คนท้องกินสับปะรดได้ไหม กินสับปะรดตอนท้องแล้วจะแท้งจริงหรือ อาจจะมีคุณแม่หลายคนที่ยังไม่รู้ว่าในช่วงเวลาที่เราตั้งท้องนั้นเราสามารถกินสับปะรดได้ไหม หรือถ้าเราเผลอกินเข้าไป จะเป็นอันตรายต่อลูกในท้องของเราหรือเปล่า แน่นอนว่าสับปะรดเป็นผลไม้ที่อร่อย และเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนส่วนใหญ่ชอบกินสับปะรด แต่สำหรับคุณแม่ท้อง คนท้องกินสับปะรดได้ไหม วันนี้เราจะช่วยคุณไขข้อสงสัยไปพร้อมกัน
คนท้องกินสับปะรดได้ไหม สับปะรดมีประโยชน์อย่างไร
โดยทั่วไปแล้ว การรับประทานสับปะรดระหว่างตั้งครรภ์ถือว่าปลอดภัยค่ะ คนท้องสามารถกินสับปะรดได้ นอกจากจะไม่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์แล้ว ต้องบอกว่าผลไม้อย่างสับปะรดเป็นผลไม้ที่ดีมีประโยชน์ เพราะสับปะรดเป็นผลไม้ที่มากด้วยคุณค่าทางโภชนาการและเต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารสำคัญหลากหลายชนิด ส่วนจะมีสารอาหารอะไรกันบ้างนั้น มาดูกัน
1. วิตามินบี 6
สำหรับใครที่มักกินสับปะรดเป็นประจำทุกวันอยู่แล้วต้องบอกว่าสิ่งที่เรากินเป็นประจำทุกวันนั้น มีวิตามินบี 6 เป็นส่วนประกอบด้วยนะ ซึ่งวิตามินตัวนี้จะช่วยในเรื่องของระบบหมุนเวียนของเลือดได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญไปกว่านั้นยังช่วยป้องกันโรคโลหิตจางให้เราอีกด้วย หรือคุณแม่คนไหนที่กำลังแพ้ท้อง ก็อาจจะกินสับปะรดเพื่อช่วยลดอาการแพ้ท้องได้เช่นกัน
2. โฟเลต
โฟเลต หรือ กรดโฟลิก ถือเป็นสารอาหารจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ การได้รับโฟเลตในปริมาณที่เพียงพอมีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง การพัฒนาสมองและไขสันหลังของทารกให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ โฟเลตยังมีส่วนช่วยในระบบไหลเวียนโลหิตของทารก รวมถึงสามารถลดความเสี่ยงของภาวะความผิดปกติที่ท่อประสาทของทารกได้อีกด้วย
3. วิตามินบี 1
วิตามินชนิดนี้จะช่วยในเรื่องของระบบประสาทและหัวใจ ซึ่งถ้าใครกินสับปะรดเข้าไป สิ่งนี้ก็จะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้ระบบประสาทและหัวใจทำได้ดีขึ้น แถมยังช่วยส่งเสริมทำให้ร่างกายเราแข็งแรงมากขึ้น แต่การกินสับปะรดในทุกครั้งเราก็อาจจะต้องอยู่ในความดูแลของคุณหมอด้วย เพราะไม่งั้นสิ่งที่มีประโยชน์ก็อาจจะส่งผลไม่ดีต่อร่างกายได้

4. วิตามินซี
ในสับปะรดนอกจากจะมีวิตามินที่ดีชนิดต่าง ๆ แล้ว ยังมีวิตามินซีที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกายเราได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นใครที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือมักจะเป็นหวัดอยู่บ่อย ๆ เราก็อาจจะกินสับปะรดเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เราเลือกกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ เชื่อเลยว่าร่างกายของเราจะต้องแข็งแรงขึ้นอย่างแน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิตามินซี ควรกินอย่างไร ให้ลูกรักได้ประโยชน์เต็มร้อย
5. ทองแดง
แร่ธาตุสำคัญชนิดนี้จะช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตาและเส้นผมให้กับเราได้ดีมาก ๆ รวมถึงช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายได้ดี หากใครที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้อยู่ เราก็อาจจะกินผลไม้อย่างสับปะรดแทนได้ หรือถ้าใครที่อยากจะสบายใจมากขึ้น เราก็อาจจะขอคำแนะนำจากคุณหมอก่อนกินได้เลย
6. แมงกานีส
