อาการหวงของเล่นในเด็ก ไม่ใช่ความผิดปกติ จริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ตอนเราเป็นเด็ก เราล้วนเคยเป็นเด็กขี้หวงกันมาก่อนกันทั้งนั้น เมื่อเรามีของเล่นสุดโปรด ก็ไม่ค่อยอยากจะให้ใครมาสัมผัส หรือมาจับของเล่นของเรา เพราะกลัวมันจะพัง หรือกลัวคนอื่นจะยืมไปแล้วไม่คืน อย่างไรก็ตาม หากว่าลูก ๆ ของเราก็มีอาการขี้หวงเหมือนกัน คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกเป็นเด็กขี้หวงนาน ๆ เพราะนิสัยเหล่านี้อาจติดตัวลูกไปจนโต จนทำให้ลูกอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ลำบาก วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า ลูกหวงของ จะจัดการยังไงได้บ้าง จะรับมือยังไงดี
อาการหวงของ เป็นแบบไหน
เด็กที่มีอาการหวงของนั้น มักจะไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวาย หรือมาแตะของ ๆ ตัวเอง หรือของเล่นที่ตัวเองชอบ แถมยังไม่ยอมแบ่งของเล่นให้คนอื่น ๆ เล่นอีกด้วย โดยปกติ อาการหวงของมีอยู่ด้วยกันหลายระดับ เด็กบางคนที่ขี้หวงไม่มากนัก จะยอมให้คนอื่นเล่นของเล่นของตัวเอง แต่เด็กบางคนที่หวงของมาก ๆ ก็จะไม่ยอมให้ใครมาแตะของเล่นตัวเอง แถมบางคนก็ยังชอบร้องไห้ ตอนที่มีคนหยิบของเล่นของตัวเองไปอีกด้วย หากปล่อยให้เด็กเป็นคนขี้หวง และไม่บอกไม่สอน เด็กอาจโตไปเป็นคนหวงของ จนทำให้คนรอบข้างไม่อยากปฏิสัมพันธ์ด้วยก็เป็นได้
ทำไมเด็กถึงหวงของเล่น
สาเหตุที่ทำให้เด็กมีนิสัยขี้หวง อาจมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่หรือคนในบ้าน ที่อาจจะไม่เคยสอนให้เด็กรู้จักการแบ่งปัน หรืออาจจะมาจากการที่เด็กอยู่ติดกับของเล่นนั้นมาตั้งแต่ยังเด็ก พอมีคนมาหยิบยืมหรือเอาของเล่นไปไกล ๆ ตัว ก็เลยรู้สึกหวงขึ้นมา นอกจากนี้ เด็กบางคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงหรือรักอิสระ ก็อาจจะมีแนวโน้มหวงของเล่นมากกว่าเด็กประเภทอื่น เนื่องจากเด็กจะคิดว่าตัวเองจะทำอะไรกับของเล่นนั้นก็ได้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : นิสัย การกิน ที่ไม่ดี ของเด็ก ๆ เกิดจากอะไร สอนลูกให้กินอย่างไรจึงจะดี
ลูกหวงของ หวงของเล่น หวงของ ทำยังไงดี ลูกหวงของเล่น สอนลูกอย่างไรให้รู้จักแบ่งปัน
ลูกหวงของ คุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไรดี ?
