“ผ่าคลอด” แล้ว เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน อันตรายไหม มีวิธีดูแลรักษายังไง

อาการ เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน อาจเป็นเพราะภาวะแผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุและมีหลากหลายวิธีในการดูแลป้องกัน ตามมาดูกันเลย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ในปัจจุบันคุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนมักเลือกคลอดลูกน้อยด้วยวิธี “ผ่าคลอด” เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และทารก แต่การผ่าตัดผ่าคลอดก็มาพร้อมกับการพักฟื้นและต้องดูแลแผลผ่าคลอดมากเป็นพิเศษ คุณแม่บางคนแผลหายดี หายไว ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกเจ็บแผลเป็นระยะ นอกจากนี้ยังมีบางกรณีที่ ผ่าคลอดแล้ว เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน คุณแม่จึงกังวลว่า อันตรายไหม ผิดปกติหรือเปล่า แล้วจะมีวิธีดูแลรักษาอาการเจ็บแผลผ่าตัดข้างในอย่างไร เรามาทำความเข้าใจไปพร้อมกันค่ะ

ผ่าคลอดมีกี่แบบ

การผ่าคลอด (Cesarean section) คือ การผ่าตัดเปิดช่องท้องและผนังมดลูกของคุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อนำทารกออกจากถุงน้ำคร่ำ ก่อนนำรกออกจากครรภ์ให้หมดแล้วจึงเย็บปิดมดลูกและหน้าท้อง โดยจะใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ รูปแบบของการผ่าคลอดโดยทั่วไปจะมี 2 แบบ ซึ่งลักษะแผลผ่าคลอดจะแตกต่างกัน ได้แก่

1 การผ่าคลอดแนวขวางที่มดลูกส่วนล่าง (Tranverse) 

การผ่าคลอดแนวขวางจะมีลักษณะแผลผ่าคลอดของการผ่าตัดแบบนี้คือ จะมีบาดแผลแนวยาวตามรอยพับของหน้าท้องส่วนล่าง เวลาคุณแม่ขยับตัวจึงเจ็บแผลไม่มาก แผลเป็นที่อาจเกิดขึ้นก็จะมีขนาดเล็กและมองเห็นได้ยากด้วย จึงได้รับความนิยมมากกว่าการผ่าตัดในแนวตั้ง

2 การผ่าคลอดในแนวตั้งที่มดลูกส่วนล่าง (Vertical Midline incision)

แน่นอนว่าการผ่าคลอดแนวตั้งจะมีรอยแผลยาวตามแนวตั้งของหน้าท้องส่วนล่าง นั่นส่งผลให้คุณแม่อาจรู้สึกขยับตัวทำบาก เจ็บแผลมากกว่า ฟื้นตัวได้ช้ากว่า รวมถึงจะมีแผลเป็นมากกว่าการผ่าคลอดแนวขวาง

ลักษณะปกติของแผลผ่าคลอด นานเท่าไรถึงหายเจ็บแผล

ปกติแล้วแผลผ่าคลอดจะถูกเย็บปิดสนิทอยู่ใต้สะดือ โดยจะมีความยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร (4-6 นิ้ว) ซึ่งในสัปดาห์แรกหลังจากผ่าคลอด ผิวชั้นนอกของแผลจะเริ่มติดกัน จากนั้นแผลจึงจะปิดสนิทและเปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วงอยู่นานประมาณ 6 เดือน ก่อนค่อย ๆ จางลงเป็นสีขาวและเรียบขึ้น อย่างไรก็ตาม แผลผ่าตัดบริเวณส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อท้องและมดลูกอาจใช้เวลานานหลายเดือนจึงจะหายดี ซึ่งคุณแม่ผ่าคลอดควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดในการดูแลสุขภาพร่างกายและรอยแผล เพื่อลดความเสี่ยงเกิดรอยแผลเป็นนูน หรือ “คีลอยด์” และการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อันรวมไปถึงแผลติดเชื้อด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

“ผ่าคลอด” แล้ว เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน เกิดจากอะไร อันตรายไหม

