คัดกรองทารกแรกเกิด ตรวจหาความผิดปกติ ที่ต้องทำภายใน 24 ชม.หลังคลอด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การตรวจ คัดกรองทารกแรกเกิด จะตรวจโดยการเจาะเลือดเพื่อนำตรวจหาความผิดปกติของร่างกายทารก การตรวจตั้งแต่แรกเกิดจะช่วยให้รู้ผลและรักษาได้รวดเร็วทันท่วงที เพราะถ้าเด็กทารกมีความผิดปกติร้ายแรง คุณหมอจะได้ทำการรักษาได้เร็วยิ่งขึ้น

 

การตรวจ คัดกรองสุขภาพทารกแรกเกิด ที่ต้องทำภายใน 24 ชม.หลังคลอด

 

1. การตรวจ คัดกรองทารกแรกเกิด

การตรวจทารกแรกเกิด ทารกจะถูกเจาะเลือดที่ส้นเท้าภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังคลอด และส่งตรวจเพื่อหาโรคที่จะเกิดได้ในเด็ก โดยรวมถึงโรคอันตรายที่มีผลต่อชีวิต และโรคที่เกิดจากพันธุกรรม เพื่อป้องกันความเจ็บป่วย ความพิการ หรือ เสียชีวิตของทารกจากโรคตั้งแต่แรกเกิด

ในปัจจุบันประเทศไทยมีการตรวจคัดกรองโรคที่สำคัญ 2 โรค ได้แก่

 

– ภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนแต่กำเนิด

คือ การที่ทารกไม่สามารถสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ได้เพียงพอ ทำให้มีโอกาสปัญญาอ่อน หรือ สมองทึบ หรือ ที่เรียกว่า  โรคเอ๋อ  (เนื่องจากไทรอยด์เป็นฮอร์โมนที่สำคัญของการพัฒนาสมอง)

สาเหตุ  เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของการสร้างต่อมไทรอยด์ของทารก หรือ มารดามีภาวะขาดไอโอดีนระหว่างการตั้งครรภ์ เป็นต้น ในประเทศไทยพบได้ประมาณ 1 / 2,500 – 3,000 ของทารกแรกเกิด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อาการ  แรกเกิดจะไม่มีอาการ แต่อาการแสดงจะพบเมื่อทารกอายุมากขึ้น เช่น ตัวเหลืองนาน ซึม หลับมาก ไม่ค่อยดูดนม ท้องผูก สะดือจุ่น ผิวแห้ง ลิ้นโต ร้องเสียงแหบ การเจริญเติบโตไม่ดี

การป้องกันโรคเอ๋อ  สามารถป้องกันได้โดยต้องให้กินยาไทรอยด์ฮอร์โมนภายใน 1 เดือนหลังคลอด หากผลฮอร์โมนมีค่าผิดปกติ

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : แผลฝีเย็บ หลังคลอด รู้สึกเจ็บจี๊ด คุณแม่ควรดูแลตัวเองอย่างไร ?

 

– ภาวะฟินิลคิโตนยูเรีย (Phenylketonuria) หรือ พี เค ยู (PKU)

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เกิดจากความผิดปกติของเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยสลายสารฟีนิลอะลานีน  (Phynylalanine) เสียไป ซึ่งสารดังกล่าว มีอยู่ในอาหารที่เป็นโปรตีนทุกชนิด เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว และนม ทำให้เกิดการคั่งของสารนี้ในร่างกายและเข้าไปทำลายสมอง เกิดภาวะปัญญาอ่อนอย่างรุนแรงได้  ในสหรัฐอเมริกา พบประมาณ 1 / 8,000 สำหรับในประเทศไทยพบน้อย ประมาณ 1 / 200,000

สาเหตุ   เป็นโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบยีนต์ด้อย

การรักษา  ใช้นมพิเศษและเมื่อโตขึ้นให้หลีกเลี่ยงอาหาร ที่มีสารพีนิลอะลานิน เพื่อป้องกันสมองถูกทำลายจากการที่มีสาร Phenylalanine คั่งในร่างกาย

การป้องกัน ทางกระทรวงสาธารณสุขกำหนดได้กำหนดให้เด็กแรกเกิดทุกคนต้องได้รับการเจาะเลือดเพื่อ ตรวจระดับ PKU หลังจากที่ได้รับการป้อนนมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้รับนมที่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

 

