การสูบบุหรี่ถือเป็นการทำร้ายลูกในท้องตรง ๆ เลยล่ะ ไม่ว่าคุณแม่จะเป็นผู้สูบเองหรืออยู่ใกล้ควันบุหรี่แล้วสูดหายใจเข้าไป เสี่ยงให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดได้นะคะ
เมื่อคุณแม่ทราบข้อปฏิบัติที่ควรหรือไม่ควรทำในตอนตั้งครรภ์แล้ว อย่าลืมที่จะใส่ใจดูแลตัวเองและลูกน้อยในท้องนะคะ ระยะเวลาประมาณ 10 เดือนหลังจากนี้ไป มันจะเปลี่ยนตัวเองและทำให้คุณแม่กลายเป็นคนใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพดี ๆ ขึ้นมาได้ เพื่อลูกน้อยนะคะ
วิธีดูแลเพื่อสุขภาพของทารกในครรภ์
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย แนะนำการปฏิบัติตัวตอนตั้งครรภ์เพื่อสุขภาพของทารกในครรภ์ ว่า เด็กคืออนาคตที่สําคัญของประเทศที่ต้องได้รับการพัฒนาให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ การสร้างคนไทยคุณภาพจึงต้องเริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
ตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิจนถึงอายุ 2 ปี
ถือเป็นช่วงเวลาทองของเด็กที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาสมอง เพราะโครงสร้างสมองจะมีการพัฒนาสูงสุด ทั้งการสร้างเซลล์สมองและการเชื่อมโยงระหว่างเซลล์สมองเกิดเป็นโครงข่ายใยประสาทนับล้านโครงข่าย และการที่เซลล์สมองมีการเชื่อมต่อกันทำให้เกิดการสื่อสารระหว่างเซลล์อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก ส่งผลต่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
การปฏิบัติตัวตอนตั้งครรภ์
คนท้องต้องปฏิบัติตัวตอนตั้งครรภ์อย่างไร
การเตรียมความพร้อมของสตรีก่อนตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ และหลังคลอด เป็นเรื่องสำคัญ ทั้งยังเป็นตัวกำหนดสุขภาพและโรคในอนาคตได้อีกด้วย
-
ก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 12 สัปดาห์
คนท้องต้องกินวิตามิน ธาตุเหล็ก และกรดโฟลิก สัปดาห์ละ 1 เม็ด รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาหารต้องอุดมด้วยธาตุเหล็กและโฟเลท เช่น ตับ เนื้อสัตว์ ผักผลไม้เพื่อลดความเสี่ยงต่อความพิการแต่กำเนิด ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองและระบบประสาทของลูก
-
ในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดไปจนกระทั่งเด็กอายุ 2 ปี
แม่ต้องให้ความสำคัญกับโภชนาการที่ดี ตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิต คือ ช่วงที่อยู่ในท้องแม่ ช่วงเด็กอายุ 0-6 เดือน ช่วงเด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี แม่ควรกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ให้หลากหลายครบ 5 หมู่ เช่น ปลา ตับ ไข่ ผัก ผลไม้ และนมสดรสจืด กินวิตามินบำรุงที่มีไอโอดีน เหล็ก โฟลิกทุกวัน หากขาดไอโอดีนลูกน้อยสมองพัฒนาไม่สมบูรณ์ไอคิวต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และต้องคอยดูแลฟัน ออกกำลังกาย นอนหลับวันละ 7-9 ชั่วโมงทุกวัน
การกิน
แม่ควรให้ลูกได้กินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน และกินนมแม่ต่อเนื่องควบคู่กับอาหารตามวัย เน้นข้าว เนื้อสัตว์สลับตับ ไข่ ผัก ผลไม้ในปริมาณเพียงพอสัดส่วนเหมาะสมอาหารตามวัยบดละเอียดไปหยาบจนถึงอายุ 2 ปีขึ้นไป เพราะนมแม่มีสารอาหารที่สำคัญสำหรับการพัฒนาสมองซึ่งไม่มีอาหารใดเทียบได้
เด็ก 1-3 ปี ต้องกินอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ในปริมาณเพียงพอสัดส่วนเหมาะสมเน้นกินปลา ตับ ไข่ นม
การกอด