การผ่าคลอดถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ ดังนั้น หากคุณแม่จะรู้สึกเจ็บปวดหลังการผ่าตัดจึงเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณแผลผ่าตัดทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งสาเหตุของการ เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน เกิดได้หลายอย่าง อาทิ

  • การหดตัวของมดลูก ซึ่งช่วงหลังคลอดมดลูกจะหดตัวเพื่อกลับสู่สภาพเดิม จนอาจทำให้รู้สึกเจ็บที่แผลและบริเวณโดยรอบได้
  • การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ ในระหว่างการผ่าตัด อาจมีเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ บาดเจ็บ ซึ่งอาจทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บแผลผ่าตัดข้างในได้เช่นกัน
  • การอักเสบ แผลผ่าคลอดอาจมีการอักเสบเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติค่ะ อย่างไรก็ตาม เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหา แผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน โดยอาจมีสาเหตุจากการติดเชื้อ แผลถูกกระทบกระเทือน มีพฤติกรรมเสี่ยง หรือมีปัญหาสุขภาพที่ก่อให้เกิดการอักเสบของแผลบริเวณด้านในมดลูก

 

เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน สัญญาณที่บอกว่าอาจมีภาวะแผลผ่าคลอดอักเสบ

ภาวะแผลผ่าคลอดอักเสบข้างในซึ่งเกิดขึ้นภายในร่างกายนั้น คุณแม่ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่อาจสังเกตจากอาการเจ็บแผลผ่าตัดข้างในที่เกิดขึ้น รวมถึงสัญญาณอื่น ๆ ต่อไปนี้

  • แผลนูนออกหรือเป็นก้อนที่ท้องส่วนล่าง
  • ปวดท้องรุนแรง
  • มีไข้ ความดันโลหิตต่ำ รู้สึกมีอาการวิงเวียนศีรษะ
  • น้ำคาวปลาผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น และมีเลือดออกทางช่องคลอด
  • เจ็บปวดเมื่อปัสสาวะหรืออุจจาระ
  • มีอาการท้องผูกรุนแรง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สาเหตุแผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน

การที่แผลผ่าคลอดของคุณแม่มีการอักเสบข้างใน อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจคล้ายกับการเกิดแผลอักเสบภายนอก ทั้งการติดเชื้อ แผลได้รับความกระทบกระเทือน ไปจนถึงคุณแม่อาจยังดูแลแผลผ่าคลอดได้ไม่ดีมากพอด้วยค่ะ

  • การติดเชื้อที่แผลจากภายใน

การติดเชื้อบริเวณแผลผ่าคลอดอาจทำให้เกิดการอักเสบภายในได้ ซึ่งมักเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียจากการสัมผัสเชื้อโดยตรง เช่น การติดเชื้อที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อจากกระเพาะปัสสาวะและทางเดินปัสสาวะ รวมถึงอาจมีปัจจัยความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น คุณแม่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หรือมีภาวะโรคอ้วน  โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง มี ภาวะถุงน้ำคร่ำอักเสบเนื่องจากการติดเชื้อของน้ำคร่ำและรกในระหว่างรอคลอด การใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานาน เคยผ่านการผ่าตัดคลอดมาก่อน และการสูญเสียเลือดมากเกินไประหว่างผ่าตัด

ทั้งนี้ คุณแม่อาจสังเกตสัญญาณแผลติดเชื้อได้จากอาการต่อไปนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • เจ็บบริเวณแผลหรือมดลูกมากกว่าปกติ
  • เกิดรอยแดง บวม และแสบร้อนที่แผล
  • มีหนองสีเขียวหรือเหลืองไหลออกมาจากแผล
  • ตกขาวมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือ มีเลือดออกทางช่องคลอดปริมาณมากหรือมีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ออกมาด้วย
  • ขาบวมหรือเจ็บ
  • ไข้ขึ้นสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
  • แผลอาจได้รับการกระทบกระเทือน

แผลผ่าคลอดของคุณแม่อาจได้รับการกระทบกระเทือนจากการกดทับ และเกิดแรงดันในมดลูก ทำให้รู้สึก เจ็บแผลผ่าคลอดข้างใน อีกทั้งยังอาจเป็นเพราะเสื้อผ้าที่ใส่คับหรือแน่นเกินไป มีการยกของหนัก หรือออกกำลังกายหนัก ส่งผลให้แผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน และเกิดการฉีกขาดได้

