เมื่อรู้ตัวว่าท้องหรือกำลังวางแผนจะมีลูก ควรหยุดยาที่เคยกินมาทันที เพราะยาหรือสารเคมีต่าง ๆ ที่ผิดปกติ อาจจะทำให้เด็กในครรภ์เติบโตช้า พิการ หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งในหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะร่างกายซับซ้อน วิตามินคนท้อง จึงเป็นสิ่งที่มีความต้องการแตกต่างจากคนปกติทั่วไป เพราะวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ได้รับเข้าไปนั้น จะต้องเป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงสุขภาพของทั้งหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ให้แข็งแรงสมบูรณ์
ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า วิตามิน ยา และ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม นั้นมีความหมายและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ยาคือวัตถุที่ใช้ในการวินิจฉัย บำบัด บรรเทา รักษา ป้องกันโรคหรือความเจ็บป่วย ซึ่งวิตามินก็จัดอยู่ในประเภทยา ส่วนอาหารเสริม คือ ผลิตภัณฑ์ที่กินเพื่อเสริมอาหารมื้อหลัก มีทั้งชนิดเหลว เม็ด ผง และแคปซูล
ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต และการสร้างอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของทารกในครรภ์ หากหญิงตั้งครรภ์ได้รับไม่ครบถ้วนหรือไม่เพียงพอ อาจส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้โดยตรง โดยอาจทำให้หญิงตั้งครรภ์นั้นคลอดบุตรก่อนกำหนด คลอดผิดปกติ แท้งบุตร น้ำหนักและส่วนสูงของทารกที่คลอดน้อยกว่าปกติ ทารกพิการแต่กำเนิด หรือสติปัญญาต่ำ เป็นต้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : 9 วิตามินบำรุงหลังคลอด สุดยอดอาหารเสริมของคุณแม่มือใหม่ ปี 2023
วิตามินคนท้อง ที่ควรได้รับต่อวันมีอะไรบ้าง
- วิตามินบี 1 ควรรับประทานวันละ 1.5-1.6 mg. และเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับพัฒนาการของระบบสมองส่วนกลางของทารกในครรภ์
- วิตามินบี2 ควรทานวันละ 1.6 mg.
- วิตามินบี 6 ควรทานอย่างน้อย วันละ 2.2 mg. ซึ่งวิตามินบี 6 จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของสมองและระบบประสาทของทารกในครรภ์ และมีส่วนช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ด้วย
- วิตามินบี 9 หรือ กรดโฟลิกเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ช่วง 3 เดือนแรก ควรทานให้ได้วันละ 360-400 mcg. และการได้รับกรดโฟลิกไม่เพียงพออาจส่งผลให้ทารกในครรภ์เกิดการพิการทางสมองและระบบประสาทไขสันหลังได้
- วิตามินบี12 ควรได้รับวันละ 2.2 mg.
- วิตามินซี ควรได้รับวันละ 70-95 mg.
- วิตามินอีควรได้รับวันละ 10 IU เพราะวิตามินอีจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของกล้ามเนื้อ และเซลล์เม็ดเลือดของทารกในครรภ์ได้ และการขาดวิตามินอีอาจส่งผลให้ทารกที่คลอดออกมาน้ำหนักตัวน้อยได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : ไขข้อข้องใจให้แม่ท้อง คนท้องกินยาแก้ปวดท้องได้ไหม ?
- วิตามินดี ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกให้แก่ทารกในครรภ์ ทำให้โครงสร้างกระดูกมีความสมบูรณ์เมื่อทารกโตขึ้น
- แคลเซียม ควรได้รับวันละ 1,200-1,500 mg. เพราะแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญมากสำหรับคนท้อง ช่วยในการพัฒนากระดูกของทารก การขาดแคลเซียมอาจทำให้ทารกในครรภ์มีกระดูกไม่แข็งแรงหรือทำให้เกิดกระดูกพรุนได้
- ไอโอดีน ควรได้รับวันละ 175-200 mcg. เพราะในระหว่างตั้งครรภ์ ต่อมไทรอยด์จะทำงานมากขึ้น ทำให้ร่างกายมีความต้องการธาตุไอโอดีนมากขึ้น และการที่แม่ท้องได้รับไอโอดีนไม่เพียงต่อความต้องการ ก็อาจจะทำให้เป็นโรคคอพอกได้ และจะส่งผลถึงทารกโดยตรงคือ ทำให้ทารกมีน้ำหนักตัวน้อย ตัวเล็กเกิน และมีสติปัญญาต่ำกว่าเด็กทั่วไปได้
- ธาตุเหล็ก ควรได้รับวันละ 30 mg. ธาตุเหล็ก มีส่วนสำคัญในการสร้างพัฒนาเซลล์เม็ดเลือด และมีความสำคัญอย่างมากต่อการช่วยในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์แมกนีเซียมควรรับประทานวันละ 300-355 mg.