พ่อแม่ควรกอดลูกทุกวันเพื่อให้เด็กรับรู้ว่าพ่อแม่รักและหวังดีเสมอ การอบรมเด็กต้องทำด้วยความรัก ความเข้าใจและใช้เหตุผล ไม่ใช้อารมณ์บังคับ ฝืนใจ ไม่ดุด่าให้ลูกกลัวและเสียกำลังใจ คอยให้คำแนะนำ พูดชมเชยและให้รางวัลถ้าลูกทำได้ดี ซึ่งรางวัลสำหรับเด็กเล็กเพียงแค่กอด หอมแก้ม ตบมือให้ เท่านี้เด็กก็ภูมิใจแล้ว
การเล่า
พ่อแม่สามารถเล่านิทานให้ลูกฟังได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หรือเมื่อเด็กอายุ 3 เดือน ให้เริ่มเล่านิทานให้ฟังเป็นประจำทุกวันต่อเนื่องจนกระทั่งเด็กโต เลือกนิทานที่มีภาพน่ารัก รูปสัตว์ ใช้เสียงสูง ต่ำ หรือร้องเพลงประกอบขณะเล่า ควรเล่าให้จบเล่ม และเก็บหนังสือไว้ที่เดิมให้ลูกมองเห็นได้
การนอน
วิธีดูแลลูกเมื่อเข้าสู่วัยเรียน
พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องดูแลให้เด็กกินอาหารถูกหลักโภชนาการ จัดอาหารหลักให้เด็กกินให้ครบทั้ง 3 มื้อ ไม่เว้นมื้อใดมื้อหนึ่งโดยเฉพาะมื้อเช้า เพราะจะทำให้เด็กความจำดี พัฒนาสมอง และควรจัดอาหารให้ เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเด็ก
- ใน 1 วัน เด็กควรกินข้าว/แป้ง 8 ทัพพี ผัก 4 ทัพพี ผลไม้ 3 ส่วน เนื้อสัตว์ 6 ช้อนกินข้าว นม 2 แก้ว
- ฝึกเด็กในการกินอาหารให้ตรงเวลา ไม่กินจุบจิบ ไม่กินขนมก่อนอาหารมื้อหลัก
- ส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกายชนิดที่มีแรงกระแทกของข้อ เช่น กระโดดเชือก กระโดดยาง กระโดดตบ เล่นบาสเก็ตบอล โดยทำต่อเนื่องไม่น้อยกว่าครั้งละ 10-15 นาที ทุกวันๆ ละ 60 นาที หรือทำแบบสะสมเวลา
- ลูกต้องนอนหลับสนิทอย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง โดยลดปัจจัยเอื้อที่เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับ เช่น ไม่เล่นเกมก่อนนอน ไม่วางโทรศัพท์ไว้บนที่นอน หรือไม่เปิดทีวีทิ้งไว้ในห้องนอน เพื่อให้นอนหลับสนิท ซึ่งจะส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth hormone) ที่สำคัญต่อการเจริญเติบโต การเพิ่มความสูง และควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ให้เป็นไปอย่างปกติ
เฝ้าดูฟัน
ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการส่งเสริมให้ลูกฉลาด แข็งแรง เติบโตสมวัยคือ การเฝ้าดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของลูกตั้งแต่ฟันซี่แรก รองอธิบดีกรมอนามัย เตือนว่า หากเด็กมีปัญหาฟันผุจะสร้างความเจ็บปวด การติดเชื้อ และปัญหาการบดเคี้ยวอาหารส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก
นอกจากนี้ การมีฟันผุหลายซี่ในปากมีความสัมพันธ์กับภาวะแคระแกร็นของเด็กและเด็กที่มีฟันน้ำนมผุมากจะมีแนวโน้มว่าฟันแท้จะผุมากขึ้นเช่นกัน เมื่อไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที โรคจะลุกลามและสูญเสียฟันในที่สุด และอาการเจ็บปวดอาจทำให้ต้องหยุดเรียน ส่งผลกระทบต่อการเรียนด้วย
การปฏิบัติตัวตอนตั้งครรภ์หรือวิธีดูแลตัวเองตอนท้องนี้ สามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ในไตรมาสแรก สิ่งสำคัญคือ หากแม่รู้ตัวว่าท้องต้องรีบฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด ต้องไปตามนัดทุกครั้ง หมั่นสังเกตอาการตัวเอง เพราะคนท้องมักจะมีอาการมากมายที่เกิดขึ้น ทั้งอาการที่เป็นปกติระหว่างตั้งครรภ์ รวมไปถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งทำให้ทั้งคนท้องและทารกในครรภ์มีความเสี่ยงต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้น ถ้าแม่ท้องรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติ อย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์ เพื่อได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องนะคะ