ลูกในท้องโตแค่ไหนในแต่ละเดือน คุณแม่ท้องสงสัยมั๊ยเอ่ยว่า ลูกในท้องแต่ละเดือน จะมีขนาดแค่ไหน โตขึ้นเท่าไหร่ และน้ำหนักแบบไหน ขนาดเท่าไหร่ที่ถือว่าผิดปกติ ท้อง 2 เดือน ท้องใหญ่แค่ไหน อย่ารอช้าไปเช็คขนาดของลูกเดือน ต่อเดือนกันเลย
ลูกในท้องโตแค่ไหนในแต่ละเดือน
- เดือนที่ 1 ท้อง 1 เดือนใหญ่แค่ไหน ในช่วงนี้ทารกในครรภ์ยังเป็นตัวอ่อนงอกติดอยู่ในโพรงมดลูกจากเพียง 1 เซลล์ เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 150 เซลล์ภายใน 7 วัน อายุ 5 สัปดาห์ จะมีลำตัวยาว 7 มิลลิเมตร หรือมีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว
- เดือนที่ 2 ท้อง 2 เดือนท้องใหญ่แค่ไหน เริ่มมีรูปร่างชัดเจนขึ้นแล้วค่ะ โดยส่วนหัวจะโตกว่าส่วนอื่น ๆ อย่างชัดเจน มีรูปหน้า มีมือและเท้า เริ่มงอกออกมา หากอัลตราซาวด์ในช่วงปลายเดือน จะเริ่มเห็นการเคลื่อนไหวและจับอัตราการเต้นของหัวใจได้
- เดือนที่ 3 ในช่วงเดือนที่ 3 นี้ รูปร่างของทารกจะเริ่มมีลักษณะคล้ายมนุษย์มากขึ้นแล้วค่ะ ตัวของเจ้าหนูจะลอยอยู่ในน้ำคร่ำที่จะช่วยปกป้องทารกไม่ให้ได้รับความกระทบกระเทือนต่าง ๆ เริ่มมีนิ้วมือและนิ้วเท้า หัวใจจะเป็นรูปเป็นร่างทำงานเต็มที่ อวัยวะเพศเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่าง แต่จะยังไม่สามารถแยกเพศได้นะคะ พอทารกอายุได้ 12 สัปดาห์ จะมีน้ำหนัก 14 กรัม และมีขนาดลำตัวยาว 3 นิ้ว
- เดือนที่ 4 อวัยวะของทารกเริ่มเป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์มากขึ้น แต่ตัวยังผอมอยู่เพราะไม่มีชั้นไขมัน อวัยวะต่าง ๆ เริ่มสมบูรณ์มากขึ้น ผิวบางจนมองเห็นเส้นเลือดได้ รกมีขนาดโตมากขึ้น มีจำนวนเส้นประสาทและกล้ามเนื้อมากขึ้น สามารถเตะ งอนิ้วมือนิ้วเท้า กลอกตาได้อวัยวะเพศพัฒนามากขึ้นจนสามารถบอกได้ว่าเป็นเพศใด
- เดือนที่ 5 ท้อง5เดือนใหญ่แค่ไหน ตอนนี้ทารกน้อยมีขนาดลำตัวยาว ประมาณ 9 นิ้ว ร่างกายจะผลิตสารสีขาวข้น เรียกว่า เวอร์นิกซ์ มาเคลือบเพื่อปกป้องผิวตอนนี้เส้นผม คิ้ว ขนตาของหนูเริ่มงอกแล้วนะ มีการพัฒนาระบบประสาทสัมผัส คือ รับรู้รส ได้กลิ่น ได้ยินเสียง แต่ดวงตายังปิดอยู่ แต่สามารถรับรู้แสงสว่างจ้าได้ ในช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นพูดคุยกับลูกในท้อง ให้ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือให้ฟังจะดีต่อพัฒนาการของทารกอย่างมากค่ะ เจ้าหนูเริ่มเคลื่อนไหวบิดตัว เตะขา โก่งตัว ขยับตัว ซึ่งแม่จะรู้สึกได้ชัดเจนขึ้นและเจ้าตัวน้อยเริ่มถ่ายปัสสาวะลงสู่น้ำคร่ำได้แล้วนะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 เข็มขัดพยุงครรภ์ ยี่ห้อไหนดี เลคกิ้งคนท้อง น่าใช้งานมากที่สุด
- เดือนที่ 6 การพัฒนาทางร่างกาย จะช้าลงเล็กน้อยเพื่อให้อวัยวะภายใน ได้แก่ ปอด ระบบการย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกันได้พัฒนาอย่างเต็มที่ ในช่วงนี้ทารกจะเริ่มมีเนื้อหนังมากขึ้น เพราะมีไขมันมาสะสมใต้ชั้นผิวหนัง ในช่วงนี้ทารกจะได้ยินเสียงหัวใจของแม่ เสียงพูด เสียงดนตรีชัดเจนและสามารถตอบสนองด้วยการขยับตัวหรือดิ้นตอบ พอเข้าสู่สัปดาห์ที่ 26 ลูกจะเริ่มจำเสียงคุณแม่ได้
- เดือนที่ 7 ตอนนี้เจ้าตัวน้อยในท้องคุณแม่เติบโตขึ้นมากเลยนะคะ เปลือกตาเริ่มเปิด นัยน์ตาพัฒนาไปมากจนสามารถมองเห็นแสงผ่านทางหน้าท้องแม่ได้ ต่อมรับรสพัฒนาได้มาก อวัยวะสำคัญ ๆในร่างกายทำงานได้ค่อนข้างสมบูรณ์ เพียงแต่ปอดยังไม่พัฒนาเต็มที่เท่าที่ควร หากทารกคลอดออกมาในช่วงเดือนนี้หรือที่เรียกว่าคลอดก่อนกำหนดจะมีโอกาสรอดชีวิตสูง
