ช่วงใกล้คลอด คุณแม่หลายคนมักจะมีความกังวลใจเรื่องการคลอด กลัวความเจ็บปวด กังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกน้อย และวิธีการคลอด ล้วนเป็นสาเหตุความกังวลใจของแม่ยุคใหม่ แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ ทำให้การผ่าคลอดกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่การ ผ่าคลอดใช้เวลากี่นาที และปลอดภัยแค่ไหน และควรเลือกการผ่าคลอดดีไหม มาหาคำตอบกันค่ะ
คลอดธรรมชาติ vs ผ่าตัดคลอด แตกต่างกันอย่างไร ?
สำหรับคุณแม่ทุกท่านที่อาจกำลังเกิดคำถามในใจ ว่าสุดท้ายแล้วควรจะเลือกวิธีการคลอดแบบไหนคลอดแบบธรรมชาติหรือผ่าตัดคลอด แบบไหนที่เหมาะกับเรา ถ้าคลอดเองใช้เวลานาไหม หรือ ผ่าคลอดใช้เวลากี่นาที เพราะเวลาเป็นเรื่องที่คุณแม่หลายคนกังวล แต่ทั้งสองวิธีก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป เรามาดูวิธีการคลอดทั้ง 2 แบบกันค่ะ
สารบัญ
การคลอดแบบธรรมชาติ
การคลอดธรรมชาติเป็นการคลอดที่ทารกจะผ่านออกมาทางช่องคลอด ช่วงใกล้คลอดคุณแม่จะรู้สึกถึงการหดรัดตัวเบา ๆ ของปากมดลูก ซึ่งการหดรัดตัวนี้อาจส่งผลให้ปากมดลูกเปิดออกและบางตัวลง เพื่อให้ทารกเคลื่อนมายังช่องทางการคลอด เมื่อมดลูกบีบรัดตัวจนปากมดลูกเปิดกว้าง 8-10 เซนติเมตร คุณหมอจะคอยกระตุ้นให้คุณแม่ออกแรงเบ่งเมื่อเกิดการหดรัดตัวของมดลูก หรือคอยให้จังหวะในการเบ่งคลอด เพื่อให้ทารกคลอดออกมา
ข้อดี ของการคลอดธรรมชาติ คือ
- มีระยะฟื้นตัวเร็ว เนื่องจากขนาดของแผลที่เล็ก ส่งผลให้คุณแม่ไม่ได้มีอาการเจ็บมากเหมือนอย่างการผ่าตัดทำคลอด คุณแม่จึงสามารถเคลื่อนไหว ลุก นั่ง เดิน ได้คล่อง การฟื้นตัวก็รวดเร็ว
- ขนาดแผลที่เล็ก แผลเกิดจากอะไร คุณแม่ท้องแรกบางคนคงสงสัย คือแผลที่เกิดจากปากช่องคลอด ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นไม่เท่าคนที่เคยผ่านการคลอดมาแล้ว จึงทำให้มีแผลเพื่อช่วยเปิดช่องทางคลอด ซึ่งส่วนใหญ่แผลจะอยู่ที่ประมาณ 2-4 เซ็นติเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสรีระของคุณแม่และขนาดของทารกด้วย
- ลดภาวะเสี่ยงได้ การคลอดธรรมชาติช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น การติดเชื้อ การตกเลือด หรือการเกิดลิ่มเลือด
- เสียเลือดน้อยกว่า การคลอดธรรมชาติโดยทั่วไปจะเสียเลือดน้อยกว่าการผ่าคลอด เนื่องจากมดลูกหดตัวและบีบตัวเพื่อให้ออกมา
- ทารกได้รับภูมิคุ้มกัน การคลอดธรรมชาติโดยผ่านช่องคลอดทำให้ทารกได้รับแบคทีเรียดี ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาภูมิคุ้มกันของทารก
- กระตุ้นการทำงานของปอดในทารก การบีบตัวของช่องคลอดขณะคลอดช่วยขับน้ำ
- สามารถให้ลูกกินนมได้ทันที การคลอดธรรมชาติช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนมิลค์ ทำให้คุณแม่สามารถให้ลูกดูดนมได้ทันทีหลังคลอด
- ส่งเสริมความผูกพันระหว่างแม่และลูก การได้สัมผัสและกอดลูกน้อยทันทีหลังคลอด ช่วยเสริมสร้างความผูกพันระหว่างแม่และลูก
