หนึ่งในอาหารทะเลอย่าง “แมงกะพรุน” ดูน่ากินเหลือเกิน คนท้องกินแมงกะพรุนได้ไหม เพราะเคยกินก่อนท้อง ตอนนี้พอท้องแล้วต้องให้ความสำคัญเรื่องโภชนาการมากขึ้น ถ้าอยากรู้อ่านได้จากบทความนี้เลย
คนท้องกินแมงกะพรุนได้ไหม
แมงกะพรุน (Jellyfish) เป็นสัตว์มีพิษ ที่ถ้าหากนำมาล้างอย่างถูกวิธี และนำไปตากแห้ง จะสามารถนำไปประกอบอาหารได้อย่างปลอดภัย คุณแม่หลายคนอาจเคยลิ้มลองรสชาติของสัตว์น้ำชนิดนี้แล้วเกิดติดใจขึ้นมา คนท้องกินแมงกะพรุนได้ไหมนั้น สำหรับคำตอบคือ สามารถกินได้ นอกจากความอร่อยแล้ว ยังให้แคลอรีน้อย และมีไขมัน กับโปรตีน รวมถึงคอลลาเจนอีกด้วย อย่างไรก็ตามสารอาหารอื่น ๆ นั้นน้อยเกินไป จึงไม่ตอบโจทย์เรื่องสารอาหารที่ครบถ้วน นอกจากนี้หากต้องการทาน คุณแม่ควรเลือกร้านอาหารที่ไว้ใจได้ มีความรู้ความเข้าใจในการปรุงเนื้อแมงกะพรุนเป็นอย่างดี
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินสังขยาได้ไหม ขนมปังสังขยาปลอดภัยหรือไม่
สารอาหารในแมงกะพรุนมีอะไรบ้าง
ดูเหมือนว่าการกินแมงกะพรุนแห้งจะเป็นตัวเลือกที่ดีในการทานของอร่อย แต่น้ำหนักไม่พุ่ง เพราะแมงกะพรุนแห้งปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 33 กิโลแคลอรีเท่านั้น ส่วนสารอาหารจะเน้นให้พลังงานเป็นหลัก เช่น ไขมัน และโปรตีน นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ ในปริมาณยิบย่อย เช่น เหล็ก, แคลเซียม, แมกนีเซียม, โพแทสเซียม และวิตามิน A เป็นต้น นอกจากนี้โปรตีนที่มีมากในแมงกะพรุนถือว่าประกอบไปด้วยคอลลาเจน (Collagen) ไม่น้อย ซึ่งส่งผลดีต่อผิวพรรณของคุณแม่อีกด้วย โดยสายพันธุ์ที่นิยมนำมาสกัดคอลลาเจน คือ แมงกะพรุนลอดช่อง
แม้ว่าจะดูให้แคลอรีน้อย ส่วนมากจะมีไขมัน และโปรตีนก็จริง แต่ในแง่ของการทานอาหารเพื่อให้ร่างกายของแม่ท้องได้สารอาหารที่หลากหลายมากพอในมื้อหลัก แมงกะพรุนคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี และคงไม่สามารถตอบโจทย์ได้ ยิ่งช่วงตั้งครรภ์ที่ต้องการสารอาหารคูณ 2 เพื่อทารกแล้ว การกินเมนูอื่น อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
แมงกะพรุนมีพิษ สายพันธุ์ไหนที่นำมารับประทานได้ ?
เป็นที่รู้กันดีว่าแมงกะพรุนทุกสายพันธุ์มีพิษทั้งหมด ยิ่งแมงกะพรุนมีสีเข้มยิ่งมีพิษมาก ดังนั้นจึงนิยมนำแมงกะพรุนที่มีสีอ่อนมาประกอบอาหารมากกว่า ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่ 3 สายพันธุ์ที่นำมารับประทานได้ ได้แก่ แมงกะพรุนลอดช่อง, แมงกะพรุนหอม และแมงกะพรุนหนัง ถึงแม้แมงกะพรุนที่กล่าวมาจะนิยมนำมารับประทาน แต่สัตว์น้ำชนิดนี้ไม่สามารถทานแบบสด ๆ ได้ไม่ว่าจะสายพันธุ์ใดก็ตาม
วิดีโอจาก : TidReview ชีวิตติดรีวิว
การเตรียมแมงกะพรุนก่อนนำไปประกอบอาหาร
เมนูแมงกะพรุนหากจะทาน เมื่อได้แมงกะพรุนมาแล้ว จะต้องเตรียมเนื้อแมงกะพรุนก่อนนำไปประกอบอาหารเสมอ เพื่อกำจัดพิษ และทำให้เนื้อเหมาะต่อการนำไปประกอบอาหารต่อไปได้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
- เมื่อซื้อแมงกะพรุนสดมาแล้ว ไม่ควรนำไปทำอาหารทันที ต้องนำไปสารส้ม และเบกกิ้งโซดา 1 คืนก่อน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะวิธีนี้จะกำจัดเมือกของแมงกะพรุนออกไป ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่มีพิษ
- หลังจากแช่แล้ว จะสังเกตว่าสีของแมงกะพรุนจะขาวขึ้น ให้ตัดหัว และหางออก จากนั้นนำไปแช่ในสารส้ม เบกกิ้งโซดา และเกลือสมุทรอีกรอบ แช่ไว้อีก 1 คืน เพื่อให้เนื้อแมงกะพรุนแห้ง และแข็งตัวมากขึ้น
