X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

10 สิ่งที่พ่อแม่ทำลายความภาคภูมิใจในตนเองของลูกโดยไม่รู้ตัว

บทความ 3 นาที
10 สิ่งที่พ่อแม่ทำลายความภาคภูมิใจในตนเองของลูกโดยไม่รู้ตัว

ความภาคภูมิใจในตนเองคือ ความรู้สึกว่าตัวเองมีค่า ซึ่งจะช่วยให้ลูกสามารถยืนหยัดเผชิญหน้าความท้าทายนานัปการในชีวิต การเลี้ยงดูลูกอย่างเคร่งครัดเกินไปและการกระทำที่เหมือนไม่เป็นพิษเป็นภัยหลายๆ ครั้ง หรือบ่อยครั้งที่พ่อแม่ทำไปแบบไม่รู้ตัว อาจกลายเป็นบ่อนทำลายความภาคภูมิใจในตนเองของลูก ลองมาเช็กดูว่าการกระทำเหล่านี้ คุณพ่อแม่ได้เผลอทำลายความภาคภูมิใจของลูกไปหรือเปล่า

 

ความภาคภูมิใจในตนเอง

1.ดุด่าต่อว่า

การดุด่าต่อว่าในที่นี้รวมถึงการถากถาง ประชดประชันด้วยนะคะ คำพูดทำร้ายจิตใจผู้ฟัง คุณควรตำหนิการกระทำของลูก ไม่ใช่ตัวลูก เมื่อลูกทำผิด เรามักตีตราว่าลูกเป็นเด็ก ‘ดื้อด้าน’ หรือ ‘ไม่ได้เรื่อง’ ลูกจะซึมซับคำดุด่าไว้ และมันอาจกัดกร่อนจิตใจของลูกทีละน้อย จนคำเหล่านี้ฝังรากลึกกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวลูกไปจริงๆ ค่ะ

2.ชมอย่างขอไปที

พ่อแม่ควรชื่นชมลูกที่มุ่งมั่นฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อทำงานให้สำเร็จมากกว่าจะชื่นชมผลลัพธ์ที่ได้ คุณควรให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะยอมรับคำติเพื่อก่อ และชมลูกอย่างจริงใจ โดยเจาะจงในรายละเอียดและเอ่ยถึงควมอุตสาหะของลูก เช่น อย่าพูดแค่ว่า “รูปสวยจัง…” แต่ให้ชมว่า “สีที่หนูใช้ระบายท้องฟ้าสวยมากเลยจ้ะ…” คำชมเช่นนี้จะทำให้ลูกพยายามยิ่งๆ ขึ้นไปอีกในอนาคต

3.ช่วยลูกไปหมดทุกเรื่อง

อย่าช่วยทำในสิ่งที่ลูกทำเองได้ คุณอาจช่วยให้ข้อมูลเป็นแนวทางในการลงมือทำงานแก่ลูก สาธิตให้ลูกดูขั้นตอน และถอยออกมา ปล่อยให้ลูกได้เป็นคนตัดสินใจเอง เช่น เวลาลูกพยายามเล่นเกมให้ผ่านด่าน คุณควรบอกใบ้วิธีให้ลูกไปแก้โจทย์ต่อเอง การทำเช่นนี้จะกระตุ้นให้ลูกรู้จักตัดสินใจด้วยตัวเองจากข้อมูลที่มี

4.ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ ผิดพลาดไม่ได้

ความผิดพลาดและความล้มเหลวสอนให้ลูกรู้จักล้มแล้วลุกค่ะ ถ้าลูกไม่มีโอกาสเรียนรู้ที่จะมองหากลวิธีใหม่ในการเอาชนะอุปสรรค ทักษะในการแก้ปัญหาของลูกจะอ่อนด้อยอย่างน่าวิตก

การเป็นตัวของคุณเองสำคัญยิ่งกว่าพยายามทำตัวให้สมบูรณ์แบบตามบรรทัดฐานสังคม คุณควรอยู่ข้างๆ ลูกเมื่อลูกลองเทน้ำใส่แก้วด้วยตัวเอง อย่าช่วยลูกแม้ว่าลูกอาจทำน้ำหกก็ตาม ถ้าน้ำหก ไม่ควรตำหนิลูก แต่ให้ถามลูกว่าควรทำยังไงกับความเลอะเทอะตรงหน้า

5.ใช้เวลากับลูกน้อยเกินไป

ทำให้ลูกรู้ว่าลูกมีค่าต่อเวลาของคุณเสมอ การอยู่ใกล้ๆ ลูกโดยไม่ทำอะไรเลยก็ช่วยเสริมสร้างความภูมิใจในตนเองของลูกได้แล้วค่ะ ใช้เวลากับลูกซ่อมแซมเครื่องใช้ในบ้านด้วยกัน หรือแทนที่จะขับรถ ก็ลองเดินแทนบ้างจะได้ใช้เวลากับลูกมากขึ้นค่ะ