ข้อเสีย ของการคลอดธรรมชาติ คือ มีอาการเจ็บปวดระหว่างคลอด ใช้เวลานาน และอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น รกเกาะต่ำ ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
การคลอดแบบผ่าตัดคลอด
เป็นการผ่าตัดทำคลอด โดยการเปิดปากแผลบริเวณหน้าท้องและมดลูก การผ่าคลอดจะมีแบบการวางแผนไว้ล่วงหน้า หรือมีกรณีต้องผ่าตัดแบบอย่างเร่งด่วน เหตุจากสุขภาพหรือภาวะจำเป็น เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจคาดไม่ถึง ซึ่งการ ผ่าคลอดใช้เวลากี่นาที หรือยาวนานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของคุณแม่และทารกในครรภ์ด้วย ว่ามีความยุ่งยากมากน้อยแค่ไหน แต่ส่วนใหญ่แล้วการผ่าคลอดจะใช้ระยะเวลาในการคลอดสั้นกว่าการคลอดธรรมชาติ และมีขนาดแผลหรือรอยแผลเป็นที่ต่างกับการคลอดธรรมชาติ
ข้อดี ของการผ่าคลอด
- ไม่ต้องรอเจ็บท้องนาน คุณแม่สามารถวางแผนการคลอดได้ล่วงหน้า ทำให้สามารถเตรียมตัวทั้งร่างกายและจิตใจได้อย่างพร้อมก่อนทำการคลอด
- ไม่เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนระหว่างรอคลอด คุณหมอสามารถดูแลได้อย่างใกล้ชิด และสำหรับคุณแม่ที่มีภาวะเสี่ยง เช่น โรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง การผ่าคลอดจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
- ไม่เจ็บระหว่างทำคลอด คุณหมอจะให้ยาสลบหรือบล็อกหลัง ทำให้คุณแม่ไม่รู้สึกเจ็บปวดระหว่างการผ่าตัด อาจเจ็บแผลหลังคลอดบ้าง แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้เร็ว
- กำหนดวันเวลาคลอดได้ สามารถวางแผนชีวิตหลังคลอดได้อย่างสะดวก เช่น การเตรียมตัวรับลูก การจัดเตรียมคนดูแล คุณแม่ที่ทำงานก็สามารถวางแผนลาคลอดได้อย่างเหมาะสม
- หากสภาวะครรภ์มีความเสี่ยงจะช่วยให้ปลอดภัย กรณีที่ทารกอยู่ในท่าที่ผิดปกติ หรือมีขนาดตัวใหญ่เกินไป การผ่าคลอดจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูก
- สามารถทำหมันได้เลย โดยคุณหมอสามารถทำหมันได้ทันทีหลังการผ่าคลอด
ข้อเสีย ของการผ่าคลอด มีแผลที่หน้าท้องจากการผ่าตัด มีความเสี่ยงจากการแพ้ยาเพราะจะต้องมีการดมยาสลบ หรือใช้การบล็อกหลังให้กับคุณแม่เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้น เสียเลือดมาก ทารกเสี่ยงภาวะหายใจเร็ว แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้เป็นภาวะรุนแรง และหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนจะมีโอกาสหายไปได้เองในภายหลัง
แม่ผ่าคลอด อยากรู้อะไรบ้างนะ ?
คุณแม่ที่กำลังจะผ่าคลอดมักมีคำถามมากมายในใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเตรียมตัวก่อนผ่าคลอด การดูแลแผลผ่าตัด การให้นมบุตร หรือการกลับมาใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นการตัดสินใจและเตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับแม่ที่เลือกผ่าคลอด พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจหลังคลอด เราจะช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลายและสามารถดูแลตัวเองและลูกน้อยได้อย่างมีความสุขกันค่ะ
-
ผ่าคลอดเจ็บไหม จำเป็นต้องบล็อกหลังหรือเปล่า ?