- หลังจากครบเวลาแล้ว ให้นำไปตากแห้งจนกลายเป็นสีน้ำตาล ในขั้นตอนนี้จะทำให้เนื้อแมงกะพรุนหดตัวลง เหลือเพียง 1 ใน 10 ส่วนของขนาดเดิมเท่านั้น
- กรณีซื้อแมงกะพรุนแห้งมา ให้นำไปล้างน้ำก่อนประมาณ 5 – 6 รอบ และแช่น้ำไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อลดความเค็ม และทำความสะอาดในขั้นตอนเบื้องต้นก่อน
การปฏิบัติตามขั้นตอนที่กล่าวมา คุณแม่ไม่ควรจับแมงกะพรุนด้วยมือโดยตรง โดยเฉพาะแมงกะพรุนสด ควรสวมถุงมือให้ปลอดภัย หรือใช้ที่คีบ เพื่อลดโอกาสความเสี่ยงต่อสารพิษ หรือเชื้อโรคที่อาจติดมาด้วย เพื่อความปลอดภัยคุณแม่ควรนำแมงกะพรุนแห้งมาล้างประกอบอาหารมากกว่าซื้อแบบสด ๆ มาตากเอง
หากถูกพิษของแมงกะพรุนควรทำอย่างไร
ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน หากคุณแม่โดนพิษของแมงกะพรุน จะต้องรู้วิธีรับมือที่ถูกต้อง เพื่อจัดการปฐมพยาบาลได้อย่างทันท่วงที โดยสังเกตจากอาการปวดแสบ ปวดร้อนแม้จะอยู่ในน้ำหรือไม่ก็ตามผิวหนังเป็นผื่นแดง มีอาการคัน หรือร้อนเหมือนไฟไหม้ หากมีอาการนี้ให้ทำตามขั้นตอนจาก อ.นพ.นรวิชญ์ กิจไพศาลรัตนา ดังนี้
- หากคุณแม่อยู่ในน้ำ ให้รีบขึ้นจากน้ำ เพราะอาการแสบร้อน อาจทำให้กระวนกระวายเสี่ยงต่อการจมน้ำ หรือเกิดอุบัติเหตุได้
- ล้างแผลด้วยน้ำส้มสายชู หรือน้ำทะเลเท่านั้น ไม่ควรนำของเหลวชนิดอื่นที่กล่าวมาใช้ล้างแผลเด็ดขาด
- เลี่ยงการจับแผลด้วยมือเปล่า เพราะอาจยังมีพิษหลงเหลือติดอยู่บริเวณผิวหนัง
- กรณีที่มีอาการไม่มาก มีอาการเบา หลังจากปฐมพยาบาลแล้ว ควรสังเกตอาการประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะอาจมีอาการตามมาในภายหลังได้
- กรณีที่มีอาการรุนแรง ซึ่งมักมาจากอาการแพ้ สังเกตจากการหายใจหอบ หายใจแรง หายใจไม่ออก ให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที
- ในขั้นร้ายแรงขณะที่กำลังนำตัวส่งโรงพยาบาล หรือรอรถพยาบาล หากหัวใจหยุดเต้นให้ทำการกดหน้าอกช่วยหายใจ (CPR) โดยทันที
เพื่อป้องกันความเสี่ยง คุณแม่ไม่ควรนำแมงกะพรุนสดที่เพิ่งจับมาได้ มาทำอาหาร หรือนำมาล้างเอง เพื่อเลี่ยงโอกาสเจอพิษ ประกอบกับไม่ควรลงเล่นน้ำทะเลที่ลึกด้วย การไปเที่ยวทะเลในช่วงตั้งครรภ์ อาจต้องเลื่อนออกไปก่อนจนกว่าจะคลอด จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่า
คนท้องกินแมงกะพรุนอย่างไรให้ปลอดภัย
- เลือกแมงกะพรุนแห้งมาทำอาหารมากกว่าแมงกะพรุนสด เพื่อมั่นใจว่าจะปลอดภัยจากสารพิษต่าง ๆ
- หากทานเมนูแมงกะพรุนที่ร้านอาหาร ให้เลือกร้านที่ไว้ใจได้ และรู้การปรุงแมงกะพรุนเป็นอย่างดี
- หากนำไปประกอบอาหาร ควรเพิ่มวัตถุดิบให้หลากหลายในเมนูนั้น ๆ เพื่อเพิ่มสารอาหารให้มีมากขึ้น
- ไม่ควรทานในปริมาณมาก แม้จะมีไขมัน และโปรตีน แต่สารอาหารอื่น ๆ มีปริมาณน้อยเกินไป
- หากทานไปแล้วมีอาการผิดปกติ ควรพบแพทย์ทันที ไม่ควรรอเวลา เพราะอาจเกิดจากอาการแพ้
หากคุณแม่ต้องการกินเมนูแมงกะพรุนกับข้าวสวยเป็นจานหลักก็สามารถทานได้ แต่หากต้องการสารอาหารที่หลากหลายเพื่อทารกในครรภ์ ในวันนั้นก็ควรทานเมนูอื่น ๆ ที่มีทั้งเนื้อ ผลไม้ และผักด้วย เพื่อพัฒนาการที่ดีขอลูกน้อยในครรภ์ตลอดทั้ง 3 ไตรมาส
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
คนท้องกินน้ำผลไม้บ่อย ๆ ได้ไหม รูัไหมกินทุกวันอาจเสี่ยงมะเร็ง
คนท้องกินถั่วฝักยาวได้ไหม ระวังห้ามกินดิบ ๆ ต้องปรุงสุกเท่านั้น
คนท้องกินเอแคลร์ได้ไหม ซื้อมาแล้วควรกินให้เร็ว ก่อนเชื้อโรคจะถามหา
ที่มา : Chulalongkorn Hospital, mamastory
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!