ฝรั่งสีเขียวสด ดูฉ่ำกว่าฝรั่งทั่วไป ฝรั่งแช่บ๊วยสุดอร่อย คนท้องกินฝรั่งแช่บ๊วยได้ไหม รู้ไหมว่ามีอันตราย แม่ท้องคนไหนที่ชอบกิน คงต้องผิดหวัง และห้ามใจแล้ว เพราะเราไม่แนะนำเลย ถ้าเลิกได้เลิก เพราะเสี่ยงสารอันตรายหลายอย่าง ไม่ใช่แค่คนท้องนะ คนทั่วไปด้วย
คนท้องกินฝรั่งแช่บ๊วยได้ไหม
ฝรั่งแช่บ๊วยสีเขียวสดใส เปลี่ยนให้ฝรั่งรสชาติเดิม ๆ มีความหวานนำ เค็มตามนิดหน่อย พอลองแล้วติดใจ เลยซื้อมากินบ่อย ๆ แต่คนท้องรู้ไหมว่าฝรั่งแช่บ๊วย เป็นหนึ่งในเมนูผลไม้ที่เราอยากให้หลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุด เพราะมีการตรวจสอบพบสารอันตรายหลายอย่าง เช่น สีสังเคราะห์, สารกันรา และสารแซ็กคาริน เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้ล้วนอันตรายต่อร่างกายทุกคน ไม่ใช่แค่คนท้องเท่านั้น แม้ว่าสารเหล่านี้จะไม่ทำร้ายร่างกายทันทีที่กิน เพราะร่างกายอาจกำจัดได้ทัน แต่ถ้าหากกินบ่อย สารเหล่านี้สะสมในร่างกายเกินกว่าที่ร่างกายจะกำจัดได้ทัน อาการป่วยอาจถามหาได้
ดังนั้นร้านค้าทั่วไปหลายร้านที่อาจไม่ได้ถูกสุ่มรับการตรวจสอบ ซึ่งส่วนมากก็เป็นเช่นนั้น ทำให้มีโอกาสที่จะพบสารพวกนี้ในมะม่วงแช่บ๊วยได้ หากแม่ท้องต้องการกินฝรั่ง เราจึงอยากแนะนำให้กินฝรั่งสด ๆ จะดีกว่า และปลอดภัยกว่าฝรั่งแช่บ๊วยหลายเท่า
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินวาฟเฟิลได้ไหม ไปไหนก็เจอทั้งหอมทั้งหวาน กินมากไม่ดี
วิดีโอจาก : RAMA Channel
การตรวจพบสารอันตรายในฝรั่งแช่บ๊วย
หากคุณแม่เป็นคนชอบกินฝรั่งแช่บ๊วย ตอนนี้กินอยู่ การหันไปกินฝรั่งสด ๆ แบบปกติน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะที่ผ่านมาเคยมีการตรวจสอบสารเคมีปนเปื้อน หรือสารอันตรายในฝรั่งแช่บ๊วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปในทางลบ เช่น ผลการทดสอบจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ มหาวิทยาลัยสยาม ที่ได้เก็บตัวอย่างผลไม้รถเข็น 38 แหล่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อนำมาทำการทดสอบการปนเปื้อนในอาหาร 4 รายการ คือ หายาฆ่าแมลง, ทดสอบกรดซาลิไซลิกหรือสารกันรา, ทดสอบเชื้อจุลินทรีย์โคลิฟอร์ม และทดสอบสีสังเคราะห์
จากตัวอย่างพบว่าในผลไม้สดมีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์โคลิฟอร์ม 67 % ปนเปื้อนสีสังเคราะห์ 16 % และปนเปื้อนสารกันรา 40 % แน่นอนว่าทางด้านผลไม้แปรรูปอย่างฝรั่งแช่บ๊วยเองก็ไม่รอด พบว่าจากกลุ่มตัวอย่างของผลไม้แช่บ๊วยที่นำมาทดสอบปนเปื้อนสีสังเคราะห์ 32 % และปนเปื้อนสารกันรา 32 % ไม่เพียงแค่นั้นทางด้านสถาบันอาหารยังทำการตรวจสอบหาสารแซ็กคาริน (Saccharin) จากกลุ่มตัวอย่าง 5 ตัว พบว่าทุกกลุ่มตัวอย่างมีการปนเปื้อนสารชนิดนี้ทั้งหมดเลย
คนท้องระวังแซ็กคาริน สะสมในร่างกายมากอันตราย
สารที่ต้องระวังตัวหนึ่ง คือ แซ็กคาริน (Saccharin) ซึ่งเป็นสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล ที่สามารถพบได้ในฝรั่งแช่บ๊วย สารชนิดนี้ถูกใช้ในทางการแพทย์กับผู้ป่วยโรคเบาหวาน และโรคอ้วน เพราะต้องควบคุมน้ำตาล แต่ก็ต้องอยู่ในปริมาณที่แพทย์กำหนดเท่านั้น แต่ด้วยรสชาติที่หวานกว่าน้ำตาล และมีราคาถูกกว่า ทำให้ผู้ผลิตบางรายซื้อมาใช้แทนน้ำตาลเพื่อลดต้นทุนนั่นเอง หากร่างกายได้รับแซ็กคารินสะสมมากเกินไปจะทำให้แม่ท้องมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และมีอาการชักได้ หากมีอาการแพ้การรับสารชนิดนี้แม้แสดงออกมาทันที แม้จะได้รับสารชนิดนี้เพียงน้อยนิดก็ตาม
นอกจากนี้การปนเปื้อนที่ตรวจพบอย่างสารกันรา หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) จะทำให้เซลล์ถูกทำลาย ความดันโลหิตต่ำ เป็นไข้ มีผื่นขึ้นตามตัว และมีอาการหูอื้อ เป็นต้น สุดท้าย คือ สีสังเคราะห์ที่บางร้านอาจนำมาใช้ให้ฝรั่งแช่บ๊วยดูน่าทานยิ่งขึ้นไปอีก หากทานเข้าไปมาก ๆ จะทำให้ร่างกายของแม่ท้องเกิดความอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะโลหิตจาง และหากสีสังเคราะห์สะสมในร่างกายมากเกินไป อาจรุนแรงถึงขั้นทำให้ชัก ล้มหมดสติ หรือแขนขาเป็นอัมพาตได้
ฝรั่งแช่บ๊วยดูอันตราย แต่ทำไมยังวางขาย ?
ถึงตรงนี้แม่ท้องคงรู้แล้วว่าฝรั่งแช่บ๊วยอันตรายมากแค่ไหน แต่ทำไมยังคงวางขายกันทั่วไปตามแผงรถเข็น ตามตลาดต่าง ๆ หรือสารที่ตรวจพบไม่ได้เกินที่ปริมาณกำหนด ? จริง ๆ แล้วสารหลายชนิดที่ตรวจพบมักเป็นสารต้องห้าม หากร้านรถเข็น หรือร้านที่ขายถูกตรวจสอบและพบเจอ ก็จะต้องถูกโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประกอบกับสารเหล่านี้มักเข้าไปในร่างกาย จนเกิดการสะสม ร่างกายจะขับสารพวกนี้ออกมาได้ ทำให้ไม่ได้เกิดอาการผิดปกติหลังทาน แต่หากกินบ่อยจนร่างกายกำจัดไม่ทัน อันตรายก็จะตามมานั่นเอง
หากกล่าวถึงการที่ร้านทั่วไปจะถูกตรวจพบเจอสารปนเปื้อนได้ ก็ต้องมีการเดินทางมาตรวจสอบจากสำนักงาน หรือองค์กรต่าง ๆ โอกาสที่ร้านทั่วไปจะถูกสุ่มตรวจจริง เราก็คงรู้อยู่แล้วว่าน้อยมาก ส่วนมากอาจขายมาหลายปี แต่ไม่เคยถูกตรวจสอบเลย ทำให้ยังคงขายต่อไปมาจนถึงทุกวันนี้ คนที่โชคร้ายก็คือผู้บริโภค โดยเฉพาะคนท้องที่ร่างกายต้องการอาหารที่ปลอดภัยมากขึ้น มีสารอาหารที่ครบถ้วนมากขึ้น ก็กลายเป็นว่าต้องมาเสี่ยงไปด้วยนั่นเอง
ถ้าคนท้องอยากกินฝรั่งแช่บ๊วยจริง ๆ ควรทำอย่างไร ?
แม้ว่าการสุ่มตรวจจะแสดงให้เห็นว่าฝรั่งแช่บ๊วยมีสารปนเปื้อนที่น่ากลัว และเราไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าออก อีกทั้งร้านส่วนมากก็ไม่เคยได้รับการตรวจเลย แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกร้านจะต้องปนเปื้อนเสมอไป กรณีที่เป็นร้านที่มีคุณภาพ เคยได้รับการตรวจสอบ มีการรองรับด้านความปลอดภัย มีความสะอาด และสุขอนามัยที่ดี ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่แม่ท้องจะได้กินฝรั่งแช่บ๊วยที่ไม่เปื้อนสารอันตรายได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามการหาร้านที่จะขายฝรั่งแช่บ๊วยแบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องยาก จะซื้อจากรถเข็นตอนนี้แม่ท้องก็รู้แล้วว่าไม่ปลอดภัย ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ถ้าเป็นคนชอบทานฝรั่งจริง ๆ ก็หันมาทานฝรั่งสดทั่วไปจะดีกว่ามาก
แม่ท้องกินฝรั่งสดดีกว่าฝรั่งแช่บ๊วยหลายเท่า
การนำฝรั่งไปแปรรูป ทำให้สารอาหารที่มีลดน้อยลงไป ผลไม้ที่ดีที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นผลไม้สดเท่านั้น หากแม่ท้องแค่ต้องการกินผลไม้อย่างฝรั่ง ควรเลือกฝรั่งสด มากกว่าที่จะกินฝรั่งแช่บ๊วย เพราะนอกจากจะมีโอกาสปนเปื้อนสารอันตรายน้อยกว่า ฝรั่งยังให้ประโยชน์แก่ร่างกายหลายอย่าง เช่น มีสารต้านอนุมูลอิสระ, ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น , ลดไขมันในเลือด, ลดความเสี่ยงความดันโลหิตสูง และช่วยป้องกันมะเร็ง เป็นต้น
แต่ถึงแม้ว่าเราจะแนะนำให้แม่ท้องกินฝรั่งสดก็ไม่ได้หมายความว่าจะกินแบบไหนก็ได้ ด้วยฝรั่งเป็นผลไม้ที่ย่อยยาก แม่ท้องจึงควรเคี้ยวให้ละเอียดเสมอ ประกอบกับจำกัดปริมาณในการทานด้วย ไม่ควรทานมากเกินไปใน 1 ครั้ง ให้แบ่งมื้ออย่างสมดุล ทั้งผลไม้ชนิดอื่น ๆ ผักต่าง ๆ และเนื้อสัตว์ให้ครบ 5 หมู่ และอย่าลืมล้างผักผลไม้ก่อนทานด้วยทุกครั้ง
ผลไม้ที่ถูกนำไปแปรรูป มักเป็นการลดคุณค่าทางสารอาหาร เพื่อให้ได้มาซึ่งผลไม้รูปแบบใหม่ ๆ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่อสารเคมีหลายอย่างด้วย การเลือกทานผลไม้ที่ปลอดภัย คือ ทานผลไม้ให้พอดี เลี่ยงผลไม้รสหวานจัด และทานแบบสด ๆ ไม่ผ่านการแปรรูปนั่นเอง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
คนท้องกินข้าวโพดอบเนยได้ไหม ข้าวโพดคลุกเนย กินไม่พอดีเสี่ยงหลายอย่าง
คนท้องกินนมข้นหวานได้ไหม ระวังไขมัน และคอเลสเตอรอลพุ่งปี๊ด
คนท้องกินมะม่วงน้ำปลาหวานได้ไหม กิน 1 ถ้วยโรคไตถามหาทันที
ที่มา : thaihealth, thairath
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!