การผ่าคลอดในปัจจุบัน ความเจ็บปวดจากการผ่าคลอดลดน้อยลง ด้วยเทคโนโลยีและวิวัฒนาการทางการแพทย์ จะมีวิธีที่ช่วยให้ความเจ็บปวดลดน้อยลงและมีประสิทธิภาพ วิธีนี้ปลอดภัยต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อย โดยการบล็อคหลัง หรือการฉีดยาชาเข้าที่ไขสันหลัง ทำให้ชาเฉพาะบางส่วนของร่างกาย ช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลายและไม่รู้สึกเจ็บปวดระหว่างการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม การบล็อกหลังก็มีข้อบ่งชี้และข้อห้ามบางประการ คุณแม่จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ หากคุณแม่มีความกังวลเรื่องการผ่าตัด ก็สามารถปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการดมยาสลบได้เช่นกัน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่: ผ่าคลอดแบบบล็อกหลังหรือดมยาสลบ แบบไหนดีกว่ากัน?
-
ผ่าคลอดใช้เวลากี่นาที ?
การผ่าคลอดจะเริ่มจากการให้ยาชา ซึ่งส่วนใหญ่จะให้ยาชาประเภทยาชาบริเวณกระดูกรอบ ๆ กระดูกสันหลัง หรือที่เรียกว่าการบล็อคหลัง ซึ่งจะทำให้คุณแม่ยังรู้สึกตัวขณะทำการผ่าคลอด ระยะเวลาการผ่าคลอดโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ภายหลังจากที่ผ่าตัดเสร็จแล้ว คุณแม่จะนอนพักฟื้นที่ห้องผ่าตัดประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อประเมิน และสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด หากคุณแม่ไม่มีความผิดปกติคุณแม่จะกลับมาพักที่ห้องพักได้
-
แผลผ่าคลอดจะเป็นยังไง ?
สำหรับคุณแม่ท่านไหนที่กังวลเรื่องแผล หลังการผ่าคลอด เช่น ขนาดของแผล รอยเย็บแผลหรือการเกิดแผลเป็นจากการผ่าคลอด ซึ่งแผลสามารถดูแลและรักษาให้ดีขึ้นได้หลังการผ่าคลอด เช่น การไม่แกะแผล การใช้ผ้ารัดหน้าท้อง ท่าทางการลุก เดิน ยืน นั่ง เป็นต้น ทั้งนี้ ควรปฏิบัติตามคำแนำนำของแพทย์ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลอักเสบติดเชื้อ และเป็นแผลเป็นคีลอยด์ได้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่: ดูแลแผลผ่าคลอดไม่ให้นูน ให้แผลสมานด้วยตัวเองได้ไม่ยาก
-
ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง ?
คุณแม่ที่ต้องการมีลูกมากกว่า 1 คนและใช้วิธีผ่าคลอด สามารถผ่าตัดคลอดได้เรื่อยๆ แต่แพทย์จะแนะนำให้ผ่าคลอดไม่เกิน 3 ครั้ง เพราะคุณแม่ที่เคยผ่าคลอดนั้นมักจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ได้ง่ายกว่าคนที่ไม่เคยมีแผลผ่าคลอด และคุณแม่ก็ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทำการฝากท้องตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ รวมถึงหากได้รับการตรวจและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมจากสูติแพทย์โดยตรงก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่: ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง แม่ผ่าคลอด มีลูกได้กี่คน อันตรายไหม และต้องดูแลตัวเองยังไง
-
ถ้าท้องแรกผ่าคลอด ท้องสองจะคลอดแบบธรรมชาติได้ไหม ?
กรณีท้องแรกผ่าคลอด ท้องที่สองคุณแม่สามารถเลือกการคลอดแบบธรรมชาติได้ค่ะ โดยวิธีการนี้เรียกว่า VBAC (Vaginal Birth after Cesarean) แต่ต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้คำแนะนำและการดูแลอย่างใกล้ชิด
อ่านเพิ่มเติมได้ที่: ผ่าคลอดท้องแรก แต่คลอดธรรมชาติท้องสอง ทำได้หรือ?
-
ผ่าคลอดแล้วให้ลูกกินนมได้เลยไหม ?
การผ่าคลอดไม่มีผลกระทบในเรื่องการให้นมลูกค่ะ คุณหมอจะพยายามให้ลูกน้อยมากินนมแม่ทันทีหลังคลอด ซึ่งการให้นมลูกได้ทันทีเลยนั้นจะยิ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น คุณแม่ควรเริ่มให้นมลูกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยในช่วงแรกคุณแม่ควรให้นมลูกบ่อยๆ ทุกๆ 2-3 ชั่วโมงในตอนกลางวัน และทุกๆ 3-4 ชั่วโมงในตอนกลางคืน
ดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด แม่ต้องทำอะไรบ้าง ?
