เด็กกินทุเรียน ได้ไหม ปลอดภัยไหม กินได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ การให้เด็ก ๆ ทานผลไม้นั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่คุณไม่ควรให้เด็ก ๆ ทานตามอำเภอใจ เพราะว่าคุณไม่มีทางทราบได้เลยว่าผลไม้นั้นมีอันตรายต่อเด็ก ๆ หรือไม่ แล้วการทานทุเรียนของเด็กล่ะ สามารถทานได้หรือเปล่า เด็กกินทุเรียนได้จริงไหม มาดูกัน
ทุเรียน ราชาผลไม้
ทุเรียน เป็นพืชที่นิยมปลูกกันในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับการขนานนามว่า ราชาผลไม้ โดยทุเรียนนั้นมีรูปร่างภายนอก และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ของทุเรียนก็มีความแตกต่างกันออกไปทั้งรูป รส กลิ่น หากใครที่ชอบทานทุเรียนแล้วหละก็คงจะอยากทานทุกชนิดไปเลย ส่วนคนที่ไม่ชอบส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุมาจากกลิ่นที่เหม็นชวนอี๋ของทุเรียนนี่แหละ
บทความที่น่าสนใจ : แม่ให้นมกินทุเรียนได้ไหม ให้นมลูกอยู่กินทุเรียน ลูกจะเหม็นไหม กินทุเรียนได้หรือเปล่า
ประโยชน์ของทุเรียน
ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบเรื่องที่ว่า เด็กกินทุเรียนได้มั้ย เรามาลองดูกันก่อนดีกว่าทุเรียนนั้นมีคุณค่าโภชนาการอย่างไรบ้าง (คุณค่าทางโภชนาการของทุเรียน 243 กรัม)
- พลังงาน 357 กิโลแคลอรี
- โปรตีน 4 กรัม
- ไขมัน 13 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 66 กรัม
- ไฟเบอร์ 9 กรัม
- วิตามินซี 80% ของ DV
- ไทอามีน 61% ของ DV
- แมงกานีส 39% ของ DV
- วิตามิน B6 38% ของ DV
- โพแมสเซียม 30% ของ DV
- ไรโบเฟลวิน หรือ วิตามิน B2 29% ของ DV
- ทองแดง 25% ของ DV
- โพเลต 22% ของ DV
- แมกนีเซียม 18% ของ DV
- ไนอาซิน หรือ วิตามิน B3 13% ของ DV
(DV หรือ Daily Value หรือ ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)

นอกจากที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ประกอบไปด้วยสารอาหารมากมาย โดยคุณประโยชน์ของทุเรียนั้นยังสามารถช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ ดังนี้
- เพิ่มระบบภูมิคุ้มป้องกันมะเร็ง ยับยั้งการทำงานของอนุมูลอิสระ
- ปรับปรุงการย่อยและการดูดซึมของสารอาหาร
- เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก
- ป้องกันการแก่ก่อนวัยอันควร
- ลดความดันโลหิต
- ป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือด
อีกทั้งทุเรียนยังมีคุณสมบัติที่ช่วยเรื่องของโรคต่าง ๆ ได้อีกเล็กน้อยจากคุณประโยชน์ที่มีอยู่ในทุเรียนอีก ได้แก่
- ลดอาการอักเสบของข้อต่อ
- ลดอาหารปวดหัว
- ลดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และความเครียด
ทุเรียนเป็นผลไม้ธาตุร้อน
หลายคนคงเคยได้ยินมาแล้วว่าการทานทุเรียนนั้น สามารถทำให้เกิดร้อนในได้ โดยทุเรียนนั้นจัดเป็นผลไม้ธาตุร้อน เพราะมีกรดซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulfur dioxide) หรือกำมะถันสูง หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป และด้วยที่ทุเรียนเป็นผลไม้ประจำฤดูร้อนก็ยิ่งทำให้เพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกายขึ้นไปอีก อาจเป็นเหตุทำเกิดอาการร้อนในได้ ซึ่งอาการร้อนในนั้นจะทำให้คุณรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว ปวดหัว หน้าแดง ลิ้นแดง หรือส่งผลต่อการเกิดตุ่มแผลขึ้นภายในปากของเรานั่นเอง
บทความที่น่าสนใจ : แตงไทย ผลไม้รสหวานอร่อย มีประโยชน์ไหม ให้อะไรต่อสุขภาพ
เด็กกินทุเรียนได้ไหม ปลอดภัยไหม
ถึงแม้ว่าทุเรียนจะถือว่าเป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง และมีคุณประโยชน์มากมายก็ตาม แต่ไม่มีการวิจัย หรือการศึกษาอย่างแน่ชัดว่า เด็กกินทุเรียนได้ไหม ถ้าในความเป็นจริงแล้วเกี่ยวกับเรื่องการทานอาหาร หรือพฤติกรรมการทาน เด็ก ๆ เมื่อเข้าสู่อายุ 1 ขวบ เขาจะได้รับอนุญาตให้สามารถทานอาหารตามแบบผู้ใหญ่ได้ แต่ต้องเป็นอาหารที่ไม่มีรสจัด และเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างนิ่ม เพื่อป้องกันการติดคอ และพวกเขาสามารถเริ่มทานอาหารทั่วไปได้ก็ต่อเมื่ออายุ 2-3 ปี ดังนั้นโอกาสที่คุณสามารถให้ทุเรียนแก่ลูกของคุณได้หลังจากที่พวกเขาอายุ 2-3 ปีนั่นเอง ในช่วงแรกอาจเริ่มจากการให้ในปริมาณที่น้อย ให้พวกเขาได้ลิ้มรสของทุเรียนก่อน แต่ถ้าให้ดีกว่านั้นคุณควรปรึกษากุมารแพทย์ของคุณก่อนให้ลูกน้อยของคุณได้ทานทุเรียน

