หลาย ๆ คนสงสัยใช่ไหมว่า หลอดลมอักเสบ มีอาการเป็นอย่างไร มีสาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาและป้องกันได้หรือไม่ เมื่อเป็นโรคหลอดลมอักเสบแล้วสามารถที่จะกลับมาเป็นอีกได้ไหม มาดูกัน
หลอดลมอักเสบ หรือโรคหลอดลมอักเสบ คือ การอักเสบของเยื่อบุของหลอดลม ซึ่งเป็นท่อที่นำอากาศเข้า และอากาศออกจากปอดของคุณ ผู้ที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบมักจะมีอาการ ไอ มีเสมหะข้นขึ้น อาการหลอดลมอักเสบอาจเป็นแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรังได้ โรคหลอดลมอักเสบมักเกิดจากโรคหวัด หรือการติดเชื้อทางเดินหายใจอื่น ๆ โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันสามารถพบได้บ่อยมาก ๆ ส่วนโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง เป็นภาวะที่ร้ายแรงกว่าโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน นั้นก็คือการระคายเคืองอย่างต่อเนื่อง หรือการอักเสบของเยื่อบุของหลอดลม ซึ่งมักเกิดจากการสูบบุหรี่ โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันหรือที่เรียกว่าหวัดลงหน้าอก มักจะดีขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ถึง 10 วันโดยไม่มีผลถาวร แม้ว่าอาการไออาจคงอยู่นานหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการหลอดลมอักเสบเกิดขึ้นซ้ำ ๆ คุณอาจเป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ซึ่งต้องไปพบแพทย์ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่รวมอยู่ในโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังนั้นเอง
โรคหลอดลมอักเสบ คืออะไร
หลอดลมอักเสบ นั้นเกิดจากการอักเสบของเยื่อบุหลอดลม ซึ่งเป็นท่อที่มีการนำลม หรืออากาศเข้าสู่ปอด มีผลทำให้เยื่อบุหลอดลมเกิดอาการบวม และมีเสมหะที่หลอดลม นำมาสู่อาการทางระบบหายใจต่าง ๆ ได้ โดยส่วนใหญ่จะพัฒนามาจากโรคไข้หวัด หรือการติดเชื้อที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ โดยโรคหลอดลมอักเสบเกิดขึ้นได้ 2 ชนิด โดยที่พบได้ทั่ว ๆ ไปจะเป็นโรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน และโรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง ซึ่งเป็นกรณีที่รุนแรงกว่านั้นเอง
อาการ
อาการของหลอดลมอักเสบนั้น อาจจะเริ่มต้นด้วยการเป็นหวัด มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว แสบคอ มีน้ำมูก หากเริ่มมีอาการรู้สึกแน่นหน้าอกพร้อมกับการมีเสมหะในคอ และมีอาการไอ นั้นอาจเป็นอาการที่แสดงออกถึงโรคหลอดลมอักเสบในเบื้องต้นได้
สำหรับโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน หรือโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง มีอาการ ดังต่อไปนี้
- ไอ
- การผลิตเมือก (เสมหะ) ซึ่งอาจเป็นสีใส สีขาว สีเทาอมเหลือง หรือสีเขียว อาจจะมีเลือดปนมาเล็กน้อย
- ความเหนื่อยล้า
- หายใจถี่
- มีไข้เล็กน้อย และหนาวสั่น
- หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หรือมีอาการแน่นหน้าอก
หากคุณเป็นโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน คุณอาจจะมีอาการหวัด เช่น ปวดหัวเล็กน้อย หรือปวดเมื่อยตามร่างกาย แม้ว่าอาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นในประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่คุณอาจมีอาการไอที่ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ถึงแม้ว่าการติดเชื้อจะหายแล้ว สำหรับผู้ที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง จะมีอาการไอที่รุนแรงอย่างน้อยปีละ 3 เดือน ติดต่อกันเป็นเวลา 2 ปีขึ้นไป ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังจะมีระยะที่อาการแย่ลง โดยอาจจะเริ่มมาจากหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลันก่อน
สาเหตุของหลอดลมอักเสบ
สาเหตุของโรคหลอดลมอักเสบ คือ สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ทั้งจากแบคทีเรีย และไวรัส แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งเชื้อไวรัสที่เป็นต้นเหตุของโรคหลอดลมอักเสบนั้น ได้แก่ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ อะดิโนไวรัส ไรโนไวรัส เป็นต้น ซึ่งบางรายอาจจะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ไมโคพลาสมา หรือคลาไมเดีย อีกปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดลมอักเสบ คือ การสูบบุหรี่ หรือผู้ที่ต้องอยู่กับผู้ที่ทำการสูบบุหรี่บ่อย ๆ รวมไปถึงมลภาวะทางอากาศ เช่น ฝุ่น หรือก๊าซพิษต่าง ๆ ในสิ่งแวดล้อมที่ต้องพบในชีวิตประจำวันนี้ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการนำไปสู่โรคหลอดลมอักเสบได้
