การผ่าคลอดเป็นวิธีคลอดบุตรที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่หนึ่งในสิ่งที่คุณแม่หลายท่านกังวลหลังคลอดก็คือ รอยแผลผ่าคลอด ว่าปกติหรือไม่ แผลจะหายสนิทไหม ในบทความนี้ เราจะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ รอยแผลผ่าคลอด พร้อมแนะนำวิธีดูแลให้แผลสวยและหายเร็ว
ความกังวลยอดฮิตเกี่ยวกับ รอยแผลผ่าคลอด
เป็นเรื่องปกติที่คุณแม่หลังผ่าคลอดมักมีความกังวลเกี่ยวกับ รอยแผลผ่าคลอด ที่หน้าท้อง โดยคุณแม่มักจะมีกังวลในเรื่องต่อไปนี้
- ความเจ็บปวด แผลผ่าคลอดมักจะรู้สึกเจ็บในช่วงแรกหลังผ่าตัด ซึ่งคุณแม่จะได้รับยาแก้ปวดจากแพทย์ แต่บางท่านอาจรู้สึกเจ็บแผลมากกว่าปกติ หรือรู้สึกเจ็บแผลเป็นเวลานาน
- การติดเชื้อแผลผ่าตัดมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้เสมอ สังเกตได้จากอาการบวม แดง ร้อน หรือมีหนองไหลจากแผล
- รอยแผลเป็น คุณแม่หลายท่านกังวลเรื่องรอยแผลเป็นที่หน้าท้อง กลัวว่าจะรอยใหญ่ นูน หรือไม่สวยงาม
- การดูแลแผล คุณแม่บางท่านอาจกังวลว่าจะดูแลแผลผ่าตัดได้ไม่ถูกต้อง กลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด
- ผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน กังวลว่าจะใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่ปกติ ทำกิจวัตรต่างๆ ลำบาก
- ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ กังวลว่าจะมีเพศสัมพันธ์กับคู่ครองได้ยากขึ้น หรือส่งผลต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว
- ความวิตกกังวลอื่นๆ บางท่านอาจมีความวิตกกังวลอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น กลัวการผ่าตัด กลัวการดมยาสลบ กลัวว่าลูกจะไม่แข็งแรง กลัวเหงา หรือกลัวไม่มีคนช่วยเลี้ยงลูก
ลักษณะรอยแผลผ่าคลอดปกติ
รอยแผลผ่าคลอด มักมีลักษณะเป็น รอยแผลนูน ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร อยู่บริเวณท้องน้อย ในช่วงแรกแผลจะมีสีแดง ช้ำ บวม และอาจรู้สึกเจ็บ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ แผลจะเริ่มแห้ง และตกสะเก็ด เมื่อผ่านไป 3-4 สัปดาห์ แผลจะเริ่มหายสนิท และ รอยแผลเป็นจะค่อยๆ จางลง
ปัจจัยที่มีผลต่อลักษณะแผลผ่าคลอด
- ตำแหน่งแผลผ่าตัด แผลผ่าคลอดมี 2 แบบ คือ แนวนอน (เหนือหัวหน่าว) และ แนวตั้ง (จากสะดือลงมา) แผลแนวนอนมักมองเห็นรอยแผลเป็นได้น้อยกว่าแผลแนวตั้ง
- การดูแลแผล การดูแลแผลอย่างถูกวิธี เช่น รักษาความสะอาด ทายา เปลี่ยนผ้าปิดแผล จะช่วยให้แผลหายเร็วและรอยแผลเป็นจางลง
- สภาพร่างกาย คนที่มี น้ำหนักตัวมาก หรือ ผิวหนังหย่อนคล้อย มักมีรอยแผลเป็นที่ชัดเจนกว่า
- พันธุกรรม บุคคลที่มี พันธุกรรม เป็นคนที่มีรอยแผลเป็นง่าย มักมีรอยแผลผ่าคลอดที่ชัดเจนกว่า
แผลผ่าคลอดเป็นก้อนแข็ง
คุณแม่หลายท่านหลังคลอดด้วยวิธีผ่าตัดอาจกังวลเมื่อพบว่าแผลผ่าคลอดมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง เกิดจากอะไร ผิดปกติหรือไม่ สังเกตอย่างไร และควรแก้ไขอย่างไร
