ลองเช็กกันหน่อย แม่ท้องรู้จัก “น้ำตาลเทียม” หรือสารให้ความหวานที่ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ทดแทนความหวานของน้ำตาลถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมีการนำมาประกอบอาหาร หรือเครื่องดื่มมากมาย ความจริงแล้วปลอดภัยจริงหรือไม่ สำหรับคนท้องและทารกในครรภ์ถ้ามีการรับประทานจำนวนมากจะเป็นอันตรายหรือไม่ มาดูกัน
น้ำตาลเทียม คืออะไร ?
สารให้ความหวานทดแทน (artificial sweeteners) หรือที่เรามักนิยมเรียกกันว่า น้ำตาลเทียม เป็นสารเคมีที่เติมลงในอาหาร และเครื่องดื่มบางประเภทเพื่อให้มีรสหวาน โดยน้ำตาลเทียมนั้นมีรสหวานคล้ายน้ำตาล แต่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลหลายเท่า บางประเภทมีแคลอรี แต่บางประเภทก็ปราศจากแคลอรี ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเรื่องของฟันผุที่เกิดจากน้ำตาลได้อีกด้วย
วิดีโอจาก : Thai PBS
สารให้ความหวานมีกี่ประเภท
น้ำตาลเทียม หรือสารทดแทนความหวานนั้นมีหลากหลายประเภทมากมาย แตกต่างกันออกไปที่ระดับความหวาน และการให้พลังงานแต่ร่างกายมนุษย์ที่รับประทานเข้าไป โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังต่อไปนี้
-
สารให้ความหวานที่ให้พลังงาน
ในกลุ่มของสารที่ให้ความหวานที่ให้พลังงานนั้นไม่ได้เพียงให้แค่พลังงานแก่ร่างกายของเรา แต่ยังมีคุณค่าโภชนาการเพิ่มเติมมาด้วย ได้แก่ ฟรุกโตส (Fructose) เป็นสารทดแทนความหวานที่ได้จากผลไม้ มัลติทอล (Maltitol) ซอร์บิทอล (Sorbitol) และ ไซลิทอล (Xylitol)
-
สารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงาน
กลุ่มของสารให้ความหวาน ที่ไม่ให้พลังงาน หรือกลุ่มของน้ำตาลเทียมนั้นมักถูกใช้ในการเพิ่มรสหวานให้กับอาหารต่าง ๆ ของผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพ ได้แก่ ซูคราโลส (Sucralose) สตีเวีย (Stevia) หรือสารสกัดจากหญ้าหวาน แอสปาร์แตม (Aspartame) อะซิซัลเฟม-เค (Acesulfame-K) แซคคารีน และแซกคารีน (Saccharin) หรือขัณฑสกร
บทความที่เกี่ยวข้อง : ขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน คนท้องกินได้ แต่มีวิธีเลือกอย่างไร
ข้อควรรู้เกี่ยวกับน้ำตาลเทียม
สำหรับการนำน้ำตาลเทียม หรือสารทดแทนความหวานมาใช้ในปัจจุบันอย่างแพร่หลายนั้น ผู้ที่นำมาใช้ก็มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งน้ำตาลนี้มีข้อควรระวัง หรือส่งผลต่อร่างกายของเราอย่างไรได้บ้าง สามารถดูรายละเอียด ดังต่อไปนี้
-
ส่งผลต่อความอยากอาหาร
บางคนเชื่อว่าน้ำตาลเทียมนั้นอาจเพิ่มความอยากอาหาร และส่งเสริมการเพิ่มน้ำหนักของร่างกายได้ โดยบางคนมีความคิดที่ว่าสารให้ความหวานเหล่านี้ไม่มีแคลอรีสามารถทานได้มากเท่าที่ต้องการ ทำให้การรับประทานอาหารนั้นมากขึ้นกว่าปกติ ถ้าเทียบกับการทานอาหารที่มีรสหวานปกติที่จะทำให้อิ่มง่ายกว่า หรือในบางคนอาจส่งผลทำให้ยิ่งรับประทานก็ยิ่งต้องการอาหารที่มีน้ำตาลเพิ่มมากขึ้น
-
ส่งผลต่อน้ำหนัก
จากการศึกษาเกี่ยวกับการบริโภคเครื่องดื่มรสหวานที่มีความสัมพันธ์กับโรคอ้วน โดยมีรายงานว่าสารทดแทนความหวานนั้นมีส่วนช่วยให้น้ำหนักตัว มวลไขมัน และรอบเอวลดลง นอกจากนี้ยังช่วยให้การได้รับแคลอรีที่ควรบริโภคต่อวันลดลง แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากคุณต้องการที่จะลดน้ำหนัก และเลือกที่จะดื่มเครื่องดื่มที่ใช้สารให้ความหวานทดแทนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่การดื่มน้ำเปล่าจะให้ผลที่ดีกว่า
