โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เริม เริมคืออะไร อันตรายยังไง?

theAsianparent พามาทำความรู้จักกับ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เริม เริมคืออะไร อันตรายยังไง? โรคเริมอันตรายมากไหม ควรรู้อะไร รักษายังไง มาดูกันเลยค่ะ
เริม หรือ โรคเริม (Herpes) เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยมาก และเป็นโรคติดเชื้อทางผิวหนังที่เวลาป่วยจะรู้สึกอายจนไม่กล้าไปโรงพยาบาล ทั้งที่จริงๆแล้วโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับบุคคลทั่วไป ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาะกับคนที่่มีสุขภาพร่างกายอ่อนแอก็สามารถรับเชื้อได้จากการติดต่อทางสัมผัส หรือ แม้กระทั่งกินอาหารร่วมกัน วันนี้ theAsianparent พามาดู โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เริม เริมคืออะไร อันตรายยังไง?
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เริม เริมคืออะไร อันตรายยังไง?
เริม หรือ โรคเริม คืออะไร?
เริม (Herpes Simplex) เป็นโรคติดต่อของเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งของผิวหนัง และ เยื่อเมือกต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งการติดต่อของโรคเริม นั้นเกิดจากการได้รับเชื้อไวรัสโดยการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วยโรคเริม เช่น สัมผัสโดนน้ำเหลืองจากตุ่มโรคเริม เช่น การดื่มน้ำแก้วเดียวกันกับผู้ป่วย ใช้หลอดอันเดียวกัน ใช้ลิปสติกแท่งเดียวกัน หรือ มีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อเริมในร่างกาย
โดยเมื่อได้รับเชื้อเริมครั้งแรก เชื้อไวรัสจะเข้าสะสมที่เส้นประสาท โดยยังไม่แสดงอาการในตอนแรก แต่หากมีปัจจัยบางอย่างเข้ามากระตุ้น เชื้อไวรัสก็จะเริ่มเคลื่อนจากปมประสาทมาปลายเส้นประสาท และเกิดโรคที่ผิวหนัง หรือ เยื่อบุ ซึ่งโรคจะพบได้หลายตำแหน่ง แต่ที่พบได้บ่อยคือ บริเวณริมฝีปาก หรือ บริเวณอวัยวะเพศ
อาการของโรคเริม
โดยอาการของโรคเริมนั้นจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ติดเชื้อ อายุ ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย และ ชนิดของเชื้อไวรัส และ ถ้าเป็นการติดเชื้อครั้งแรก ก็จะมีอาการเป็นไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย และมีภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าผู้ป่วยที่เป็นมาซ้ำแล้ว
โดยอาการของ เริมที่ผิวหนัง จะพบการติดเชื้อซ้ำ (Reactivation) โดยบริเวณมักจะมีอาการปวดแสบร้อน และ ปวดเสีย มีน้ำตุ่มใสขนาดประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่เป็นกลุ่มๆ โดยจะมีผื่นแดง ต่อมาตุ่มน้ำใสจะกลายเป็นสีเหลืองขุ่นแล้วแตกกลายเป็นสะเก็ด ตำแหน่งที่พบบ่อย ได้แก่ ริมฝีปาก แก้ม จมูก ตา หู ก้น อวัยวะเพศ ซึ่งผื่นมักจะขึ้นอยู่ที่ตำแหน่งเดิมหรือบริเวณใกล้เคียง การเป็นเริมผิวหนังนั้นจะดูคล้ายตุ่มหนอง หรือ ฝี ซึ่งเป็นประมาณ 7-10 วัน ผู้ป่วยบางคนอาจจะมีอาการเป็นไข้บ้าง