ทำไมเด็กถึงไม่ควรกินทุเรียน
จากข้างต้นที่กล่าวว่า เด็กสามารถกินทุเรียนได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามการทานทุเรียนนั้นก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อเด็ก ๆ เสมอไป และควรเลือกให้ทานในวัยที่เหมาะสม โดยสาเหตุที่พวกเขาไม่ควรทานทุเรียนมีดังนี้
-
ทุเรียนนั้นไฟเบอร์ หรือกากใยอาหารสูง
ทุเรียน 243 กรัม มีไฟเบอร์ 9 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มากเกินกว่าที่เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบจะรับประทาน เนื่องจากการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงในเด็กนั้น อาจจะให้เกิดความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร อาทิ ท้องอืด และท้องผูก เป็นต้น
-
ทุเรียนมีปริมาณน้ำตาลมากเกินไป
ปริมาณน้ำตาลในทุเรียนมีปริมาณมากเกินกว่าที่เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบควรจะได้รับ โดยในทุเรียนนั้นประกอบไปด้วยน้ำตาลอย่าง น้ำตาลฟรุกโทส (Fructose) และน้ำตาลซูโครส (Sucrose) และน้ำตาลกลูโคส (Glucose) จึงทำให้สามารถเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดของลูกน้อยได้ และการทานมากเกินไปตั้งแต่ที่อายุยังน้อง อาจส่งผลทำให้อ้วน และเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย
-
ทุเรียนทำให้เกิดอาการร้อนใน หากทานมากเกินไป
ผลไม้ที่มีกำมะถันสูง ทำให้เกิดอาการร้อนในได้ หากทานในปริมาณมากเกินไป สำหรับเด็กเล็กแล้วถือว่าไม่เป็นผลดีต่อพวกเขาเลย นอกจากจะทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัวแล้ว อาจส่งผลทำให้อุณหภูมิในร่างกายของพวกเขามากเกินจนทำให้มีไข้ได้ หรือทำให้เกิดตุ่มแผลบริเวณด้านในของปาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบทำให้พวกเขาไม่สามารถทานอาหาร หรือดื่มน้ำได้

วิธีเลือกผลไม้ให้เหมาะสมกับลูกน้อย
เมื่อลูกของคุณอายุประมาณ 4-6 เดือน คุณสามารถเพิ่มอาหารแข็งที่บดจนละเอียดแล้ว รวมเข้ากับอาหารของเด็ก รวมทั้งผลไม้ที่มีรสชาติที่ไม่จัดจนเกินไป และคุณไม่จำเป็นต้องให้ลูกน้อยของคุณทานผลไม้ทุกชนิดตั้งแต่ในตอนแรก ผลไม้ในช่วงแรกที่คุณเลือกควรมีคุณสมบัติที่สามารถกลืน หรือสามารถย่อยสลายได้ง่าย อย่างเช่น มะละกอ เพราะมะละกอเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับการย่อยอาหาร กลืนและอุดมไปด้วยวิตามินซี และเบต้าแคโรทีน วิตามินซี ที่สามารถช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กและปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น นอกจากนี้มะละกอยังมีเอนไซม์ที่สามารถช่วยในการย่อยอาหาร
บทความที่น่าสนใจ :
อาหาร เป็นพิษในเด็ก อาการเป็นอย่างไร มีวิธีป้องกันหรือไม่?
แผลบาดทะยัก เป็นแบบไหน จะรู้ได้ยังไงว่าลูกเป็นโรคบาดทะยัก
ที่มา : 1, 2, 3
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!