- ฟอสฟอรัส ควรได้รับวันละ 1,200 mg.ขึ้นไป
- ซีลีเนียม ควรได้รับวันละ 65 mcg.
- สังกะสี หรือ ซิงค์ ควรได้รับวันละ 15 mg. โดยมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ของทารกในครรภ์
- น้ำมันปลา (Fish oil)ควรเลือกอาหารเสริมตัวที่มีปริมาณ DHA และ EPA สูง เพราะจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของระบบประสาทและสมองของทารกในครรภ์ ส่งผลให้ทารกที่คลอดออกมาฉลาด หัวไว
- โปรตีน มีความสำคัญอย่างมากในการสร้างเซลล์ของทารกในครรภ์
วิตามินอะไรบ้างที่ห้ามรับประทานตอนท้อง
ในระหว่างตั้งครรภ์นั้น ไม่แนะนำให้รับประทานวิตามินเอ ในปริมาณที่มากกว่า 25,000 IU ต่อวัน โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก เพราะอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะแท้งบุตร หรืออาจทำให้ทารกพิการแต่กำเนิดได้ แต่หลังจาก ไตรมาสแรกแล้ว แม่ท้องสามารถรับประทานวิตามินเอได้ เพียงแต่ว่าต้องรับในปริมาณที่เหมาะสม โดยองค์การอาหารและยา ได้กำหนดความต้องการของผู้หญิงปกติ ไว้ที่ 2,600 IU ต่อวัน หญิงตั้งครรภ์ 3,300 IU ต่อวัน และหญิงให้นมบุตร 4,000 IU ต่อวัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : 14 สารอาหารจำเป็นสำหรับคนท้อง แม่ท้องควรกินวิตามินอะไรบำรุงลูกในท้องบ้าง
สรุปว่าบรรดาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทั้งหลาย ไม่ว่าจะอ้างสรรพคุณว่าเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ หรือมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ เสริมแร่ธาตุในร่างกาย หรือช่วยป้องกันโรคอะไรต่อมิอะไรนั้น ความจริงแล้วไม่มีความจำเป็นใด ๆ สำหรับแม่และลูกในท้องเลย
เพียงแค่คุณแม่ดูแลสุขภาพและอาหารการกินของตัวเองให้ดี ด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เช่น กินโปรตีนจากไข่ นม และวิตามินของคนท้องตามที่คุณหมอแนะนำ เช่น โฟลิก วิตามินรวม วิตามิน อี ซี (สำหรับคุณแม่ที่ไม่ชอบกินผักและผลไม้) ดื่มนมให้ได้วันละ 1 ลิตร เพื่อป้องกันตะคริว และเมื่ออายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่ 4-5 ควรเสริมธาตุเหล็ก เพื่อให้ลูกเอาไปสร้างเม็ดเลือด และเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมกับการเสียเลือดตอนคลอดก็พอ
รู้หลักในการใช้ยาและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมระหว่างตั้งครรภ์กันแล้ว คราวนี้คุณแม่ก็สามารถดูแลสุขภาพตัวเอง และเจ้าตัวเล็กในท้องได้อย่างมั่นใจแล้วนะคะ ปรึกษาปัญหาสุขภาพ และสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ ในระหว่างการตั้งครรภ์ กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ จากโรงพยาบาลชั้นนำ ผ่าน ALive Powered by AIA แอปพลิเคชันสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน ดาวน์โหลดเลย!
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ตัวอย่างตารางอาหารประจำวันของคนท้อง กินบำรุงสมองลูกในครรภ์
คนท้องควรกินอินทผลัมวันละกี่เม็ด
4 วิธีสร้างเสริมพัฒนาการสมองของลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์
ที่มา : medthai
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!