ความภาคภูมิใจในตนเอง

6.ไม่เป็นตัวอย่างให้ลูก

ถ้าคุณเป็นตัวอย่างให้ลูกไม่ได้ คำสั่งสอนของคุณก็สูญเปล่า ลูกเห็นสิ่งที่คุณทำมากกว่าได้ยินสิ่งที่คุณพูดค่ะ

7.พูดว่า “พ่อ/แม่จะรักหนูถ้า…”

ความเสียหายใหญ่หลวงจากคำพูดนี้คือลูกจะเข้าใจว่าความรักของคุณมีเงื่อนไข ส่งให้เด็กทำสิ่งต่างๆ เพราะหวังจะได้ความรักและการยอมรับตอบแทน สิ่งนี้จะฝังใจเด็กไปจนล่วงเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ และเด็กเหล่านี้มีแนวโน้มจะถูกล่วงเกินทางเพศมากกว่าเด็กทั่วไปด้วย

8.ประคบประหงมลูก

ให้ลูกทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ บ้าง เช่น ทำแซนด์วิชหรือพับเสื้อผ้า วิธีนี้ทำให้ลูกเห็นว่าคุณชื่นใจที่ลูกมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระและจะกระตุ้นให้ลูกอยากช่วยอีก การกำหนดหน้าที่ให้ลูกล้างจานของตัวเองนับเป็นขั้นแรกของการฝึกให้ลูกได้รู้ว่าชีวิตจริงๆ ที่ต้องพึ่งตนเองเป็นอย่างไร การรองมือรองเท้าลูกตลอดเวลาบ่อนทำลายความสามารถในการพึ่งพาตนเองของลูก

9.พูดว่า “เดี๋ยวก็ดีเอง…”

คำพูดที่ได้ผลกว่าคือ “เราจะแก้ปัญหานี้ด้วยกันนะ พ่อ/แม่อยู่เคียงข้างหนูเสมอ…” คุณควรสนับสนุนให้ลูกเอ่ยปากบอกถึงความรู้สึกของตน และสอนคำเกี่ยวกับอารมณ์ เช่น หงุดหงิด โมโห เสียใจหรือผิดหวัง การตระหนักรู้ถึงความรู้สึกของตนเองเป็นก้าวแรกไปสู่ทางแก้ไข

10.คิดลบ

นักวิทยาศาตร์เชื่อมั่นว่าสมองของเราสามารถเปลี่ยนทัศนะมองโลกได้หากฝึกฝนบ่อยๆ  คุณควรหมั่นเติมเต็มความคิดหลากหลายและความเป็นไปได้ไม่รู้จบให้แก่ลูก ช่วยลูกหล่อเลี้ยงทัศนคติที่ว่าอย่ายอมแพ้ต่อชีวิต ยิ้มรับปัญหา เล่าเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกฟัง และสอนให้ลูกเป็นเหมือนโปรตอน คือเป็นขั้วบวก คิดบวกค่ะ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
5 เรื่องที่พ่อแม่ไม่ควรบังคับลูก
ไม่อยากเป็นพ่อแม่เฮลิคอปเตอร์ ฟัง 4 วิธีทางนี้

บทความจากพันธมิตร
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

พรพยงค์ นำธวัช

  • หน้าแรก
  • /
  • ชีวิตครอบครัว
  • /
  • 10 สิ่งที่พ่อแม่ทำลายความภาคภูมิใจในตนเองของลูกโดยไม่รู้ตัว
แชร์ :
  • ชีวิตที่มีลูก เข้าแล้วออกไม่ได้ : บริหารเวลายังไง ให้ชีวิตแม่มีความสุข

    ชีวิตที่มีลูก เข้าแล้วออกไม่ได้ : บริหารเวลายังไง ให้ชีวิตแม่มีความสุข

  • อาถรรพ์ 7 ปี ทำไมคู่รักมักเลิกกัน: อาถรรพ์ ความเชื่อ หรือแค่การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา

    อาถรรพ์ 7 ปี ทำไมคู่รักมักเลิกกัน: อาถรรพ์ ความเชื่อ หรือแค่การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา

  • MBTI กับการเลี้ยงลูก: เมื่อบุคลิกภาพกำหนดสไตล์การเลี้ยงดู

    MBTI กับการเลี้ยงลูก: เมื่อบุคลิกภาพกำหนดสไตล์การเลี้ยงดู

  • ชีวิตที่มีลูก เข้าแล้วออกไม่ได้ : บริหารเวลายังไง ให้ชีวิตแม่มีความสุข

    ชีวิตที่มีลูก เข้าแล้วออกไม่ได้ : บริหารเวลายังไง ให้ชีวิตแม่มีความสุข

  • อาถรรพ์ 7 ปี ทำไมคู่รักมักเลิกกัน: อาถรรพ์ ความเชื่อ หรือแค่การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา

    อาถรรพ์ 7 ปี ทำไมคู่รักมักเลิกกัน: อาถรรพ์ ความเชื่อ หรือแค่การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา

  • MBTI กับการเลี้ยงลูก: เมื่อบุคลิกภาพกำหนดสไตล์การเลี้ยงดู

    MBTI กับการเลี้ยงลูก: เมื่อบุคลิกภาพกำหนดสไตล์การเลี้ยงดู

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว