คนท้องกินพืช GMO ได้ไหม พืชตัดแต่งพันธุกรรมทำไมไม่ปลอดภัย ?

พืชที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมกำลังถูกผลักดันมาหลายต่อหลายปี อาจเกิดความสงสัยว่า คนท้องกินพืช GMO ได้ไหม อันตรายจากการตัดต่อพันธุกรรมอาจมีมากกว่าที่คิด เราแนะนำว่าให้กินพืชสายพันธุ์ธรรมชาติมากกว่า ส่วนเหตุผลนั้น เรามาอ่านจากบทความนี้ไปพร้อม ๆ กัน

พืช GMO คืออะไร ?

GMO (Genetically Modified Organisms) คือ การดัดแปลงพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต มีหลักการทำโดยสรุป คือ การนำยีนของสิ่งมีชีวิตหนึ่งมาใส่ให้กับสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง ที่ไม่สามารถมาผสมกันได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้สิ่งมีชีวิตชนิดนั้นมีความสามารถบางอย่างเพิ่มขึ้นให้ตรงตามที่ต้องการ เช่น นำไวรัสหรือเชื้อโรคที่เกี่ยวกับพืชมาผสมใส่ไว้ในแตงโม เพื่อให้แตงโมมีคุณสมบัติสามารถทนทานต่อไวรัสที่ทำลายพืชได้ เป็นต้น

ดังนั้นในกรณีนี้พืช GMO จึงเป็นการตัดต่อพันธุกรรมของพืชกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณสมบัติแตกต่างไปจากเดิม การตัดต่อพันธุกรรมของพืช ไม่ใช่แค่การรวมยีนเข้าด้วยกันของพืช หรือไวรัสบางชนิดเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการนำยีนของสัตว์บานิดมาตัดต่อให้พืชด้วย เช่น ต้องการปลูกมะเขือเทศที่สามารถทนอากาศหนาวเย็นได้ดี ก็นำยีนของปลาขั้วโลกมาตัดต่อให้ เป็นต้น

บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินขนมจีนได้ไหม กังวลใจ ต้องเลี่ยงหรือเปล่า ?

วิดีโอจาก : IndyconsumersTV

คนท้องกินพืช GMO ได้ไหม ?

การตัดต่อพันุกรรมของพืช มีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดความสามารถตามที่ผู้ผลิตต้องการ โดยเฉพาะเพื่อการเพาะปลูกที่ง่ายขึ้น หรือทำให้พืชมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น เคยมีการทดลองกับหนูเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพืช GMO ผลที่ดีได้นั้นแสดงให้เห็นว่ายังไม่มีอันตรายใดที่ชัดเจน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย เนื่องจากการตัดแต่งพันธุกรรมอาจมีผลต่อร่างกายในระยะยาว เพราะมาในรูปแบบอาหารที่ต้องทานต่อเนื่องมากพอ

ดังนั้นสำหรับคนท้องจึงไม่สามารถไว้วางใจพืช GMO ได้ว่าจะปลอดภัย นอกจากนี้หากเกิดผลกระทบใด ๆ ขึ้นมาจริงในอนาคต ก็คงไม่คุ้มเสี่ยง ในขณะที่ยังสามารถเลือกทานพืชสด ๆ ทั่วไปที่ไม่ผิดแปลกจากธรรมชาติได้ ยังไม่นับรวมสารอาหารในพืช GMO ที่ร่างกายนำไปใช้ได้น้อยกว่าพืชตามธรรมชาติ เราจึงแนะนำให้แม่ท้องกินพืชผักที่ไม่ได้รับการปรับแต่งพันธุกรรมจะดี และปลอดภัยที่สุด

พืชสายพันธุ์ธรรมชาติยังคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าต่อคนท้อง

ถึงแม้การตัดแต่งพันธุกรรมจะทำให้พืชมีสารอาหารบางอย่างโดดเด่นขึ้นมา แต่ในภาพรวมพืช GMO ยังมีสารอาหารที่ไม่สามารถเทียบพืชผักสายพันธุ์ธรรมชาติได้ ดังนั้นหากคุณแม่กำลังลังเลตัดสินใจเลือกทาน ควรเลือกพืชผักปกติ เพราะอย่างน้อยก็ยังพอยืนยันความปลอดภัยได้ว่า เมื่อทานไปแล้วจะไม่มีสารที่ไม่รู้จักเข้าสู่ร่างกาย อีกทั้งยังเป็นการทำเพื่อส่วนรวมด้วย เนื่องจากเป็นการช่วยลดโอกาสเกิดเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่จากการทานพืช GMO และเป็นการไม่ส่งเสริมการพัฒนาการตัดแต่งพันธุกรรมที่คนส่วนมากมองว่าไม่ปลอดภัย

นอกจากที่กล่าวมานี้ แม่ท้องต้องเข้าใจด้วยว่า เป้าหมายหลักของการพัฒนาพืช GMO นั้นไม่ได้เพื่อผู้บริโภคทั่วไปอย่างเรา แต่เพื่อต้นทุน หรือการขนส่ง และความง่ายต่อการเพาะปลูกที่มีอย่างจำกัดในพืชผักบางชนิด จึงไม่ควรหามาทานจนกว่าจะมีการรับรองความปลอดภัยออกมาอย่างจริงจัง