เริมที่ช่องปาก เริมที่ช่องปากนั้นอาจจะเกิดขึ้นกับเด็กเล็กซึ่งจะเจ็บปาก ไม่ยอมดูดนม โดยจะมีตุ่มน้ำพุขึ้นที่เยื่อบุของริมฝีปาก เหงือก ลิ้น เพดานปาก มักจะมีอาการเหงือกบวมแดง ซึ่งบางครั้งอาจจะมีเลือดซึม และ กลิ่นปาก โดย แผลเริมเหล่านี้มักจะหายไปได้เองภายใน 5-10 วัน แต่อาจจะกลับมากำเริบซ้ำได้อีก โดยจะกำเริบจะเกิดจากความเครียด พักผ่อนน้อย อ่อนเพลีย ถูกแดดจัด มีประจำเดือ เป็นไข้
เริมที่อวัยวะเพศ จัดเป็นโรคติดต่อทางเพศชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยระยะฟักตัวของโรคจะได้เชื้อจนกระทั่งแสดงอาการประมาณ 2-10 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้ ปวดหัว อ่อนเพลีย และ เกิดผื่นตุ่มบริเวณอวัยวะเพศ โดยมีอาการแสบๆ คันๆ มาก่อน โดยผู้ชายอาจจะเกิดขึ้นที่ปลายองคชาต ต้นขา ก้น รอบทวารหนัก หรือ ในท่อปัสสาวะ ส่วนผู้หญิงจะขึ้นปากช่องคลอด ก้น รอบทวารหนัก ในช่องคลอด หรือ ปากมดลูก โดยผื่นตุ่มจะมีลักษณะตุ่มนูน ตุ่มน้ำ หรือ แผลแดงๆ คล้ายรอยถลอก อาจจะมีอาการเจ็บหรือคัน ต่อมาจะแห้ง จะมีสะเก็ดหรือไม่มีก็ได้ โดยจะอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะแสบขัด อาจจะมีหนองไหลจากช่องคลอดและท่อปัสสาวะ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตและเจ็บร่วมด้วย นอกจากนี้อาจจะพบรอยโรคได้ที่ก้น หน้าขา ขาหนีบ นิ้วมือ หรือตา ซึ่งจะเกิดในสัปดาห์ที่ 2
วิธีรักษาโรคเริม
การรักษาโรคเริมน้้น เน้นไปการรักษาตามอาการ เนื่องจาก เชื้อไวรัสอาจจะทำให้มีอาการไข้ต่ำๆ อ่อนเพลียได้ แต่หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการไข้สูง ให้ไปรีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา โดยอย่างละเอียดและป้องกันอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนและโรคอื่นๆ
การรักษาสิ่งที่สำคัญที่สุดของโรคเริมนั้น คือการป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน โดยเฉพาะอวัยวะที่สำคัญ เช่น ดวงตา เพราะ การติดเชื้อเริมจะทำให้เกิดตุ่มใส และ หากติดเชื้อแทรกซ้อน อาจจะทำให้การทำลายอวัยวะที่ติดเชื้อได้ เช่น ติดเชื้อดวงตาสามารถทำให้ตาบอดหรือเสียการมองเห็นได้ เพราะฉะนั้นต้องระวังเรื่องภาวะแทรกซ้อนมากกว่า
การดูแลรักษาระหว่างเป็นโรคเริม
โรคเริม นั้นเป็นโรคที่สามารถหายได้เองได้ แต่เริมนั้นสามารถกลับมาเกิดซ้ำแต่อาจจะไม่ได้รุนแรงมากหนัก หากรู้ตัวว่าตัวเองเป็นโรคเริม ต้องดูแลร่างกายตัวเองให้ดี พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด และ ดื่มน้ำมากๆ
ส่วนแผลจากการเกิดตุ่มน้ำ หากเป็นเริมในคอ แนะนำให้กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ และหากเป็นตุ่มแผล เริมที่ขา ก้น หรือ จมูก ควรอาบน้ำและทำความสะอาดแผลให้สะอาด เช่น ฟอกสบู่ และไม่ควรแกะหรือเกาตุ่มแผล ในกรณีที่มีไข้ สามารถรับประทานยาลดไข้เพื่อบรรเทาอาการ
theAsianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก theAsianparent Thailand เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ :
ทำไมต้องนับลูกดิ้น ความสำคัญของการนับลูกดิ้นที่แม่ท้องทุกคนควรรู้!
ชวนมาดูหนัง The Witches เหล่าหนูน้อยวางแผนเอาชนะแม่มดใจร้าย!
วิจัยเผย บุหรี่มีผลต่อเซ็กส์ บุหรี่และสาเหตุของเซ็กส์เสื่อม อันตรายของบุหรี่