2. การตรวจคัดกรองการได้ยินในทารกแรกเกิด

ในประเทศไทย พบอัตราการสูญเสียการได้ยินในทารกแรกเกิด 1-2 คนต่อ 1,000 คน หากสามารถให้การวินิจฉัยภาวะสูญเสียการได้ยินได้ตั้งแต่แรกเกิดก่อนอายุ 3 เดือน และทำการรักษาฟื้นฟูก่อนอายุ 6 เดือน ทำให้การฟังและการพูดมีการพัฒนาได้ดีใกล้เคียงเด็กปกติ

ทารกแรกเกิดจึงควรได้รับการตรวจคัดกรองการได้ยินทุกคนหลังคลอด 24 ชั่วโมงหรือก่อนกลับบ้าน ซึ่งจะสามารถวินิจฉัยการสูญเสียการได้ยินได้ตั้งแต่แรกเกิด

การตรวจคัดกรองการได้ยินในทารกแรกเกิดในปัจจุบันทำได้โดยใช้เครื่องตรวจวัดเสียงสะท้อนจากเซลล์ขนในหูชั้นใน เพื่อตรวจการทำงานของปลายประสาทรับเสียงในหูชั้นใน การตรวจทำโดยใส่เสียงเข้าไปในหูขณะเด็กอยู่นิ่ง ๆ และวัดเสียงที่เกิดขึ้นจากการทำงานของหูชั้นใน เครื่องจะบันทึกการตอบสนองโดยอัตโนมัติ การตรวจทำได้ง่าย ใช้เวลาน้อย ไม่เจ็บปวด สามารถทราบผลทันที และผลมีความเชื่อถือได้มากกว่า 95%

 

3. การตรวจภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด

ทารกแรกเกิดจะได้รับการตรวจภาวะตัวเหลือง  ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากสารกลุ่มบิลิรูบินในเลือดสูงขึ้นมากกว่าปกติ ส่วนใหญ่เกิดจากเม็ดเลือดแดงแตก เนื่องจากเม็ดเลือดแดงของทารกมีจำนวนมากกว่าในผู้ใหญ่ และเม็ดเลือดแดงมีอายุสั้นกว่าผู้ใหญ่ (90 : 120 วัน) ประกอบกับตับยังไม่เจริญเต็มที่ จึงขับสารบิลิรูบินออกมาได้น้อย

ภาวะตัวเหลืองพบได้ในทารกแรกเกิดถึงร้อยละ 25-50 ส่วนใหญ่จะพบวันที่ 2-3 หลังคลอดและลดลงภายในวันที่5-7 ซึ่งในเด็กคลอดครบกำหนดจะมีค่าบิลิรูบินสูงสุดไม่เกิน 12 มก./ดล. ในทารกคลอดก่อนกำหนดมีค่าบิลิรูบิน ไม่เกิน 15 มก./ดล. แต่หากพบภาวะตัวเหลืองภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด ค่าบิลิรูบิน อาจสูงถึง 20 มก./ดล. และทำให้ทารกเสียชีวิตได้

 

4. การตรวจน้ำตาลในเลือด

หากทารกแรกเกิดตัวใหญ่หรือตัวเล็กกว่าอายุครรภ์จะได้รับการตรวจน้ำตาลในเลือด โดยทั่วไปพบว่ามีทารก 1 ใน 4 ที่คลอดจากมารดาที่เป็นเบาหวานเกิดน้ำตาลในเลือดต่ำในระยะแรกคลอด

ภาวะน้ำตาลในเลือดของทารกต่ำ คือ ภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 35-40 มก./ดล. ใน 12 ชั่วโมงแรกหลังคลอดของทารกครบกำหนด ทารกแรกเกิดปกติระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง (หลังจากคลอด) เป็น 50-60 มล./ดล. โดยที่ไม่พบอาการผิดปกติใดๆ และถึงแม้ค่าระดับน้ำตาลจะต่ำกว่า 50 มก./ดล. ทารกส่วนใหญ่สามารถทนได้ อย่างไรก็ตามเมื่อระดับน้ำตาลต่ำกว่า 30 มก./ดล. จะพบอาการต่างๆ เช่น ซึม ไม่ดูดนมและชักได้

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : 

5 ของจำเป็นหลังคลอด สำหรับคุณแม่ที่ต้องการคืนรูปร่าง และฟื้นฟูร่างกาย

การอยู่ไฟ หลังคลอด อยู่ไฟคืออะไร แม่หลังคลอดจำเป็นที่จะต้องอยู่ไฟไหม?

รวมเมนูหลังคลอด บำรุงน้ำนม ลดน้ำหนัก พุงยุบ กินอะไรเพิ่มน้ำนม ให้ลูกได้รับสารอาหารเต็ม ๆ

ที่มา : thonburihospital , doctor , gotoknow , parenttown