อันตรายจากพืช GMO คนท้องต้องระวังให้ดี

นอกจากพืช GMO จะมีคุณค่าทางโภชนาการจากพืชผักสายพันธุ์ทั่วไปตามธรรมชาติแล้ว ด้วยวิธีการทางเคมีหลาย ๆ อย่างจะทำให้เสี่ยงต่อการปนเปื้อนที่ไม่รู้จักได้ ตัวอย่างเช่น

• เสี่ยงต่อการปนเปื้อน : การเพาะปลูกพืช GMO หลายชนิดอาจมีอัตราการใช้ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมีเพื่อช่วยให้พืชอยู่รอด และเติบโตต่อไปได้ ซึ่งการใช้สารเหล่านั้นมักจะใช้ในปริมาณมากกว่าการปลูกพืชปกติเสียอีก จึงทำให้มีโอกาสพอสมควรที่จะเกิดการปนเปื้อนตามมา
• การสะสมสารในระยะยาว : การทานพืชที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมไม่เพียงแต่กับคนท้องเท่านั้น สำหรับทุกคนที่ทานเข้าไป เปรียบได้กับการทานสิ่งที่ร่างกายไม่รู้จัก และยังไม่มีการวิจัยในระยะยาวเพราะไม่สามารถทดสอบเป็น 10 ปีกับมนุษย์ได้ จึงมีโอกาสที่จะมีสารที่ไม่รู้จักตกค้างในร่างกาย หากสะสมไปเรื่อย ๆ จะเกิดอันตรายได้
• เสี่ยงอาการแพ้ที่ไม่รู้จัก : อาจเกิดอาการแพ้จากยีนที่ถูกนำมาตัดแต่งพันุกรรม ตัวอย่างตามข้างต้นที่เรากล่าวถึง เช่น มะเขือเทศทนอากาศเย็นได้ดีจากยีนของปลาขั้วโลก ซึ่งแม่ท้องอาจไม่ได้แพ้มะเขือเทศ แต่อาจแพ้ปลาทะเลสายพันธุ์ที่นำมาตัดแต่งพันธุกรรมใส่มะเขือเทศ ถ้าแม่ท้องไม่รู้ว่ามะเขือเทศนั้นตัดแต่งยีนมาแบบนี้ แล้วมีอาการแพ้อยู่แล้ว มาทานซ้ำอีก อาจเกิดอันตรายได้
• เสี่ยงต่อการดื้อยาปฏิชีวนะ : การตัดต่อยีนมักมาจากยีนที่สร้างสารต่อต้านปฏิชีวนะได้ด้วย เมื่อแม่ท้องกินเข้าไปจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่ร่างกายของแม่ท้องจะต้านยาปฏิชีวนะไปในตัว ทำให้การรักษาด้วยยาชนิดนี้ในบางโรค อาจไม่ได้ผลที่น่าพึงพอใจ
• ผลกระทบที่มากกว่า : เนื่องจากร่างกายของคนท้องมีความแข็งแรงแตกต่างกับคนทั่วไป ยังรวมไปถึงทารกในครรภ์ด้วย เพราะยังไม่เติบโตเท่ากับวัยผู้ใหญ่ ทารกในครรภ์หากได้รับผลกระทบจากสารตกค้าง อันตรายที่เกิดขึ้นกับทารก และคนท้องที่ไม่แข็งแรง อาจมากกว่ากับคนทั่ว ๆ ไป

ยังไม่รวมการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของคนที่ทานเข้าไป เนื่องจากยังไม่มีใครสามารถรับรองความปลอดภัยได้ในระยะยาว จึงไม่สามารถบอกได้ว่าต่อไปจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ กับร่างกายหรือไม่ สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดที่อาจเกิดขึ้น คือ การเกิดเชื้อไวรัส หรือเชื้อโรคใหม่ ๆ ออกมา จนทำให้ไม่มียารักษานั่นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินขนมจีบ ซาลาเปาได้ไหม แม่ท้องระวัง อาจเสี่ยงติดเชื้อ !

จะสังเกตพืช GMO ได้อย่างไร ?

แม่ท้องคงเป็นห่วงว่าทุกวันนี้ตนเองอาจไม่ปลอดภัยจากการบริโภคพืช GMO ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวล เนื่องจากปัจจุบันการนำเข้าวัตถุดิบที่เปิดกว้าง ทำให้เสี่ยงต่อการกินพืชเหล่านี้เข้าไปโดยไม่รู้ตัว จึงทำการเลี่ยงได้ยาก สำหรับบางสายพันธุ์ผู้จัดจำหน่ายจะมีการแปะสัญลักษณ์บอกให้รู้อยู่แล้วว่า พืชชุดนี้เป็นพืช GMO ให้เป็นจุดสังเกต หากแม่ท้องต้องการเลี่ยง ก็ควรหมั่นสังเกตสัญลักษณ์ดังกล่าวนี้ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง

ในเวลานี้พืช GMO อาจยังไม่ปลอดภัย แต่ในอนาคตอาจได้รับการรองรับก็ได้ กว่าจะถึงตอนนั้น แม่ท้องควรทานอาหารทั่วไป ที่ปลอดภัย ได้รับการรับรอง และได้รับมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปก่อนดีกว่า

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

คนท้องกินปลาทูได้ไหม หาทานง่ายตามตลาด ต้องเลือกอย่างไร ?

คนท้องกินชีสเค้กได้ไหม ? หอมนุ่ม กลมกล่อม แต่ต้องเลือกให้ดี

คนท้องกินหนังไก่ทอดได้ไหม เค็มมัน ราคาถูก แต่อันตรายแสนแพง

ที่มา : tcc.or, scimath, pobpad