TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • TAP Awards 2025
  • อยากท้อง
  • แม่ท้อง แม่ให้นม
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการเเม่ท้อง
    • โภชนาการแม่ให้นม
    • ตั้งชื่อลูก
    • พัฒนาการสมอง
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
    • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
    • TAPpedia
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ไลฟ์สไตล์
    • ที่เที่ยว
    • ที่กิน
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • VIP

จริงหรือไม่ ? ที่คนท้องควรให้ลูกฟังเพลง ดนตรีช่วยพัฒนาสมองลูก ตั้งแต่ในครรภ์

บทความ 5 นาที
จริงหรือไม่ ? ที่คนท้องควรให้ลูกฟังเพลง ดนตรีช่วยพัฒนาสมองลูก ตั้งแต่ในครรภ์

ไขข้อสงสัย ตอบคำถามที่คุณแม่อาจไม่เคยทราบมาก่อน จริงหรือไม่ ? ที่คนท้องควรให้ลูกฟังเพลง ดนตรีช่วยพัฒนาสมองลูก ตั้งแต่ในครรภ์ จริงหรือเปล่า ในวันนี้ เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

 

จริงหรือไม่ ? ดนตรีช่วยพัฒนาสมองลูก ตั้งแต่ในครรภ์

ในขณะตั้งครรภ์ เมื่อคุณแม่ฟังเพลง เปิดเพลงให้ลูกในท้องได้ฟังผ่านทางผิวหน้าท้อง การใช้เสียงกระตุ้นจะทำให้เครือข่ายใยประสาทที่ทำงานเกี่ยวกับการได้ยินของลูกมีพัฒนาการดีขึ้น ทำให้ทารกที่คลอดออกมา มีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง จดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดี และส่งผลต่ออารมณ์ดีของเจ้าตัวน้อยด้วย

รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์  ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา  คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึง ดนตรีต่อการพัฒนาสมองทารกในครรภ์ ดังนี้

  1. ระบบประสาทการรับฟังของลูกน้อยในครรภ์จะเริ่มทำงานตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน การใช้เสียงดนตรีกระตุ้นจะทำให้เครือข่ายใยประสาทที่ทำงานเกี่ยวกับการได้ยินของลูกมีพัฒนาการดีขึ้น
  2. เสียงที่ดีที่ควรใช้ในการกระตุ้น คือ เสียงเพลงหรือเสียงดนตรีโดยเฉพาะเพลงที่มีความไพเราะและคุณแม่ชอบฟัง ไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงหรือดนตรีคลาสสิกก็ได้
  3. เวลาคุณแม่ฟังดนตรี ควรจะเปิดเสียงเพลงหรือเสียงดนตรี ให้อยู่ห่างจากหน้าท้องประมาณ 1 ฟุต และเปิดเสียงดังพอประมาณเพื่อลูกในครรภ์จะได้ฟังเสียงเพลงไปด้วย
  4. การที่ลูกในครรภ์ได้รับฟังเสียงดนตรี  คลื่นเสียงจะไปกระตุ้นให้ระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยิน มีการพัฒนาระบบการทำงานได้เร็วขึ้น ทำให้เมื่อลูกคลอดออกมา มีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง รู้สึกผ่อนคลาย และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดี
  5. เพลงสามารถกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์ ได้แก่  กระตุ้นการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ เมื่อลูกได้ยินเสียงเพลง ได้ยินจังหวะของเพลงเขาจะขยับตัวหรือดิ้นไปตามเสียงเพลง เช่น ถ้าเป็นเพลงช้าฟังสบาย เขาจะขยับตัวช้า ๆ เหมือนกำลังว่ายน้ำอยู่ในท้องแม่อย่างสบายใจ   หากเพลงมีจังหวะเร็วเขาอาจจะขยับตัวบ่อยหรือดิ้นแรงขึ้นเหมือนเต้นตาม  ซึ่งการขยับตัวของทารกในครรภ์ตามเสียงเพลงหรือเสียงที่ได้ยินก็เป็นสัญญาณบอกถึงพัฒนาการทารกในครรภ์ที่ยอดเยี่ยม

 

ดนตรีช่วยพัฒนาสมองลูก

 

วิธีการฟังเพลงอย่างไรให้สมองลูกพัฒนาตั้งแต่ในครรภ์

  • เพลงสำหรับทารกในครรภ์

ควรเป็นเพลงฟังสบาย จะเป็นเพลงช้าหรือเร็วก็ได้ หรือแม้แต่เพลงร็อกก็ฟังได้ และเน้นให้ลูกได้ยินเสียงและรู้สึกถึงจังหวะเพื่อไปกระตุ้นพัฒนาการทางการได้ยิน การเคลื่อนไหวในท้อง และความรู้สึกผ่อนคลายในท้องแม่เป็นหลัก

 