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหน ที่มีลูกหวงของ หรือว่าหวงของเล่น สามารถนำวิธีต่อไปนี้ไปลองใช้กับลูก ๆ เพื่อเสริมสร้างนิสัยการแบ่งปันให้ลูก ๆ ได้
- เป็นแบบอย่างให้กับลูก พ่อแม่มีบทบาทสำคัญในการสอนลูกให้รู้จักแบ่งปัน การสอนให้เด็กรู้จักแบ่งปัน ทำได้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยเริ่มจากการเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูก เช่น แบ่งสิ่งต่าง ๆ ระหว่างคนในบ้านให้ลูกเห็นบ่อย ๆ เพื่อให้ลูกค่อย ๆ ซึมซับเอาไว้ และทำตามเมื่อโตขึ้น หรือเมื่อเพื่อนบ้านมาขอความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ให้แสดงความยินดีช่วยเหลือ เป็นต้น
- พูดคุยกับลูกเกี่ยวกับการแบ่งปันสิ่งของ การอธิบายว่าการแบ่งปันสำคัญอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไร จะทำให้ลูกตระหนัก และเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการแบ่งปัน และพร้อมที่จะลงมือทำมากยิ่งขึ้น
- สร้างแรงจูงใจ พยายามให้ลูก ๆ ผลัดกันเล่นของเล่นกับเพื่อน ๆ หากว่ามีเด็กคนอื่น ๆ อยู่ด้วย ไม่ว่าจะที่บ้าน หรือที่โรงเรียน ซึ่งนี่ถือเป็นการเริ่มแบ่งปันที่ดี นอกจากนี้ ลูกเราก็ยังได้เล่นของเล่นที่หลากหลายมากขึ้นอีกด้วย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : จะดีหรือ? เพื่อนซี้แบ่งปัน นมแม่ ให้ลูกของกันและกัน
ลูกหวงของ หวงของเล่น หวงของ ทำยังไงดี หากคุณต้องการ ให้ลูกรู้จักการเป็นผู้ให้ ตั้งแต่ยังเล็ก คุณควรสอนเขาเรื่อง คุณค่าของการให้ และ การแบ่งปัน ลูกหวงของเล่น สอนลูกอย่างไรให้รู้จักแบ่งปัน
- อย่าลืมชมลูก เราอาจจะใช้คำว่า “ขอบใจจ้า” หรือ “เก่งมากลูก” เพื่อชมเชยลูก เมื่อลูกแบ่งของเล่นให้เพื่อน ๆ เล่นด้วย เพราะเมื่อเด็กได้รับคำชม เด็กจะรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น และรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่ดีและเหมาะสม
- ให้ลูกเป็นคนมอบของขวัญ หากเราต้องการมอบของขวัญให้เพื่อนบ้านหรือญาติ ๆ ลองให้ลูกเราเป็นคนมอบของขวัญแทนเราดูได้ ของขวัญที่ว่านี้ อาจจะเป็นของขวัญวันเกิด อาหาร ขนม หรืออะไรก็ได้
- เข้าร่วมงานการกุศลต่าง ๆ กับลูก งานกุศล ถือเป็นงานที่ทำให้เราได้แบ่งปันอย่างแท้จริง คุณแม่สามารถชวนน้อง ๆ บริจาคเงิน หรือลงแรงช่วยเหลืองานการกุศลง่าย ๆ ได้ เพื่อช่วยปลูกฝังให้ลูกได้รู้คุณค่าของการแบ่งปันและช่วยเหลือคนอื่น ๆ
- อย่าบังคับหรือหลอกล่อจนเกินไป เด็กที่ยังอายุน้อยมาก ๆ อาจจะยังไม่เข้าใจถึงการแบ่งปัน เราไม่ควรบังคับลูกเกินไป หากเขายังไม่พร้อมแบ่งปัน เพราะอาจทำให้เขามีทัศนคติที่ไม่ดีได้ ทางที่ดี ควรค่อย ๆ สอนลูกจะดีกว่า หรืออาจจะเริ่มสอนตอนที่เด็กเริ่มเดินได้ โดยการถามไถ่ว่า อยากจะแบ่งของเล่นกับเพื่อน ๆ ไหม เพื่อเป็นการเช็คว่าเด็กพร้อมแล้วหรือยัง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ลูกแพ้ไม่เป็น มีนิสัยชอบเอาชนะ หงุดหงิดเวลาแพ้ เพราะ พ่อแม่สปอยล์จนเคยตัว
นิสัยลูก แตกต่างกัน วิจัยชี้ นิสัยความต่าง ของลูกคนโต&คนเล็ก อยู่ที่ลำดับการเกิด
นี่คือวิธีช่วยให้ลูกวัยรุ่นมีนิสัยเรื่องเงินที่ดี
ที่มา : parentsone
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!