-
โรคเบาหวาน
ผู้ที่เป็นเบาหวานอาจได้รับประโยชน์จากการเลือกสารให้ความหวานเทียม เนื่องจากมีรสหวานโดยที่ไม่ต้องเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด อย่างไรก็ตามการศึกษาบางกรณีพบว่า การดื่มเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลเทียมนั้นมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดเบาหวานประเภทที่ 2 เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ผลการศึกษาต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องการใช้น้ำตาลเทียมกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อประเมินผลกระทบระยะยาวของการใช้สารให้ความหวานทดแทนนี้
-
กลุ่มอาการเมตาบอลิซึม (metabolic syndrome)
กลุ่มอาการเมตาบอลิซึม หรือกลุ่มผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคเบาหวานประเภท 2 โดยการดื่มเครื่องดื่มที่ใช้สารทดแทนความหวานนั้นมีความเสี่ยงสูงถึง 36 เปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มอาการเมตาบอลิซึม
น้ำตาลเทียมปลอดภัยสำหรับคนท้องหรือไม่ ?
สารให้ความหวานทดแทนที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในอาหาร 4 ชนิดที่พบเจอบ่อยในปัจจุบันที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแล้วว่าปลอดภัยกับคุณแม่ตั้งครรภ์ ได้แก่ สตีเวีย (Stevia) หรือสารสกัดจากหญ้าหวาน แอสปาร์แตม (Aspartame) ซูคราโลส (Sucralose) แซกคารีน (Saccharin) หรือขัณฑสกร และอะซิซัลเฟม-เค (Acesulfame-K) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการใช้สารทดแทนความหวานสำหรับคนท้องนั้นอาจทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับประโยชน์จากอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยลง
สารให้ความหวานทดแทนส่งผลอย่างไรต่อแม่ท้องบ้าง
น้ำตาลเทียมแต่ละประเภทส่งผลต่อร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้
-
แอสปาร์แตม (Aspartame)
ถือว่าเป็นสารให้ความหวานที่ปลอดภัยสามารถนำมาประกอบอาหาร หรือเครื่องดื่มให้แก่คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ โดยสารดังกล่าวยังไม่ส่งผ่านถึงทารกในช่วงของคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตรอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีแอสปาร์แตมนั้นอาจทำให้คุณแม่ปวดหัว แต่ถือว่าไม่เป็นอันตรายต่อคุณแม่ หรือทารกในครรภ์ นอกจากนี้แอสปาร์แตมยังมีข้อจำกัดสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคทางพันธุกรรมที่หายาก ที่ชื่อว่า โรคฟีนิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria : PKU) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขาดเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยกรดอะมิโนฟีนิลอะลานีนที่เป็นส่วนผสมในแอสปาร์แตม หากคุณแม่ได้รับแอสปาร์แตมเข้าไปอาจทำให้มีระดีบฟีนิลอะลานีนสูง และเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
-
ซูคราโลส (Sucralose)