  • ควรใช้หูฟังแบบครอบศีรษะ หรือหูฟังเพลงสำหรับทารกในครรภ์

เพราะเสียงดนตรีและจังหวะของดนตรีจะดังไปถึงลูกในท้องได้ดี หูฟังชนิดใส่ในรูหูจะมีความดังไม่มากพอให้ลูกในท้องได้ยินเสียงเพลง

 

  • ไม่ควรเปิดเสียงดนตรีดังเกินไป

เพราะลูกในท้องอาจตกใจและดิ้นแรงกว่าปกติได้ ระดับเสียงที่พอดีอาจวัดจากคุณแม่ลองใส่หูฟังฟังเองก่อน แล้วปรับความดังในระดับที่เหมาะสม

 

  • คุณแม่สามารถให้ลูกในท้องฟังดนตรีได้ ตั้งแต่รู้ว่าท้อง

ทำให้แม่เกิดความสบายใจ ผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านอารมณ์ของทารกต่อไป

 

  • คุณแม่ควรเปิดเพลงให้ทารกฟังในช่วงบ่าย

เพราะช่วงเวลาที่ที่ทารกตื่นตัวดีจะเป็นช่วงบ่ายเป็นต้นไป ควรใช้เวลาในการฟังเพลงประมาณ 1 ชั่วโมง/วัน จะส่งผลต่อการพัฒนาสมองและพัฒนาการด้านอื่น ๆ ของทารกในครรภ์ได้อย่างดี

บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 เพลงเด็กเสริมพัฒนาการ น่าฟัง ได้ประโยชน์และได้ความรู้ ปี 2023

 

 

แม่ท้องฟังเพลง ดีต่อลูกในท้องยังไง

คุณแม่สามารถเปิดเพลงฟังได้เรื่อย ๆ ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ เพื่อช่วยผ่อนคลายอารมณ์ของคุณแม่ไม่ให้หงุดหงิด เบื่อ หรือเกิดภาวะซึมเศร้าเอาได้ง่าย ๆ และสำหรับลูกน้อยในครรภ์ ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปิดเพลงให้ลูกฟัง คือ อายุครรภ์ตั้งแต่ 5 เดือนเป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงที่พัฒนาการด้านระบบประสาทการรับฟังของทารกในครรภ์เริ่มก่อตัวขึ้นมาแล้ว ซึ่งการกระตุ้นโดยการเปิดเพลงให้ลูกได้ฟัง จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้คุณแม่สามารถรับรู้ได้ว่าลูกในท้องตื่นตัวหลังจากได้ฟังเพลงหรือไม่ โดยสังเกตจากการดิ้นของลูกได้

 

ดนตรีช่วยพัฒนาสมองลูก

 

เปิดเพลงแบบไหนให้ลูกฟังแล้วฉลาด

เพลงที่ดีสำหรับพัฒนาการของลูกน้อยนั้นเป็นเพลงอะไรก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงคลาสสิกแต่อย่างเดียว อาจจะเป็นเพลงที่คุณแม่ชอบ แบบทำนองเพลงที่ช้า ๆ เบา ๆ หรือเป็นเพลงที่มีดนตรีประพันธ์ขึ้นให้มีจังหวะ ทำนอง และความกลมกลืนของเสียง ดนตรีบรรเลง มิวสิกบ็อกซ์ ฯลฯ ซึ่งเมื่อลูกได้ฟังเพลง คลื่นเสียงจะไปกระตุ้นระบบประสาทการได้ยินให้มีการพัฒนาได้เร็วขึ้น มีส่วนช่วยในการจัดลำดับความคิดในสมองส่วน Spatial Temporal ซึ่งระบบความคิดเหล่านี้ จะมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ของลูกน้อยในอนาคต

เวลาเปิดเพลงให้ลูกฟังควรให้เสียงเพลงอยู่ห่างจากหน้าท้องประมาณ 1 ฟุต หรือใช้หูฟังชนิดครอบอันใหญ่ เปิดเสียงดังพอประมาณนะคะ เลือกเปิดเพลงให้ลูกในครรภ์ฟังในช่วงเวลาเย็น ๆ เพราะเป็นช่วงที่หนูน้อยจะตื่นตัว ให้ลูกได้ฟังวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที เท่านี้ก็จะช่วยทำให้อารมณ์ของทั้งแม่และลูกผ่อนคลาย อารมณ์ดีไปพร้อม ๆ กัน

และเมื่อลูกน้อยได้ฟังเพลงตั้งแต่ในครรภ์ ยังมีแนวโน้มที่ลูกออกมาจะเป็นเด็กอารมณ์ดีเลี้ยงง่ายด้วย ทั้งนี้ กิจกรรมฟังเพลง การเปิดเพลงให้ลูกในท้องได้ฟัง ยังมีส่วนช่วยเชื่อมโยงสัมพันธภาพ ความผูกพัน ความรักระหว่างแม่-ลูกได้ดีก่อนที่จะพบหน้ากันด้วยนะคะ บางวันหากคุณแม่เลือกเพลงไม่ถูก ลองใช้เสียงของตัวเองร้องเพลงให้ลูกฟัง เพื่อให้ลูกคุ้นเคยกับเสียงของคุณแม่ก็เป็นเรื่องที่ดีด้วยเช่นกัน