หลังผ่าคลอดทั้งคุณแม่และลูกน้อยจะต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวและฟื้นฟู โดยแพทย์จะดูแลเรื่องอาการปวดให้ด้วยยาแก้ปวด และแนะนำให้คุณแม่ดื่มน้ำเยอะๆ รวมถึงพยายามลุกขึ้นเดินเพื่อช่วยให้แผลหายเร็ว ลดปัญหาท้องผูก และป้องกันลิ่มเลือดอุดตัน นอกจากนี้ แพทย์จะคอยดูแลแผลผ่าตัดอย่างใกล้ชิด ไม่ให้ติดเชื้อ แต่เมื่อกลับไปพักที่บ้านต่อ ควรดูแลตัวเองดังนี้
- ดูแลความสะอาดแผลผ่าคลอด เพื่อป้องกันแผลติดเชื้อ และหลังจากที่แผลสมานแล้ว คุณแม่อาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็นที่ให้ความชุ่มชื้นที่ช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
- พักผ่อนให้มาก ๆ และวางของใช้ที่จำเป็นสำหรับแม่และเด็กไว้ใกล้มือ ในช่วงสัปดาห์แรกหลังการผ่าตัดควรหลีกเลี่ยงการยกของ หรือยกของที่น้ำหนักมากกว่าลูกน้อย
- ใช้หมอนรองบริเวณหน้าท้องขณะให้นม หรือใช้ผ้าพันบริเวณหน้าท้อง หรือใช้ผ้ารัดหน้าท้องได้ค่ะ เพราะการใช้ผ้ารัดหน้าท้องจะช่วงพยุงหน้าท้องและมดลูกหลังคลอด กระชับหน้าท้องให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็ว บรรเทาอาการปวดหลังได้ด้วยค่ะ
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อทดแทนการสูญเสียของเหลวจากการคลอดและการให้นม อีกทั้งยังช่วยป้องกันอาการท้องผูกอีกด้วย
- หากมีอาการปวด ใช้ยาตามที่คุณหมอสั่งเท่านั้น
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ ในระยะเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการขับรถอย่างน้อย 6 สัปดาห์ เนื่องจากแผลผ่าคลอดจะอยู่บริเวณเข็ดขัดนิรภัย หากมีการเบรครถอย่างกะทันหันหรือเกิดอุบัติเหตุ อาจเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่แผลซ้ำได้
อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่มีสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง มีอาการบวมแดง และมีของเหลวไหลออกมาจากแผลผ่าตัด ควรรีบหาหมอทันที
รวมไปถึงมีอาการปวด บวมแดงที่หน้าอก ร่วมกับมีไข้ มีของเหลวและมีกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากช่องคลอด รู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะ มีเลือดออกจนเต็มผ้าอนามัยภายในเวลา 1 ชั่วโมงหรือมีเลือดออกต่อเนื่องกันมากกว่า 8 สัปดาห์หลังจากผ่าคลอดต้องรีบมาพบแพทย์ทันที
การผ่าคลอดเป็นวิธีการคลอดที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน และมีความปลอดภัย แต่ก็มีความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้น หากไม่มีความจำเป็น คุณหมอมักจะแนะนำให้คุณแม่เลือกวิธีคลอดตามธรรมชาติค่ะ และสำหรับคุณแม่ที่ต้องการผ่าคลอด ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจถึงขั้นตอน ข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อยค่ะ
ที่มา : โรงพยาบาลเปาโล , โรงพยาบาลบางปะกอก 9 , โรงพยาบาลพญาไท , Pobpad ,
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ผลข้างเคียงระยะยาวของการบล็อกหลัง ผ่าคลอดบล็อคหลังดีไหม
รอยแผลผ่าคลอด ปกติหรือไม่? มาไขข้อสงสัยพร้อมวิธีดูแลให้แผลสวย
เลือกผ่าคลอด หากคลอดลูกโดยการผ่าคลอด ความเสี่ยงผ่าคลอด 9 เรื่องที่แม่ตั้งครรภ์ต้องเจอ!