เป็นสารให้ความหวานที่ไม่มีแคลอรีที่ หรือชื่อที่ทุกคนคุ้นหูกันคือ น้ำตาลทราย ถือว่าปลอดภัยที่จะนำมาใช้ในการประกอบอาหารให้กับคนท้อง ซึ่งในการศึกษาวิจัยพบว่าการรับประทานน้ำตาลทรายในปริมาณปกตินั้นไม่ได้เพิ่งความเสี่ยงของทารกให้เกิดภาวะพิการแต่กำเนิด หรือทำให้การตั้งครรภ์นั้นมีปัญหา แต่ถ้าหากรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไปอาจส่งผลทำให้เป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือภาวะอื่น ๆ ได้
-
แซกคารีน (Saccharin) หรือขัณฑสกร
ผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์ดูแลครรภ์อาจให้คุณแม่หลีกเลี่ยงการทานสารทดแทนความหวานแซกคารีนในช่วงของการตั้งครรภ์ เพราะว่ายังไม่มีผลการศึกษาอย่างแน่ชัดว่าปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากสารให้ความหวานนี้สามารถแทรกซึมผ่านรก และเข้าไปผสมอยู่ในน้ำคร่ำได้ และในการศึกษาทดลองในหนูปี 1970 พบว่าการได้สารขัณฑสกรจำนวนมากนั้นทำให้เกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะในหนูเพศผู้ แต่ภายหลังการศึกษาพบว่าไม่ได้ส่งผลในมนุษย์ หากคุณแม่เผลอทานเข้าไป ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะขัณฑสกรในปริมาณเล็กน้อยนั้นจะไม่ทำร้ายทารกในครรภ์ แต่สำหรับการให้นมบุตรนั้นสามารถส่งผ่านน้ำนมไปยังทารกได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงหากอยู่ในช่วงของการให้นมบุตร
-
สตีเวีย (Stevia) หรือสารสกัดจากหญ้าหวาน
หญ้าหวานเป็นอีกหนึ่งสารทดแทนน้ำตาลที่ได้มาจากพืชธรรมชาติที่นิยมมากในปัจจุบัน โดยองค์การอาหารและยาได้มีการรับรองและว่า สารสกัดหญ้าหวานนั้นปลอดภัยสามารถใช้ในการทดแทนความหวานในอาหารได้ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติจะต้องทำให้ถูกต้องตามหลักถึงว่าจะสามารถใช้ได้ โดยรูปแบบที่ไม่สามารถนำมาใช้ ได้แก่ หญ้าหวานทั้งใบ หรือสารสกัดจากหญ้าหวานที่ไม่ผ่านการขัดสี เป็นต้น เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องของระดับน้ำตาลในเลือด ไต ระบบสืบพันธุ์ และระบบหัวใจและหลอดเลือด
บทความที่เกี่ยวข้อง : น้ำตาลหญ้าหวาน คืออะไร หญ้าหวานแทนน้ำตาล ดีจริงหรือ
-
อะซิซัลเฟม-เค (Acesulfame-K)
เป็นสารให้ความหวานอีกชนิดหนึ่งที่มีความเข้มข้นสูงมากที่ใช้ในอาหารประเภทลูกอม หมากฝรั่ง เครื่องดื่ม ของหวาน และผลิตภัณฑ์นมผสม ซึ่งถือว่าปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ แต่หากทานในปริมาณที่มากอาจทำให้เกิดปัญหาของระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืดและท้องร่วงได้
เป็นอย่างไรบ้างกับสารให้ความหวาน หรือน้ำตาลเทียม ถึงแม้ว่าสารให้ความหวานบางชนิดจะปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ แต่ก็ต้องระวังเรื่องของการรับประทานอาหารให้เป็นอย่างดี หากคุณแม่ท่านใดไม่มั่นใจเกี่ยวกับอาหารเสริม สารทดแทนความหวาน หรือโภชนาการต่าง ๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์ดูแลครรภ์ก่อนที่จะรับประทานเสมอ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและทารกในครรภ์
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ประโยชน์จากน้ำผึ้งที่แม่ท้องต้องรู้ เรื่องผึ้ง ๆ ที่แม่ท้องต้องพึ่ง
สูตรเมนูอาหารเช้าที่ปราศจากน้ำตาล ถูกใจสายคลีนเอาใจสายสุขภาพ
13 อาหารลดน้ำตาลในเลือด สำหรับคนท้อง ลดความเสี่ยงเบาหวาน
แชร์ประสบการณ์หรือ เรื่องราวที่เกี่ยวคนท้องกินน้ำตาลเทียมได้ไหม ได้ที่นี่ !
น้ำตาลเทียม คนท้องทานได้ไหมคะ จะเป็นอันตรายไหมคะ
ที่มา : healthline, eatthis, scimath, whattoexpect, babycenter