ก้อนแข็งที่แผลผ่าคลอด เป็นก้อนเนื้อที่เกิดขึ้นบริเวณแผลผ่าตัด มักพบได้ทั่วไป ไม่เป็นอันตราย และค่อยๆ ยุบลงเองภายใน 6-12 เดือน แต่หากพบเป็นก้อนกลม นิ่ม ขยับได้ ไม่เจ็บ อาจเป็นซีสต์ไขมันที่เกิดจากต่อมไขมันได้ผิวหนัง ลักษณะเช่นนี้ไม่เป็นอันตราย แต่หากก้อนมีขนาดใหญ่ อาจต้องผ่าตัดออก หรือหากแผลผ่าคลอดเป็นก้อนแข็ง ที่เกิดจากการติดเชื้อ มักมีอาการร่วมด้วย เช่น แผลแดง บวม ร้อน ปวด หนองไหล หรือมีไข้ นอกจากนี้อาจเกิดได้จากเนื้องอก แต่พบได้น้อย มักเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้าย แต่ต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาจากแพทย์
วิธีดูแลรอยแผลผ่าคลอด ให้แผลสวยและหายเร็ว
- รักษาความสะอาด ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสแผล ล้างแผลด้วยน้ำเกลือวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เช็ดแผลให้แห้ง สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
- ทายา ทายาตามคำสั่งแพทย์
- เปลี่ยนผ้าปิดแผล เปลี่ยนผ้าปิดแผลวันละ 1-2 ครั้ง หรือเมื่อเปื้อนเลือด น้ำหนอง
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรง งดการยกของหนัก กิจกรรมที่ต้องออกแรงเยอะ
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารที่มีวิตามินซีและโปรตีนสูง เพื่อช่วยให้แผลหายเร็ว
- งดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ส่งผลต่อการสมานแผล
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว
- แจ้งแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติ
สังเกตอาการผิดปกติของ รอยแผลผ่าคลอด กรณีที่ควรไปพบแพทย์
แม้ก้อนแข็งที่แผลผ่าคลอดส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตราย แต่คุณแม่ควรสังเกตอาการผิดปกติ ดังนี้
- ก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้น โตเร็ว
- แผลมีสีแดง บวม ร้อน
- ก้อนแข็ง แน่น หรือกดเจ็บ
- มีหนองไหลจากแผล
- มีไข้
- รู้สึกเจ็บแผลมากขึ้น
- แผลมีรอยแตก
โดยสรุปแล้ว แผลผ่าคลอดมักมีลักษณะเป็นรอยแผลนูน ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร อยู่บริเวณท้องน้อย แผลผ่าคลอดเป็นก้อนแข็งเป็นอาการปกติ แผลจะค่อยๆ หายสนิทและรอยแผลเป็นจะจางลงภายใน 3-4 สัปดาห์ การดูแลแผลอย่างถูกวิธี เช่น รักษาความสะอาด ทายา เปลี่ยนผ้าปิดแผล จะช่วยให้แผลหายเร็วและรอยแผลเป็นจางลง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับแผลผ่าคลอด ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ที่มา : enfababy
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ปวดหลัง หลังผ่าคลอด ปกติหรือไม่ มีวิธีแก้ไขอย่างไร
ยาลดรอยแผลเป็น สำหรับแม่ผ่าคลอด แบบไหนไม่เป็นคีลอยด์
ผ่าคลอด กี่เดือนท้องยุบ ทำยังไงให้หน้าท้องหลังคลอดยุบเร็ว วิธีลดพุงคนท้อง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!