 

ส่งท้าย คุณหมอฝากบอก

ดนตรีที่แม่ท้องเปิดให้ทารกในครรภ์ฟังนั้น  ไม่จำเป็นต้องเป็นดนตรีคลาสสิกของต่างประเทศแต่อย่างใด เป็นดนตรีไพเราะที่คุณแม่ชอบฟัง เพลงไทย  เพลงพื้นบ้าน ก็ได้  ที่สำคัญดนตรีคลาสสิกไม่ได้ช่วยให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง  เพราะความฉลาดมีปัจจัยหลักมาจากพันธุกรรมของพ่อแม่  สภาพแวดล้อมในการเรียนรู้  การส่งเสริม และอาหาร แต่การให้ทารกในครรภ์ฟังเพลงจะเป็นการทำให้ลูกผ่อนคลาย กระตุ้นพัฒนาการทางด้านระบบประสาท  ระบบการได้ยิน และพัฒนาการทางร่างกายตั้งแต่ในท้องด้วยการขยับตัว และดิ้นไปมาตามจังหวะเพลงที่ร็อกได้ยิน  ซึ่งเมื่อคลอดออกมา เขาจะมีความพร้อมทั้งทางร่างกายและอารมณ์ที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวด้วยความคล่องแคล่ว คล่องตัว และอารมณ์ดี

 

โดยสรุปแล้ว คุณแม่จะเห็นได้ว่า ประโยชน์ของการให้ทารกได้ฟังดนตรีตั้งแต่ในครรภ์  ดีต่อ พัฒนาการสมอง และ พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว ดังนั้น คุณแม่ห้ามพลาดโอกาสสำคัญที่จะส่งเสริมพัฒนาการลูกตั้งแต่ในท้องนะคะ!

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

“Lullaby for Mom” บทเพลงที่คุณแม่เท่านั้น จะเข้าใจ

การฟังเพลงระหว่างอ่านหนังสือช่วยให้ลูกฉลาดขึ้น

แนะนำ 10 เครื่องฟังเสียงหัวใจทารก ใช้งานง่าย ฟังเสียงลูกน้อยได้เองที่บ้าน !

ที่มา : huggies, med.cmu

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
ddc-calendar
เตรียมความพร้อมสำหรับลูกน้อย โดยใส่วันครบกำหนดคลอดของคุณ
หรือ
คำนวณวันครบกำหนดคลอด
img
บทความโดย

มิ่งขวัญ ลิรุจประภากร

  • หน้าแรก
  • /
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • /
  • จริงหรือไม่ ? ที่คนท้องควรให้ลูกฟังเพลง ดนตรีช่วยพัฒนาสมองลูก ตั้งแต่ในครรภ์
แชร์ :
  • เปิดผลวิจัยล่าสุด! แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เพิ่มความเสี่ยงลูกเป็นออทิสติก

    เปิดผลวิจัยล่าสุด! แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เพิ่มความเสี่ยงลูกเป็นออทิสติก

  • รู้หรือไม่? พ่อดื่มก่อนตั้งครรภ์ อาจเพิ่มความเสี่ยง ทารกหัวใจพิการแต่กำเนิด

    รู้หรือไม่? พ่อดื่มก่อนตั้งครรภ์ อาจเพิ่มความเสี่ยง ทารกหัวใจพิการแต่กำเนิด

  • อาการก่อนเมนส์มา กับ ท้อง ต่างกันอย่างไร เทียบวิธีสังเกตให้เห็นชัด ๆ

    อาการก่อนเมนส์มา กับ ท้อง ต่างกันอย่างไร เทียบวิธีสังเกตให้เห็นชัด ๆ

  • เปิดผลวิจัยล่าสุด! แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เพิ่มความเสี่ยงลูกเป็นออทิสติก

    เปิดผลวิจัยล่าสุด! แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เพิ่มความเสี่ยงลูกเป็นออทิสติก

  • รู้หรือไม่? พ่อดื่มก่อนตั้งครรภ์ อาจเพิ่มความเสี่ยง ทารกหัวใจพิการแต่กำเนิด

    รู้หรือไม่? พ่อดื่มก่อนตั้งครรภ์ อาจเพิ่มความเสี่ยง ทารกหัวใจพิการแต่กำเนิด

  • อาการก่อนเมนส์มา กับ ท้อง ต่างกันอย่างไร เทียบวิธีสังเกตให้เห็นชัด ๆ

    อาการก่อนเมนส์มา กับ ท้อง ต่างกันอย่างไร เทียบวิธีสังเกตให้เห็นชัด ๆ

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว