ลองอ่านข้อมูลของหลักสูตร โรงเรียนนานาชาติระบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับค่าเทอมที่จ่ายไป เราสรุปมาโดยย่อดูค่ะ
1. โรงเรียนนานาชาติระบบอังกฤษ
2. โรงเรียนนานาชาติระบบอเมริกัน (หน้า 2)
3. โรงเรียนนานาชาติระบบเยอรมัน (หน้า 3)
4. โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรสิงคโปร์ (หน้า 4)
5. โรงเรียนนานาชาติหลักสูตร International Baccalaureate หรือ IB (หน้า 5)
โรงเรียนนานาชาติระบบต่าง ๆ
1. โรงเรียนนานาชาติระบบอังกฤษ
จุดเด่นและหลักสูตรโดยทั่วไป:
• ใช้หลักสูตรและการเรียนการสอนอิงตามกระทรวงศึกษาธิการของอังกฤษ
• เน้นการเรียนวิชาการตั้งแต่ระดับอนุบาล แต่ก็ใช้การเรียนรู้ผ่านการเล่นด้วย โดยเน้นให้มีหนังสืออยู่รอบตัวเด็ก เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านต่อไปในอนาคต
• ในระดับประถมและมัธยมจะเน้นวิชาการอ่าน การเขียน ภาษาอังกฤษ และไอซีทีมากกว่าหลักสูตรแบบอเมริกัน
• ในโรงเรียนหลายแห่งยังมีการแต่งเครื่องแบบนักเรียนอยู่ เพราะเชื่อว่าเครื่องแบบทำให้นักเรียนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และมีการเน้นทักษะการเข้าสังคม การเรียนรู้เรื่องมารยาทมากกว่าหลักสูตรแบบอื่น ๆ
• เนื้อหาวิชาที่เด็ก ๆ จะได้เรียนนั้นครอบคลุมตั้งแต่วิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ไอซีที ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ศิลปะ การออกแบบ ดนตรี พละศึกษา ไปจนถึงวิชาพลเมือง เพศศึกษา ภาษาต่างประเทศ และการเรียนรู้อาชีพต่าง ๆ เมื่อขึ้นชั้นมัธยมด้วย
การแบ่งระดับชั้นและการวัดระดับ:
• ในระดับอนุบาลโดยมากจะเรียกระดับชั้นต่าง ๆ ว่า Early Years (สำหรับเด็กอายุ 3-5 ขวบ)
• ในระดับประถมถึงมัธยมศึกษาโดยมากจะเรียกระดับชั้นต่าง ๆ ว่า Key Stages มีทั้งหมด 4 Key Stages
• Key Stages 1 (Year 1-2) ในระดับ Year 1 เป็นชั้นเรียนสำหรับนักเรียนอายุ 5-6 ขวบ จะมีการสอบวัดระดับ Phonics Screening Check (การออกเสียง การสะกดคำ) หลังจบปีแล้ว ส่วนใน Year 2 เป็นชั้นเรียนสำหรับนักเรียนอายุ 6-7 ขวบหลังจบปีจะมีการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
• Key Stages 2 (Year 3 – Year 6) สำหรับนักเรียนอายุ 7-11 ปี หลังจบ Key Stages 2 นักเรียนจะต้องทำแบบทดสอบ National tests และต้องผ่านการวัดระดับของครูในวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
• Key Stages 3 (Year 7 – Year 9) สำหรับนักเรียนอายุ 11-14 ปี หลังจบแต่ละ Year หรือแต่ละชั้นปีจะต้องผ่านการวัดระดับของครูแต่ละวิชา
• Key Stages 4 (Year 10 – Year 11 ) สำหรับนักเรียนอายุ 14-16 ปี โดยนักเรียนต้องเข้าสอบ GCSEs เพื่อ เตรียมการศึกษาต่อในหลักสูตร A-levels อีก 2 ปี ก่อนเตรียมตัวเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา
ตัวอย่างโรงเรียนนานาชาติระบบอังกฤษในไทย:
Harrow International School
Bangkok Patana School
Shrewsbury International School
Bromsgrove International School
ขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก: www.gov.uk/national-curriculum/
www.thebritishschool.pl/essentials/the-british-and-american-curricula
คลิกหน้าถัดไปสำหรับโรงเรียนนานาชาติระบบอเมริกัน
โรงเรียนนานาชาติระบบต่าง ๆ
2. โรงเรียนนานาชาติระบบอเมริกัน
จุดเด่นและหลักสูตรโดยทั่วไป:
• เป็นโรงเรียนนานาชาติที่ใช้หลักสูตรและการเรียนการสอนอิงตามกระทรวงศึกษาธิการของอเมริกัน โดยหลายโรงเรียนอาจใช้หลักสูตรครอบคลุมตามแบบอเมริกาเหนือ (อเมริกาและแคนาดา) ไปเลย