มาต่อกันอีกข้อ ต้องบอกว่าสารอาหารชนิดนี้ เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ส่งผลดีต่อร่างกายของเราไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะในเรื่องของกระดูก เพราะเมื่อไหร่ที่ร่างกายของเราได้รับแร่ธาตุตัวนี้เข้าไป สิ่งนี้ก็จะเข้าไปด้วยส่งเสริมทำให้กระดูกของเราแข็งแรงมากขึ้นนั่นเอง
กินสับปะรดแล้วจะทำให้แท้งจริงไหม
ความเชื่อที่ว่าการทานสับปะรดมากๆ ในระหว่างตั้งครรภ์จะนำไปสู่การแท้งลูกนั้น ไม่เป็นความจริง และไม่มีผลการศึกษาที่มากเพียงพอจะรองรับความเชื่อดังกล่าว โดยสับปะรดมีสาร โบรมีเลน (bromelain) ซึ่งเป็นเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร และในบางครั้งอาจส่งผลให้ลำไส้เกิดการบีบตัวอย่างรุนแรง หรือทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ คุณแม่บางท่านอาจเข้าใจผิดว่าอาการปวดท้องดังกล่าวเกิดจากการบีบรัดตัวของมดลูก จนนำไปสู่ความกังวลเรื่องการแท้งลูก แต่ในความเป็นจริงแล้ว สับปะรดไม่มีผลกระทบต่อมดลูกหรือกระบวนการตั้งครรภ์โดยตรงค่ะ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังไม่มีผลการศึกษาที่แน่ชัด คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรบริโภคสับปะรดแต่พอประมาณ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงต่อทั้งตัวคุณแม่เองและลูกน้อยค่ะ

สรรพคุณของสับปะรดช่วยในเรื่องอะไรบ้าง
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าสับปะรดนั้น นอกจากความอร่อยและสารอาหารสำคัญที่เราได้รับแล้ว สับปะรดยังมีสรรพคุณต่าง ๆ อีกมากมายที่ช่วยป้องกันและส่งผลดีต่อร่างกายเราไม่น้อยเลยจริง ๆ ส่วนจะช่วยในเรื่องไหนกันบ้างนั้น มาดูกันเลย
1. ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี
สับปะรดนอกจากความอร่อยที่เราจะได้รับเข้าไปแล้วสิ่งนี้ยังช่วยส่งเสริมทำให้เลือดของเราไหลเวียนได้ดีอีกด้วย สำหรับใครที่มักจะเวียนหัวอยู่บ่อย ๆ หรืออยากให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น ก็อาจจะกินสับปะรดเข้ามาเสริมด้วยได้
2. ช่วยแก้อาการท้องผูก
เชื่อว่าคุณแม่หลายคนน่าจะกำลังพบเจอกับอาการท้องผูกกันอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะใครที่กำลังตั้งท้องอยู่ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า ในขณะตั้งครรภ์เราไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวร่างกาย หรือทำอะไรได้อย่างปกติเท่าไหร่ อาจจะไม่ค่อยได้เดินเล่น หรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย สิ่งนี้ก็เลยส่งผลให้เรามีอาการท้องผูกขึ้นมาได้ และถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ เราก็อาจจะกินสับปะรดเพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้เลย แต่อาจจะต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรมากจนเกินไป เพราะจากที่จะช่วยส่งเสริมก็อาจจะส่งผลไม่ดีต่อร่างกายในระยะยาวได้เลย
3. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีต่อร่างกาย
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการกินสับปะรดจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกายได้ด้วย แน่นอนว่าภายในสับปะรดนั้น มากด้วยสารอาหารและมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายเยอะมาก ๆ ดังนั้นถ้าคุณแม่คนไหนกำลังรู้สึกไม่สบาย หรือเจ็บป่วยง่าย การกินสับปะรดก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีจะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นได้เหมือนกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : สับปะรดช่วยเร่งคลอดจริงไหม ต้องกินเท่าไหร่ถึงช่วยเร่งคลอดได้?