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดลมอักเสบ ได้แก่ :
- ควันบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่ หรืออาศัยอยู่กับผู้สูบบุหรี่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน และหลอดลมอักเสบเรื้อรังได้
- ความต้านทานต่ำ ซึ่งอาจเป็นผลจากอาการเจ็บป่วยเฉียบพลันอื่น ๆ เช่น ไข้หวัด หรือจากภาวะเรื้อรังที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของคุณ ผู้สูงอายุ ทารก และเด็กเล็กมีโอกาสติดเชื้อมากกว่า
- การสัมผัสสารระคายเคือง ความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดลมอักเสบจะมากขึ้นหากคุณหลีกเลี่ยงสารระคายเคืองต่อปอด เช่น เมล็ดพืช หรือสิ่งทอ หรือสัมผัสกับควันเคมี
- กรดไหลย้อน อาการเสียดท้องรุนแรงซ้ำ ๆ อาจทำให้ระคายเคืองคอ และทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหลอดลมอักเสบได้ง่ายมาก ๆ
ภาวะแทรกซ้อน
แม้ว่าโรคหลอดลมอักเสบมักจะไม่ก่อให้เกิดความกังวล แต่ก็สามารถนำไปสู่โรคปอดบวมในบางคนได้ อย่างไรก็ตาม อาการหลอดลมอักเสบซ้ำ ๆ อาจหมายความว่าคุณเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังได้เช่นกัน
การรักษาหลอดลมอักเสบ
โดยส่วนใหญ่ หลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลันสามารถหายได้เองภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์โดยไม่ต้องรับการรักษา อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น ผู้ป่วยจะต้องดื่มน้ำปริมาณมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ แต่สำหรับผู้ป่วยบางราย แพทย์อาจแนะนำให้ได้รับการรักษาเพิ่มเติม ซึ่งได้แก่
- ยาแก้ไอ อาการไอเป็นอาการหลักของโรคหลอดลมอักเสบ ซึ่งอาจจะบรรเทาได้ด้วยยากลุ่มกดอาการไอ และยาขยายหลอดลม บางรายที่มีเสมหะร่วมด้วย อาจจะใช้ยาขับเสมหะ หรือยาละลายเสมหะ อย่างยาคาร์โบซิสเทอีน 2.25 กรัมต่อวัน ยาบรอมเฮกซีน ครั้งละ 8-16 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง และยาเอ็นอะซิทิลซิสเทอีน หรือ NAC 600 มิลลิกรัมต่อวัน ยากลุ่มนี้จะช่วยให้ร่างกายขับเสมหะออกมาได้อย่างง่ายขึ้น
- ยาปฏิชีวนะ โรคหลอดลมอักเสบมักจะเกิดมาจากเชื้อไวรัส ซึ่งยาปฏิชีวนะจะรักษาไม่ได้ผลดีนัก อย่างไรก็ตามทางแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะในรายที่เป็นหลอดลมอักเสบจากการติดเชื้อของแบคทีเรีย
- การรักษาด้วยยาอื่น ๆ หากว่าผู้ป่วยที่เป็นภูมิแพ้ โรคหิด หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง แพทย์อาจจะช่วยแนะนำให้ใช้ยาพ่นเข้าปอด หรือการรักษาโดยใช้ยาอื่น ๆ ที่ช่วยลดการติดเชื้อได้
การป้องกัน
เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดลมอักเสบ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้:
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ควันบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
- รับวัคซีน หลายกรณีของโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันเกิดจากไข้หวัดใหญ่ซึ่งเป็นไวรัส การได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปีสามารถช่วยป้องกันคุณจากการเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ คุณอาจต้องการพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันโรคปอดบวมบางประเภท
- ล้างมือของคุณ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส ให้ล้างมือบ่อย ๆ และใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือเป็นนิสัย
- สวมหน้ากากอนามัย หากคุณเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง คุณอาจพิจารณาสวมหน้ากากอนามัยในที่ทำงาน หากคุณต้องสัมผัสกับฝุ่น หรือควัน และเมื่อคุณต้องอยู่ท่ามกลางฝูงชน เช่น ขณะเดินทาง ให้คุณสวมหน้ากากอนามัยไว้เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดลมอักเสบ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสน
โรคถุงลมโป่งพอง คืออะไร รวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับโรคถุงลมโป่งพอง
โรคมะเร็งปอด มีอาการเป็นอย่างไรบ้าง มะเร็งปอดมีสาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาหรือไม่
โรคย้ำคิดย้ำทำ คืออะไร? OCD เกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : mayoclinic , mayoclinic , pobpad
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!