- เดือนที่ 8 ทารกจะมีขนาดใหญ่ขึ้น โตขึ้นจนแน่นท้องคุณแม่แล้วค่ะ เฉลี่ยน้ำหนักตัวจะเพิ่มเป็น 2 – 3 เท่า การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ทำงานประสานกันได้ดีขึ้น และอาจจะนอนอยู่ในท่ากลับหัวพร้อมจะคลอด ทารกจะขยับตัวได้น้อยลงเพราะพื้นที่ในท้องแคบลง น้ำดีและน้ำคร่ำที่ทารกกลืนเข้าไปจะสะสมอยู่ในลำไส้ของทารกไปจนถึงคลอด และจะถ่ายของเสียนี้ออกมาเมื่อคลอด หรือที่เรารู้จักกันคือ ขี้เทา ในช่วงนี้คุณแม่อาจจะมีอาการเจ็บเตือนเนื่องจากมดลูกบีบตัวเกิดขึ้นได้ แต่เป็นการเจ็บท้องหลอกหรือเพื่อให้คุณแม่รู้ว่าหนูพร้อมจะคลอดออกมาแล้วค่ะ
- เดือนที่ 9 พัฒนาการของทารกในช่วงนี้จะสมบูรณ์มากขึ้นเฉลี่ยน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม มีชั้นไขมันหนา ปอดทำงานได้ดีขึ้น ท่านอนของทารกจะอยู่ในท่ากลับหัวกดปากมดลูกไว้เตรียมพร้อมคลอด ซึ่งคุณแม่อาจจะคลอดช่วงไหนก็ได้นะคะในช่วงเดือนที่ 9
บทความที่เกี่ยวข้อง : ความฉลาดของลูกมาจากไหน กินอะไรให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง
แม่ท้องควรกินอะไรให้ลูกในท้องฉลาดสุขภาพดี
สารอาหารเป็นหัวใจหลักที่แม่ท้องต้องรับส่งให้ลูกในท้องเพื่อสร้างความฉลาดให้ลูกตั้งแต่แรกเกิด แหล่งอาหารสำคัญที่แม่ควรกินในระหว่างตั้งครรภ์ ได้แก่
ที่มาจากปลาทะเล อาหารทะเลต่าง ๆ โดยมีผลการศึกษาวิจัยพบว่า ยิ่งคุณแม่ตั้งครรภ์รับประทานปลามากในช่วง 2 ไตรมาสแรก ทารกในครรภ์ก็จะยิ่งมีพัฒนาการด้านสติปัญญาสูงมากขึ้น
ที่มาจากในไข่แดง ตับ ผักใบเขียวเข้ม แครอท แคนตาลูป ฟักทอง อะโวคาโด ฯลฯ ช่วยสร้างเซลล์สมอง ระบบประสาท และไขสันหลังให้ทารกในครรภ์
ที่มาจากเนื้อแดง ตับ ไข่แดง ถั่วต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช เป็นต้น กินเป็นประจำก็จะส่งผลให้ลูกพัฒนาการดีมีไอคิวที่ดีตามไปด้วย
ที่มาจากอาหารทะเลทุกชนิด ดีต่อพัฒนาการทางสมอง ระบบประสาท และความจำของทารกในครรภ์
-
โปรตีน
ที่มาจากอาหารประเภทเนื้อสัตว์ทุกชนิดและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ รวมถึงในผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมองลูกน้อย
-
คาร์โบไฮเดรต
ที่มีมากใน ข้าว ธัญพืช เผือก มัน ข้าวโพด ฯลฯ เป็นอาหารที่จำเป็นต่อสมองของลูกในครรภ์เช่นกัน
-
ขนมปังโฮลวีต และข้าวซ้อมมือ
ให้สารอะเซทิลโคลีน ที่ช่วยในการทำงานของระบบประสาทให้เชื่อมโยงกับเซลล์สมองเพื่อทำหน้าที่ส่งข้อมูลได้รวดเร็ว ส่งผลระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดีตามไปด้วย
-
น้ำ
เป็นส่วนประกอบสำคัญของสมองและช่วยหล่อเลี้ยงเซลล์ในสมอง การกินน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ช่วยทำให้ลูกน้อยในท้องมีพัฒนาการทางสมองที่สมวัย
-
วิตามินต่าง ๆ
ทั้ง บี1 บี2 บี6 บี12 ซึ่งแหล่งอาหารที่มีวิตามินทั้งหลายจะมาจากพวก ผัก นม ไข่แดง ปลา ถั่ว โยเกิร์ต ชีส ตับ ข้าวโอ๊ต เนื้อสัตว์ ซึ่งสิ่งจำเป็นอย่างมากในเรื่องของการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมอง ระบบประสาท ของทารกในครรภ์ ช่วยให้มีความจำที่ดี นอกจากนี้ยังรวมถึงการได้รับวิตามินอื่น ๆ เช่น วิตามินซี อี ดี ด้วย
-
ผักและผลไม้
ที่ช่วยป้องกันเนื้อเยื่อสมองของลูกไม่ให้เสียหายหรือถูกทำลายได้
อ้างอิง : www.parents.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เพลงกล่อมลูกในท้อง ให้ลูกในท้องหลับสบาย คลอดออกมาเป็นเด็กฉลาด
100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 61 การเสริมพัฒนาการในครรภ์ เริ่มต้นที่ 27 สัปดาห์
ของบำรุงคนท้อง สำหรับแม่ท้อง 6 เดือน ดูแลลูกในครรภ์ยังไง?