คนท้อง ท้องผูก ตั้งครรภ์ท้องผูกหนักมาก เบ่งอุจจาระไม่ออก แม่ท้องหลายคนเป็นอยู่ใช่ไหม ตั้งครรภ์แล้วท้องผูก โดยเฉพาะแม่ท้องไตรมาสสุดท้ายจะรู้สึกว่าท้องผูกบ่อยมาก เนื่องจากขนาดของมดลูกที่ใหญ่ขึ้นส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็มาจากชีวิตประจำวันของคุณแม่นั้นเอง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าแบบไหนท้องผูก ถ้าท้องผูกต้องทำอย่างไร กินยาระบายได้ไหม
ช่วงไตรมาสแรก เดือนที่ 1-3
ในช่วงที่คุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ที่มักจะประสบปัญหากับอาการแพ้ท้อง จนทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เมื่อยล้าง่าย รวมถึงอาการท้องผูก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น มีส่วนทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ผ่อนคลาย กลไกดังกล่าวไปส่งผลกระทบต่อการบีบตัวของลำไส้ลดลง ทำให้อาหารเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ช้าลง รวมถึงขนาดของมดลูกขยาย-หดรัดตัว และกดทับลำไส้ การเคลื่อนไหวของลำไส้จึงช้าลงเช่นกัน ทำให้ระบบการขับถ่ายเริ่มเปลี่ยนไปด้วย เช่น ขับถ่ายน้อยลง หรืออุจจาระมีลักษณะแข็ง เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาที่ตาม สำหรับคุณแม่ที่มีความเสี่ยงหลุดง่าย หรือคุณแม่ IVF ICSI เกิดความกังวลมากยิ่งขึ้น
ช่วงไตรมาสที่สอง เดือนที่ 4-6
ช่วงนี้มดลูกเริ่มขยายใหญ่มากขึ้น คุณแม่สามารถสังเกตเห็นหน้าท้องตัวเองที่เริ่มขยายจนเห็นได้ชัดมากกว่าในช่วง 3 เดือนแรก บางคนผิวเริ่มอาจแตกลายและมีอาการคัน อาการท้องผูกในช่วงนี้หากคุณแม่ปล่อยไว้ ไม่ดูแลสุขภาพ จะทำให้มีโอกาสเกิดภาวะริดสีดวงทวารเป็นไปได้ง่ายมาก
นอกจากนี้ ปัญหาที่ตามๆ มาในช่วงนี้ คุณแม่ๆ อาจทำอาหารน้อยลง ถ้าท้องผูกไม่อยากทานอะไร น้ำหนักไม่ตามเกณฑ์ ซึ่งอาจส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์อีกด้วย
ช่วงไตรมาสที่สาม เดือนที่ 7-9
อาการท้องผูกที่อาจเกิดขึ้นในช่วงใกล้คลอดนี้ เนื่องจากการขยายตัวของเส้นเลือดบริเวณทวารหนักไปกดทับมดลูกบนเส้นเลือดในช่องท้อง ขัดขวางการไหลเวียนของเส้นเลือดบริเวณทวารหนัก ทำให้เส้นเลือดโป่งพองออก ในระยะนี้แม่บางรายอาจมีอาการริดสีดวงขณะตั้งครรภ์ได้ ซึ่งบางคนที่ไม่มีอาการมากนัก อาจมีอาการคันที่ก้นเล็กน้อย แต่ถ้าหากมีอาการมากจะพบว่ามีก้อนปูดออกมา และมีอาการปวดร่วมด้วยตรงบริเวณก้น ระบมจนทำให้ไม่สามารถนั่งเก้าอี้ได้ เวลาที่ถ่ายอุจจาระครูดกับติ่งริดสีดวงอาจทำให้มีเลือดติดออกมาด้วย ดังนั้นแม้จะรู้สึกท้องผูกในช่วงนี้ คุณแม่อย่าพยายามที่จะใช้แรงเบ่งมากไปนะคะ เพราะจะทำให้เส้นเลือดบริเวณนี้ยิ่งโป่งพองมากขึ้น อาจทำให้มีเลือดออกได้
ปัญหาในช่วงนี้ สร้างความเจ็บปวด ให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ เพราะถ่ายยาก นั่งนานและเจ็บปวดจากริดสีดวงด้วย พาลกังวลว่าเบ่งแรงจนกลัวทำให้คลอดในห้องน้ำหรือไม่
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องท้องเสีย ปวดท้องบิด อาการแบบนี้ส่งผลต่อลูกในท้องหรือไม่
![คนท้อง ท้องผูก 1](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2018/08/constipation2.jpg?width=700&quality=10)
อึแบบไหนที่เรียกว่าท้องผูก ตั้งครรภ์แล้วท้องผูก เบ่งอุจจาระไม่ออก
- อึแข็ง ถ้าคุณแม่นานๆ ถ่าย อาจไม่ได้เรียกว่าท้องผูกเสมอไป แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเราผูกต้อง คำตอบคือดูจากหัวอุจจาระ หากหัวอุจจาระแข็งมาก เวลาเบ่งจะรู้สึกเจ็บ ขับถ่ายลำบากไม่คล่อง ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ จะทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารได้ค่ะ