• ในขณะที่โรงเรียนนานาชาติระบบอังกฤษโดยมากใช้ระบบแบบเดียวกันหมด แต่โรงเรียนนานาชาติระบบอเมริกันแต่ละโรงอาจจัดหลักสูตรที่หลากหลายมีรายละเอียดที่แตกต่างกันบ้าง
• นักเรียนเริ่มเข้าชั้นเรียนเมื่ออายุราว 5-6 ปี โดยในระยะแรกจะเน้นการเรียนรู้ด้วยการทำกิจกรรมผ่านการเล่น (play-based activities) เช่น การเล่นทราย การเล่นนอกชั้นเรียน การทำกิจกรรมศิลปะ การฟังนิทาน และค่อยเรียนหนังสืออย่างเป็นทางการหรือเรียนเนื้อหาที่เป็นวิชาการเมื่อเข้าเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น
การแบ่งระดับชั้นและการวัดระดับ:
• ระดับ Pre-school สำหรับเด็กอายุ 3-5 ปี ซึ่งไม่ได้เป็นการศึกษาภาคบังคับ อาจเริ่มเข้าเรียนอย่างเป็นทางการ เมื่ออายุ 5 ปีในระดับชั้นประถมหรือ Elementary school เลยก็ได้
• ระดับ Elementary School สำหรับเด็กอายุ 6-10 ปี ตั้งแต่ Year 1 – Year 5
• ระดับ Middle School สำหรับเด็กอายุ 11-14 ปี ตั้งแต่ Year 6 – Year 9
• ระดับ High School สำหรับเด็กอายุ 15-18 ปี ตั้งแต่ Year 10 – Year 12
• หลังจากนั้นนักเรียนต้องเตรียมตัวสอบวัดระดับที่เรียกกันว่า SAT เพื่อใช้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย
ตัวอย่างโรงเรียนนานาชาติระบบอเมริกันในไทย:
Ruamrudee International School
โรงเรียนนานาชาติกรุงเทพฯ หรือ ISB
The American School of Bangkok (ASB)
3. โรงเรียนนานาชาติระบบของสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน หรือออสเตรีย
จุดเด่นและหลักสูตรโดยทั่วไป:
• เป็นโรงเรียนนานาชาติที่ใช้หลักสูตรและการเรียนการสอนอิงตามของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน หรือออสเตรีย
• โดยมากถ้าเป็นโรงเรียนนานาชาติระบบเยอรมันในประเทศไทยจะมีภาษาให้เลือกเรียนระหว่างภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมัน โดยอาจมีภาษาฝรั่งเศสให้เลือกเป็นตัวเลือกเสริมด้วย
• การเปลี่ยนผ่านจากระดับอนุบาลไปสู่ระดับประถม โดยมากจะให้นักเรียนที่ต่างอายุกันเข้าเรียนในชั้นเดียวกัน มีจุดประสงค์ให้นักเรียนที่อายุต่างกันได้ฝึกการปรับตัว
• ในระดับอนุบาลและประถมศึกษาปีที่ 1 จะเน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่น การอ่านและการฝึกนับคำนวณจะได้รับการสอนผ่านการเล่นเช่นกัน
• ส่วนการเรียนในแบบวิชาการจะค่อยเริ่มเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น เน้นสอนให้เด็ก ๆ รู้จักเคารพตนเองและเคารพผู้อื่นด้วย รู้จักความเท่าเทียมทางเพศ ยอมรับความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรมผ่านวิชาพื้นฐานต่าง ๆ
การแบ่งระดับชั้นและการวัดระดับ:
• ระดับอนุบาลเรียกว่า Kindertagesstätte สำหรับนักเรียนอายุประมาณ 3-6 ขวบ เปรียบเสมือนศูนย์ดูแลเด็กเล็ก
• สำหรับการเรียนการสอนของระดับชั้นประถมนั้นแบ่งออกเป็น 2 ระดับใหญ่ ๆ ได้แก่ The Basis Level เป็น ระดับชั้นเรียนที่ให้นักเรียนวัย 6-7 ปี หรือนักเรียนชั้นปีสุดท้ายของอนุบาลและนักเรียนระดับ Year 1 มาเรียนรวมในห้องเรียนเดียวกัน และ Primary School เป็นระดับชั้นเรียนที่แบ่งอีกครั้งเป็น 5 ระดับย่อย ตั้งแต่ Year 2 ไปจนถึง Year 6
• หลังจากจบระดับชั้นประถมศึกษาแล้ว จะมีโรงเรียนแบบมัธยมศึกษาให้เลือกหลากหลายแบบ ตั้งแต่แบบที่เน้นวิชาการไปจนถึงแบบที่ไม่เน้นวิชาการมากนัก
ตัวอย่างโรงเรียนนานาชาติระบบสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน และ ออสเตรียในไทย:
Swiss School Bangkok
คริสเตียนเยอรมันเชียงใหม่
4. โรงเรียนนานาชาติระบบสิงคโปร์