4. ช่วยบรรเทาอาการร้อน
ด้วยสภาพอากาศบ้านเราที่ร้อนอบอ้าว จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่มักจะชอบกินอะไรที่มันเย็น ๆ หวาน ๆ ดังนั้นใครที่เป็นแบบนี้อยู่ จากทุกวันที่เรามักจะกินน้ำหวาน หรือของจำพวกชา กาแฟ หรือไอศกรีม เราก็อาจจะเปลี่ยนมากินเป็นผลไม้อย่างสับปะรดได้ เพราะสิ่งนี้นอกจากจะให้ความอร่อยกับเราแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ช่วยบรรเทาอาการร้อนและช่วยแก้การกระหายน้ำได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
5. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูงได้
สำหรับใครที่มีโรคประจำตัว หรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคโลหิตความดันสูง บางครั้งการที่เรากินยาอยู่บ่อย ๆ เป็นประจำมันก็อาจจะส่งผลไม่ดีต่อร่างกายเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นการเลือกกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ สิ่งนี้ก็อาจจะส่งผลทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง และไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ ได้เช่นกัน เพราะสับปะรดเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่จะช่วยรักษาโรคความดันโลหิตให้เราได้เป็นอย่างดี
ข้อควรระวังในการรับประทานสับปะรดขณะตั้งครรภ์
อย่างไรก็ตาม คนท้องกินสับปะรดก็มีข้อควรระวัง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดกับคุณแม่และลูกน้อย
- อาจรู้สึกไม่สบายท้อง การทานสับปะรดในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการอึดอัดหรือแน่นท้องได้ค่ะ
- เสี่ยงต่ออาการท้องเสีย หากรับประทานมากเกินพอดี หรือหากสับปะรดไม่ได้รับการล้างทำความสะอาดอย่างทั่วถึง อาจมีสิ่งสกปรกหรือการปนเปื้อน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการท้องเสียได้
- อาจเกิดอาการเสียดท้องหรือกรดไหลย้อน เนื่องจากสับปะรดมีฤทธิ์เป็นกรด การทานมากเกินไปอาจกระตุ้นให้เกิดอาการเสียดท้องหรือกรดไหลย้อนได้ค่ะ
- อันตรายสำหรับผู้แพ้ ในคุณแม่ที่มีอาการแพ้สับปะรด อาจเกิดอาการแพ้รุนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงหากทราบว่าตนเองแพ้ค่ะ
เมนูง่าย ๆ ที่ทำจากสับปะรด
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าสับปะรด นอกจากเราจะนิยมกินกันแบบสด ๆ แล้ว ก็ยังสามารถนำมาทำเป็นเมนูของหวาน และของคาวได้อีกด้วย และถ้าถามถึงความอร่อยต้องบอกเลยว่า แต่ละเมนูนั้นอร่อยและมีประโยชน์ไม่แพ้กันเลย ส่วนจะมีเมนูไหนกันบ้างนั้นมาดูกัน
1. ข้าวผัดสับปะรด

มากันที่เมนูแรกอย่างข้าวผัดสับปะรด เมนูนี้หลายคนอาจจะเคยคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้างแล้ว ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเมนูที่อร่อยและลงตัวมาก ๆ สำหรับคุณแม่คนไหนที่กำลังเบื่ออาหาร ไม่รู้จะทำอะไรกินดี จากที่เราทำข้าวผัดกินแบบธรรมดา เราก็อาจจะเพิ่มส่วนผสมที่อร่อยและมีประโยชน์มากขึ้น ด้วยการนำสับปะรดเข้ามาเป็นส่วนประกอบในเมนูนี้ด้วย ไม่แน่เมนูนี้อาจกลายเป็นเมนูโปรดของคุณได้เลย
ส่วนผสม
- ไข่ไก่ หรือไข่เป็ด
- กุ้งสด
- เนื้อไก่ หรือเนื้อหมู
- น้ำมันพืช
- เนื้อสับปะรดที่หั่นเป็นชิ้นแล้ว
- กระเทียม
- ข้าวหุงสุก
- หอมใหญ่
- ผักชีและต้นหอม
- ผงกะหรี่
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์
- ซอสปรุงรสต่าง ๆ
ขั้นตอนการทำ
1. ขั้นตอนแรกให้เราใส่น้ำมันพืชลงไปในปริมาณที่พอเหมาะ ลงไปในกระทะที่ตั้งเตาเรียบร้อยแล้ว เมื่อกระทะเริ่มเดือด จากนั้นให้ใส่ไข่ลงไปพร้อมกับนำกุ้งสด เนื้อไก่ หรือเนื้อหมูที่เราเตรียมไว้เข้าไปผัดด้วยจนสุก
2. เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเริ่มสุกได้ที่ให้เรานำกระเทียมลงไปผัดด้วยกันอีกครั้ง และนำวัตถุดิบต่าง ๆ ที่เหลือลงมาผัดด้วย ได้แก่ ข้าว สับปะรด ผงกะหรี่ หอมใหญ่ เป็นต้น พร้อมทำการผัดให้เข้ากัน พยายามอย่าทำให้ข้าวเป็นก้อน
3. จากนั้นก็ทำการปรุงรสตามชอบอร่อยในรสชาติที่ตัวเองชอบได้เลย
4. เมื่อทุกอย่างอร่อยลงตัวก็ทำการจัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลย
2. แกงเหลืองสับปะรด

อีกหนึ่งเมนูที่ดูน่าสนใจและน่าทำตามกันเป็นอย่างนั้นก็คือ เมนูแกงเหลืองสับปะรด เมนูนี้อาจเป็นเมนูที่ใครหลายคนน่าจะยังไม่เคยลองชิม รสชาติของเมนูนี้จะมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน เรียกได้ว่าอร่อยและลงตัวมาก ๆ และถ้าใครที่อยากให้เมนูนี้มากด้วยสารอาหารสำคัญ เราสามารถเลือกวัตถุดิบต่าง ๆ มาเพิ่มได้ตามความชอบ ซึ่งอาจจะเป็นเนื้อปลา เป็นต้น
ส่วนผสม
- สับปะรด
- น้ำตาล
- น้ำเปล่า
- น้ำพริกแกงส้ม
- เกลือ
- เนื้อปลา
- กะปิ
ขั้นตอนการทำ
1. อันดับแรกเลยเราจะต้องนำส่วนผสมที่เตรียมไว้ ได้แก่ สับปะรด เกลือ น้ำตาล กะปิ น้ำเปล่า น้ำพริกแกงส้ม ลงในภาชนะที่ตั้งเตาเรียบร้อยแล้ว คนให้เข้าจนเดือดประมาณ 15 นาที
2. เมื่อส่วนผสมเราได้ที่ จากนั้นก็ใส่เนื้อปลาลงไป พร้อมกับปรุงรสให้เรียบร้อย
3. เมื่อทุกอย่างอร่อยลงตัวแล้ว ก็ทำการตักใส่ถ้วยและรับประทานกันได้เลย
3. สลัดสับปะรด

เมนูนี้เป็นหนึ่งเมนูที่ทำตามได้ไม่ยาก และยังเป็นเมนูที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว และยิ่งช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกไปไหน อยู่บ้านก็ไม่รู้จะทำอะไรกินดี เมนูสลัดสับปะรดตอบโจทย์คุณได้เลย
ส่วนผสม
- สับปะรด
- ใบสะระแหน่
- ผักชนิดต่าง ๆ ตามความชอบ
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์
- น้ำมันสลัด
- น้ำผึ้ง
- พริกขี้หนู
- เกลือป่น
- หอมใหญ่สีแดง
- น้ำส้มสายชู
- พริกไทยบด
ขั้นตอนการทำ
1. สิ่งแรกเลยคือเราต้องทำการหั่นสับปะรดเป็นชิ้น ๆ พอคำ จากนั้นก็นำมาจัดใส่จานให้เรียบร้อย ต่อด้วยการนำเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และใบสะระแหน่มาโรยบริเวณรอบ ๆ จานให้ดูน่ารับประทาน
2. ให้นำส่วนผสมปรุงรสชนิดต่าง ๆ มาทำการคนให้เข้ากัน พร้อมกับทำการปรุงรสในรสชาติที่ตัวเองชอบ พอเสร็จเรียบร้อย ก็สามารถนำน้ำสลัดเหล่านี้มาโรยบนเนื้อสับปะรด และทำการเสิร์ฟได้เลยเช่นกัน
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องอยู่ ต้องบอกว่าผลไม้อย่างสับปะรดเป็นผลไม้ที่ดีมีประโยชน์ คนท้องสามารถกินสับปะรดได้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็อาจจะต้องควบคุมการกิน หรืออาจจะต้องปรึกษาคุณหมอด้วย ว่าเราสามารถกินได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเมื่อไหร่ที่เรากินตามใจตัวเองและกินในปริมาณที่มากจนเกินไป ก็อาจจะส่งผลกระทบทั้งต่อเราและลูกในท้อง หากคุณแม่อยากกินสับปะรด ก็สามารถกินได้ในปริมาณที่เหมาะสม เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ลูกในครรภ์ปลอดภัยแล้วค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
หญ้าฝรั่น คนท้องกินได้หรือเปล่า ให้ประโยชน์อะไรต่อสุขภาพบ้าง
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างตั้งครรภ์ อะไรบ้างที่คนท้องไม่ควรกิน
ผลไม้อบแห้ง คนท้องกินได้ไหม? มีประโยชน์เท่ากับผลไม้สดหรือไม่?
ที่มา : โรงพยาบาลพญาไท , medthai, pobpad
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!