวเทน ยังมีประสิทธิภาพในการลดความเจ็บปวดที่เกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งเป็นอาการเจ็บหน้าอกที่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจของคุณไม่ได้รับออกซิเจนมากเพียงพอนั่นเอง
3. ผู้ที่มีอาการปวดหัวไมเกรน
โคคิวเทนสามารถช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ หากรับประทานร่วมกับสารอื่น ๆ อาทิ แมกนีเซียม และไรโบฟลาวิน นอกจากนี้ยังพบว่ายังสามารถบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ด้วยการลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และการผลิตอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เกิดไมเกรนได้
บทความที่น่าสนใจ : ลูกเป็นไมเกรน สาเหตุจากอะไร ไมเกรนในเด็ก อันตรายไหม วิธีป้องกันไมเกรนในเด็ก
4. ผู้สูงอายุ
เนื่องจากปริมาณโคคิวเทนที่ร่างกายของเราสามารถผลิตได้จะลดลงก็ต่อเมื่อเรามีอายุเพิ่มมากขึ้น อาหารเสริมโคคิวเทนนั้นสามารถช่วยเพิ่มระดับโคคิวเทน และช่วยปรับให้ร่างกายของคุณสมดุลมากยิ่งขึ้น โดยผู้สูงอายุที่มีระดับโคคิวเทนในเลือดสูง มีแนวโน้มที่จะมีการเคลื่อนไหวร่างกายได้ดีกว่า และมีความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ต่ำกว่า ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้สูงอายุนั่นเอง
5. ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
ความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และความผิดปกติของไมโตคอนเดรียมีความเชื่อมโยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน เพราะว่าผู้ที่เป็นโรคเบาหวานนั้นมีระดับความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันต่ำ และยาต้านเบาหวานบางชนิดนั้นมีส่วนผสมที่ทำให้โคคิวเทนนั้นมีปริมาณที่ลดลง ทั้งนี้การทานอาหารเสริมโคคิวเทนจะส่งผลทำให้ร่างกายของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานนั้นสามารถควบคุมปริมาณระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีมากยิ่งขึ้น
6. คู่สมรสที่มีภาวะมีบุตรยาก
การเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของภาวะมีบุตรยาก โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อคุณภาพของตัวอสุจิและไข่ แต่การวิจับพบว่าโคคิวเทนสามารถช่วยลดความเครียด และปรับให้ร่างกายของเราเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ได้อย่างปกติ
7. ผู้ที่ต้องการเสริมประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย
เนื่องจากโคคิวเทน มีคุณสมบัติเกี่ยวกับการให้พลังงานแก่ร่างกายด้วย จึงทำให้โคคิวเทนกลายเป็นอาหารเสริมยอดนิยมในหมู่นักกีฬา และผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพทางกายภาพ โดยการทานโคคิวเทนจะช่วยลดการอักเสบที่ได้รับจากการออกกำลังกายอย่างหนัก และช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้ไวขึ้น
บทความที่น่าสนใจ : การออกกำลังกายสามารถช่วยโรคไบโพลาร์ ได้อย่างไร?
ใครสามารถทานอาหารเสริมโคคิวเทนได้บ้าง?
สำหรับการทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของโคคิวเทนนั้นมีการแนะนำว่าให้ทานในช่วงเย็น หรือกลางคืน เพราะร่างกายของเราจะได้นำสารอาหารที่ได้มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนอกจากนี้ยังสามารถทานร่วมกับอาหารที่มีไขมันได้อีกด้วย เนื่องจากโคคิวเทน สามารถละลายในไขมันได้ ทั้งนี้การทานอาหารเสริมโคคิวเทนก็ยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับอายุและคุณสมบัติของผู้รับประทานดังต่อไปนี้
- เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ควรทานอาหารเสริมโคคิวเทน เว้นแต่จะได้รับจากคำสั่งของแพทย์เพื่อเสริมสร้างเซลล์ในร่างกาย
- บุคคลที่อายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถทานโคคิวเทนเป็นอาหารเสริมได้ตั้งแต่ 30 ถึง 200 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับผู้ที่ได้เข้ารับการรักษากับแพทย์ในโรคต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นจะต้องใช้โคคิวเทนอาจมีปริมาณที่แตกต่างกันออกไป
ผลข้างเคียงของการทานอาหารเสริมที่มีโคคิวเทน?
ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เป็นโรคหัวใจที่กำลังรับประทานอาหารเสริม หรืออาหารที่มีจำนวนของโคคิวเทนมากจนเกินไปอาจส่งผลกระทบ หรือผลข้างเคียงแก่ร่างกายได้ ดังต่อไปนี้
- ปวดท้องบริเวณด้านบน
- เบื่ออาหาร
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องเสีย
- ปวดหัว และเวียนศีรษะ
- นอนไม่หลับ
- เมื่อยล้า
- อาการคัน หรือเกิดผื่นที่ผิวหนัง
- หงุดหงิด หรือกระสับกระส่าย
นอกจากนี้การที่ทานอาหารเสริมโคคิวเทนระหว่างตั้งครรภ์ หรือในช่วงของการให้นมบุตรนั้นยังไม่ได้มีผลการวิจัยออกมาว่าปลอดภัย ดังนั้นหากคุณกำลังอยู่ในช่วงดังกล่าว กรุณางด เว้น และหยุดรับประทานไปก่อน
อย่างไรก็ตามการทานโคคิวเทนเป็นอาหารเสริมนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องระวังในเรื่องของผลข้างเคียงที่จะตามมาด้วย ทั้งนี้ก่อนที่จะรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของโคคิวเทนควรที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง เพื่อไม่ให้ส่งผลลบมากกว่าผลดีต่อร่างกายของเรานะคะ
บทความที่น่าสนใจ :
โอเมก้า-3 คืออะไร สำคัญกับแม่ท้องและลูกน้อยในครรภ์อย่างไร
ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม
วิตามินและอาหารเสริม 7 ประการ ที่ดีที่สุด เพื่อต่อสู้กับความเครียด
ร่วมแชร์ความเห็นหรือประสบการณ์ เกี่ยวกับโคเอนไซม์คิวเทน ได้ที่นี่!
โคเอนไซม์คิวเทน คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง จะหาทานได้จากไหนบ้างคะ
ที่มา : mountsinai, healthline, healthline
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!