จุดเด่นและหลักสูตรโดยทั่วไป:
• เป็นโรงเรียนนานาชาติที่ใช้หลักสูตรและการเรียนการสอนอิงตามระบบการศึกษาประจำชาติของสิงคโปร์
• โดยมากโรงเรียนนานาชาติระบบของสิงคโปร์ในประเทศไทยมักทำการเรียนการสอนในสภาพแวดล้อม 3 ภาษา ทั้งภาษาอังกฤษ ไทย และจีน
• โรงเรียนนานาชาติระบบของสิงคโปร์โดยมากเน้นทางด้านวิชาการมากกว่าโรงเรียนนานาชาติในระบบตะวันตก โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน
การแบ่งระดับชั้นและการวัดระดับ:
• ชั้นเรียนระดับเตรียมความพร้อมก่อนเข้าโรงเรียนจะเริ่มตั้งแต่เด็กอายุ 2 ขวบครึ่ง ไปจนถึง 6 ขวบ
• ระดับประถมศึกษาของสิงคโปร์แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ Foundation Stage คือ ป.1 ถึง ป. 4 และ ป.5-ป.6 เรียกว่า Orientation Stage ชั้นประถมต้นจะเรียน 3 วิชาหลัก คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาแม่ และคณิตศาสตร์ นอกจากนั้น จะมีวิชาดนตรี ศิลปหัตถกรรม หน้าที่พลเมือง สุขศึกษา สังคม และพลศึกษา
• เมื่อจบ ป.6 แล้วจะมีการสอบที่เรียกว่า Primary School Leaving Examination (PSLE) เพื่อเตรียมพร้อมเข้าเรียนในระดับมัธยมศึกษาต่อไป
• ส่วนการศึกษาในระดับมัธยมศึกษานั้น จะมี 3 หลักสูตรให้เลือกตามความสามารถ และความสนใจ โดยใช้เวลา 4-5 ปี
ขอบคุณข้อมูลการแบ่งระดับชั้นจากเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ : www.bic.moe.go.th/th/index.php?option=com_content&view=article&id=620&catid=61
ตัวอย่างโรงเรียนนานาชาติหลักสูตรสิงคโปร์ในประเทศไทย:
โรงเรียนนานาชาติแองโกล สิงคโปร์ (Anglo Singapore International School)
Singapore International School of Bangkok (SISB)
5. โรงเรียนนานาชาติหลักสูตร International Baccalaureate หรือ IB
จุดเด่นและหลักสูตรโดยทั่วไป:
• International Baccalaureate หรือ IB คือหลักสูตรการศึกษาสามระดับที่ได้รับการจัดตั้งโดย International Baccalaureate Organization (IBO)
• เกิดจากการนำระบบการศึกษาหลากหลายหลักสูตรจากทั่วโลกมาผสมผสานกัน
• ระบบ International Baccalaureate หรือ IB จะเน้นไปที่ความเป็นพหุวัฒนธรรม และความเป็นสากล ทำให้ ระบบนี้ได้รับการยอมรับในการรับเข้าศึกษาต่อจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วโลก
การแบ่งระดับชั้นและการวัดระดับ:
• หลักสูตร IB แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ Primary Years Programme (PYP) สำหรับนักเรียนอายุ 3-12 ปี
Middle Years Programme (MYP) สำหรับนักเรียนอายุ 11-16 ปี และ IB Diploma Programme (IBDP) สำหรับนักเรียนอายุระหว่าง 16-19 ปี
• มีรายวิชาในหลักสูตรทั้งหมด 6 วิชาด้วยกัน คือ ภาษาที่หนึ่ง ภาษาที่สอง สังคมศึกษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และศิลปะ รวมทั้งวิชาเลือกอื่น ๆ
• นอกจากนี้นักเรียนยังต้องผ่านวิชาและโครงงาน Extended essay (การเขียนเรียงความในเชิงวิจัย) Theory of knowledge (การเรียนรู้ด้านปรัชญา จริยธรรมประสาทสัมผัส ควบคู่ไปกับความรู้ทางวิชาการ) ด้วย
ตัวอย่างโรงเรียนนานาชาติหลักสูตร IB ในประเทศไทย
Magic Years International School (MYIS)
New International School of Thailand (NIST)
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ตารางเปรียบเทียบค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ
7 ปัจจัยที่สำคัญต่อพัฒนาการด้านภาษาของทารก
ระวัง! เลี้ยงลูกแบบไทย ๆ เสี่ยงเป็นโรค”คิดว่าตัวเองไม่เก่ง” (Imposter Syndrome)
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!