  • พฤติกรรมและปัญหาสุขภาพส่งผลต่อการดูแลรักษาแผล

ปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน การติดเชื้อเอชไอวี การสูบบุหรี่ อาจส่งผลต่อเนื้อเยื่อและเซลล์ผิวหนังบริเวณแผล ทำให้แผลผ่าคลอดของคุณแม่สมานตัวช้าและแผลหายได้ช้า

ดูแลแผลผ่าคลอดอย่างไร ไม่ให้ติดเชื้อ อักเสบ เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน

หลังการผ่าคลอดคุณแม่ควรหมั่นดูแลแผลเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้ออย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ รวมถึงสอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลแผลให้เข้าใจอย่างชัดเจน และควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ค่ะ

  • ไม่ยกของหนักในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังผ่าคลอด โดยควรรับคำแนะนำจากแพทย์เกี่ยวกับการอุ้มและให้นมลูกน้อยหลังคลอด เพื่อเลี่ยงแผลถูกกดทับขณะอุ้มหรือให้นม
  • ล้างแผลและทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผิวบริเวณเชิงกราน และล้างมือก่อนสัมผัสแผลหรือทำแผลทุกครั้ง
  • ไม่ดึงปลายไหมเย็บแผลที่โผล่ออกมา ควรให้แพทย์เล็มปลายไหมให้ ป้องกันไหมเย็บแผลเกี่ยวเสื้อผ้า
  • ไม่แช่น้ำในอ่าง และอาบน้ำด้วยสบู่ที่มีฤทธิ์อ่อน หลีกเลี่ยงการให้สบู่ เจลอาบน้ำ หรือแป้ง สัมผัสกับแผลโดยตรง และซับแผลให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาดทุกครั้ง
  • สวมเสื้อผ้าและกางเกงชั้นในที่สบายตัว ไม่รัดแน่น ป้องกันการเสียดสีกับแผล และหมั่นเช็ดบริเวณผิวหนังที่เป็นรอยพับเหนือแผลผ่าตัดให้แห้งอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ชื้นเหงื่อ
  • ควบคุมน้ำหนักเพื่อป้องกันโรคอ้วนที่อาจเป็นสาเหตุของแผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ที่อาจส่งผลต่อการสมานตัวของเนื้อเยื่อบริเวณบาดแผล รวมทั้ง หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารที่ปรุงไม่สุก คาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการอักเสบและการติดเชื้อหลังผ่าคลอดได้
  • หลังแผลแห้งปิดสนิท สามารถทาวิตามินอีที่แผลเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแต่ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้ยากินหรือยาทาสำหรับรักษาแผลผ่าคลอด
  • กรณีพบว่ามีสัญญาณการเกิดแผลติดเชื้อเช่น เกิดรอยแดงที่แผล มีไข้ขึ้นสูง ควรพบแพทย์ทันที

 

ไม่เพียงการรักษาและแก้ไขอาการเท่านั้นนะคะ เพราะคุณแม่ที่วางแผนคลอดด้วยการ ผ่าคลอด มีโอกาสเตรียมตัวป้องกันภาวะ ผ่าคลอด และ เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน ได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อลดความเสี่ยงแผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน โดยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารให้ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ รักษาปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ให้หายดีก่อนตั้งครรภ์ค่ะ

 

ที่มา : hellokhunmor.com , www.pobpad.com , hdmall.co.th

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

6 เรื่อง หลังผ่าคลอด ที่คุณแม่ควรรู้ หลังผ่าคลอดต้องรู้อะไรบ้าง

ผ่าคลอด น้ำคาวปลาจะหมดตอนไหน ดูแลตัวเองหลังผ่าคลอดยังไงดี

ท่านอนหลังผ่าคลอด คนท้องหลังคลอดควรนอนท่าไหนสบายที่สุด ไม่เจ็บแผล

บทความโดย

จันทนา ชัยมี