- อึเป็นกระสุน ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณแม่ถ่ายอุจจาระแล้วรู้สึกว่ามันออกมาเหมือนกระสุน แสดงว่าคุณแม่ท้องผูกอย่างหนักทำให้มันไม่สามารถถ่ายออกมาเป็นก้อนได้ คุณแม่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน
โดยปกติแล้ว หากก่อนตั้งครรภ์มีระบบขับถ่ายปกติ มีการขับถ่ายทุกวัน แต่เมื่อตั้งครรภ์แล้วกลับไม่ถ่ายเกิน 3 วัน ก็ถือว่าเข้าข่ายอาการท้องผูกแล้ว
ทำไมคนท้องถึงท้องผูกบ่อยๆ ตั้งครรภ์ท้องผูก คนท้อง ท้องผูก
- ทานอาหารที่มีกากใยน้อย เช่น เลือกทานแต่ข้าว หรือขนมปังขาว
- ผลข้างเคียงของการทานวิตามินบางชนิด เช่น เหล็ก และแคลเซียม
- มีพฤติกรรมการขับถ่ายที่ไม่ถูกต้อง
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลต่อกระบวนการย่อยอาหารของคนท้อง
- มดลูกขยายตัวไปกดทับลำไส้ ทำให้การทำงานของลำไส้ช้าลง
- ความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้
- กลั้นอุจจาระ หากทำบ่อย ๆ จะทำให้ร่างกายเคยชินจนยอมไม่ขับถ่าย ซึ่งจะทำให้ลำไส้ดูดน้ำที่อยู่ในอุจจาระไปจนส่งผลให้อุจจาระมีลักษณะแข็ง และขับถ่ายลำบากมากขึ้นกว่าเดิม
![คนท้อง ท้องผูก ตั้งครรภ์ท้องผูกหนักมาก](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2018/08/%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B8%813.jpg?width=700&quality=10)
ตั้งครรภ์เบ่งอุจจาระ ลูกในท้องจะเป็นอันตรายไหม
คุณแม่ที่มีอาการท้องผูกแล้วต้องออกแรงเบ่งเพื่อถ่ายอุจจาระออกมา หากไม่มีเลือดออกมาทางช่องคลอดก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อลูกในท้องแต่อย่างใด แต่การออกแรงเบ่งอุจจาระแรง ๆ จะมีผลเสียกับคุณแม่เองมากกว่า เพราะอาจทำให้คุณแม่เป็นโรคริดสีดวงทวาร ซึ่งโดยปกติคนท้องเป็นง่ายอยู่แล้วด้วย ดังนั้น คุณแม่ต้องดูแลตัวเองพยายามรับประทานผัก และผลไม้ก็จะช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
วิธีลดอาการท้องผูกในคนท้อง ตั้งครรภ์แล้วท้องผูก
1. เพิ่มอาหารที่มีเส้นใย
เมื่อคุณแม่ท้องจำเป็นต้องเพิ่มอาหารที่มีเส้นใยมากขึ้น เพราะมันจะช่วยให้ขับถ่ายได้สะดวก เคลื่อนที่ได้ง่าย และทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มไม่แข็งด้วย ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวารของคนท้องได้เป็นอย่างดี อาหารที่มีเส้นใยมาก มีดังต่อไปนี้
- ผัก คนท้องควรกินผักให้ได้อย่างน้อยวันละ 200 – 300 กรัม และควรกินให้ได้ 3 มื้อถึงจะดีที่สุด ผักที่แนะนำ เช่น ผักโขม บรอกโคลี มะเขือเทศ พริกหยวก แครอท ใบชะพลู ใบขึ้นฉ่าย ใบยอ มะเขือพวง ใบตำลึง ใบกะเพรา ใบขี้เหล็ก ชะอม เป็นต้น
- ผลไม้ คุณแม่ควรกินผลไม้วันละ 2 – 3 ชนิด เช่น มะม่วงสุก องุ่น ส้ม เงาะ มังคุด แอปเปิล ฝรั่ง กล้วย มะละกอสุก มะพร้าว แตงโม สับปะรด ลูกพรุน เป็นต้น พยายามหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวาน ผลไม้แปรรูป
- ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ลูกเดือย ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต และธัญพืชไม่ขัดสี
2. ตั้งครรภ์ ท้องผูก ต้องดื่มน้ำมาก ๆ
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ร่างกายจะต้องการน้ำเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้ท้องผูกง่ายขึ้น ดังนั้น แม่ควรดื่มน้ำเปล่าให้ได้วันละ 8 – 10 แก้ว และนอกจากน้ำเปล่าแล้ว การดื่มน้ำผลไม้ก่อนนอน เช่น น้ำมะเขือเทศ น้ำแอปเปิล หรือน้ำลูกพรุน ก็จะช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
![ตั้งครรภ์ท้องผูกหนักมาก ตั้งครรภ์ท้องผูก](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2018/08/%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B8%814.jpg?width=700&quality=10)
3. เคี้ยวอาหารให้นานขึ้น
เวลาเคี้ยวอาหาร ควรเคี้ยวให้ละเอียด และช้าลงกว่าเดิม เพื่อช่วยให้กระเพาะอาหารไม่ทำงานหนักจนเกินไป และช่วยลดปัญหาอาการแน่นท้องด้วย
4. สร้างนิสัยที่ดี
หากเป็นไปได้คุณแม่ควรออกกำลังกายทุกวัน เวลาที่จะถ่ายอุจจาระไม่ควรนั่งเบ่งเป็นเวลานาน หากจะเบ่งก็อย่ารุนแรงจนเกินไป ที่สำหรับควรสร้างสุขลักษณะในการขับถ่ายที่ดี พยายามถ่ายทุกวันให้เป็นเวลาค่ะ
5. เลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดท้องผูก
เครื่องดื่มที่มักจะทำให้คุณแม่ท้องผูก ได้แก่ แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และน้ำอัดลม สำหรับคุณแม่ที่อยากทานอย่างอื่นนอกเหนือจากผักและผลไม้ ลองเปลี่ยนมารับประทานโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว เพราะทั้งสองสิ่งนี้ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายเช่นเดียวกัน แถมยังมีหลากหลายรสชาติให้คุณแม่ได้เลือกอีกด้วยค่ะ
นอกเหนือจากวิธีลดอาการท้องผูกทั้ง 5 ข้อที่แนะนำไปแล้ว ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดปัญหาท้องผูก หรือการขับถ่ายไม่เป็นปกติของคุณแม่ตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย
โดยผลิตภัณฑ์นี้ผลิตในญี่ปุ่น และสมาคมสุขภาพคนท้องในประเทศญี่ปุ่นก็แนะนำให้คนท้องทาน ตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 2011 (Japan Society of Maternal Health Journal Volume 52, Edition 3, 2011, P.135) โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวชื่อ แลคติส (Lactis) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกคิดค้นและพัฒนามาจากโรงงานโยเกิร์ตแห่งแรกในญี่ปุ่น ซึ่งมีอายุยาวนานถึง 100 ปี ทำมาจากธรรมชาติ ช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาระบบทางเดินอาหารและลำไส้ของคุณแม่ นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีผิวพรรณสดใส และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ดีอีกด้วย ส่งผลต่อสุขภาพของลูกในครรภ์ได้ดีอีกด้วยค่ะ
แม้ว่าการที่คุณแม่ต้องผูก และต้องเบ่งอุจจาระแรง ๆ จะไม่ได้เป็นอันตราายต่อทารกในครรภ์ หรือมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย แต่ก็เป็นปัญหาที่ทำร้ายสุขภาพของคุณแม่ได้ โดยเฉพาะหากปล่อยไว้จนกลายเป็นท้องผูกเรื้อรัง อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาในภายหลัง ดังนั้น คุณแม่ควรหมั่นดูแลสุขภาพตัวเอง และลองทำตามวิธีลดอาการท้องผูกตามที่ได้แนะนำไปในข้างต้น เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณแม่อย่างแน่นอนค่ะ
สำหรับคุณแม่ที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แลคติสมากขึ้น คลิกเลย!!
ถ้าหากคุณเป็นคุณแม่สายโซเชียล ชอบเล่น Facebook หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
มาร่วม join กรุ๊ป เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ต่างๆ ใน คลับแม่ผ่าคลอด (C Section Club) กันได้นะคะ
![คนท้อง ท้องผูก ถ้าต้องเบ่งอุจจาระแรงๆ ลูกในท้องจะเป็นอันตรายไหม](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2015/11/AW_Adding-Paragraph.jpg?width=700&quality=10)
เคลียร์ทุกข้อสงสัย เจาะลึกทุกประเด็นของคุณแม่ผ่าคลอด
ค้นหาคำตอบกันได้ที่ “คลับแม่ผ่าคลอด” คลิก!! https://bit.ly/32T4NsU
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
อาหารแก้ท้องผูกสําหรับคนท้อง ตั้งครรภ์ท้องผูก มีวิธีแก้ยังไงบ้าง
วิธีบํารุงคนท้อง คนท้องกินอะไรดี อาหารบํารุงครรภ์ ไตรมาสแรกจนไตรมาสสุดท้าย
จะรอให้ท้องลายกันทำไม? ป้องกันการแตกลายเมื่อตั้งครรภ์แต่เนิ่นๆด้วยวิธีนี้
ที่มา: paolohospital, mamastory
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!