ในปัจจุบันคุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนมักเลือกคลอดลูกน้อยด้วยวิธี “ผ่าคลอด” เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และทารก แต่การผ่าตัดผ่าคลอดก็มาพร้อมกับการพักฟื้นและต้องดูแลแผลผ่าคลอดมากเป็นพิเศษ คุณแม่บางคนแผลหายดี หายไว ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกเจ็บแผลเป็นระยะ นอกจากนี้ยังมีบางกรณีที่ ผ่าคลอดแล้ว เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน คุณแม่จึงกังวลว่า อันตรายไหม ผิดปกติหรือเปล่า แล้วจะมีวิธีดูแลรักษาอาการเจ็บแผลผ่าตัดข้างในอย่างไร เรามาทำความเข้าใจไปพร้อมกันค่ะ
ผ่าคลอดมีกี่แบบ
การผ่าคลอด (Cesarean section) คือ การผ่าตัดเปิดช่องท้องและผนังมดลูกของคุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อนำทารกออกจากถุงน้ำคร่ำ ก่อนนำรกออกจากครรภ์ให้หมดแล้วจึงเย็บปิดมดลูกและหน้าท้อง โดยจะใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ รูปแบบของการผ่าคลอดโดยทั่วไปจะมี 2 แบบ ซึ่งลักษะแผลผ่าคลอดจะแตกต่างกัน ได้แก่
1 การผ่าคลอดแนวขวางที่มดลูกส่วนล่าง (Tranverse)
การผ่าคลอดแนวขวางจะมีลักษณะแผลผ่าคลอดของการผ่าตัดแบบนี้คือ จะมีบาดแผลแนวยาวตามรอยพับของหน้าท้องส่วนล่าง เวลาคุณแม่ขยับตัวจึงเจ็บแผลไม่มาก แผลเป็นที่อาจเกิดขึ้นก็จะมีขนาดเล็กและมองเห็นได้ยากด้วย จึงได้รับความนิยมมากกว่าการผ่าตัดในแนวตั้ง
2 การผ่าคลอดในแนวตั้งที่มดลูกส่วนล่าง (Vertical Midline incision)
แน่นอนว่าการผ่าคลอดแนวตั้งจะมีรอยแผลยาวตามแนวตั้งของหน้าท้องส่วนล่าง นั่นส่งผลให้คุณแม่อาจรู้สึกขยับตัวทำบาก เจ็บแผลมากกว่า ฟื้นตัวได้ช้ากว่า รวมถึงจะมีแผลเป็นมากกว่าการผ่าคลอดแนวขวาง
ลักษณะปกติของแผลผ่าคลอด นานเท่าไรถึงหายเจ็บแผล
ปกติแล้วแผลผ่าคลอดจะถูกเย็บปิดสนิทอยู่ใต้สะดือ โดยจะมีความยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร (4-6 นิ้ว) ซึ่งในสัปดาห์แรกหลังจากผ่าคลอด ผิวชั้นนอกของแผลจะเริ่มติดกัน จากนั้นแผลจึงจะปิดสนิทและเปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วงอยู่นานประมาณ 6 เดือน ก่อนค่อย ๆ จางลงเป็นสีขาวและเรียบขึ้น อย่างไรก็ตาม แผลผ่าตัดบริเวณส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อท้องและมดลูกอาจใช้เวลานานหลายเดือนจึงจะหายดี ซึ่งคุณแม่ผ่าคลอดควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดในการดูแลสุขภาพร่างกายและรอยแผล เพื่อลดความเสี่ยงเกิดรอยแผลเป็นนูน หรือ “คีลอยด์” และการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อันรวมไปถึงแผลติดเชื้อด้วย
แผลผ่าคลอดอักเสบ มีกี่แบบ
แผลผ่าคลอดมี 2 ส่วน คือ “แผลข้างนอก” ที่เรามองเห็นและต้องคอยทำความสะอาด กับ “แผลข้างใน” ที่อยู่ลึกลงไปในท้องซึ่งเรามองไม่เห็น ดังนั้น แผลผ่าคลอดอักเสบ จึงแบ่งได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
1. แผลผ่าคลอดอักเสบข้างนอก
แผลผ่าคลอดอักเสบข้างนอก คือการอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังและชั้นไขมันที่เรามองเห็นได้จากภายนอก เป็นแบบที่พบได้บ่อยที่สุดค่ะ
- คุณแม่จะสังเกตได้อย่างไร?
- แผลดูน่ากลัวขึ้น: จากที่แผลเริ่มแห้งๆ กลับดูบวม แดงจัด หรือจับดูแล้วร้อนๆ
- เจ็บมากขึ้น: จากที่เคยปวดน้อยลงแล้ว กลับมาปวดที่แผลมากขึ้นเรื่อยๆ
- แผลแฉะ: มีน้ำเหลืองใสๆ หรือน้ำหนองขุ่นๆ ซึมออกมาจากแผล
- แผลดูไม่ติดกัน: ขอบแผลดูเหมือนจะแยกออกจากกัน หรือไหมเย็บหลุดออก
โดยสาเหตุของแผลผ่าคลอดอักเสบข้างนอก ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อโรคที่อยู่บนผิวหนังของเราเองเข้าไปในแผล หรืออาจเกิดจากการดูแลทำความสะอาดแผลได้ไม่ดีพอค่ะ
2. แผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน
นี่คือการอักเสบที่น่ากังวลกว่า เพราะเกิดขึ้นลึกลงไปในชั้นกล้ามเนื้อ หรืออาจลามไปถึงอวัยวะในอุ้งเชิงกราน เช่น บริเวณมดลูก ซึ่งเรามองไม่เห็นจากข้างนอก แต่ร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนออกมาให้เรารู้สึก เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน
เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน เกิดจากอะไร อันตรายไหม
การผ่าคลอดถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ ดังนั้น หากคุณแม่จะรู้สึกเจ็บปวดหลังการผ่าตัดจึงเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณแผลผ่าตัดทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งสาเหตุของการ เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน เกิดได้หลายอย่าง อาทิ
- การหดตัวของมดลูก ซึ่งช่วงหลังคลอดมดลูกจะหดตัวเพื่อกลับสู่สภาพเดิม จนอาจทำให้รู้สึกเจ็บที่แผลและบริเวณโดยรอบได้
- การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ ในระหว่างการผ่าตัด อาจมีเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ บาดเจ็บ ซึ่งอาจทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บแผลผ่าตัดข้างในได้เช่นกัน
- การอักเสบแผลผ่าคลอดอาจมีการอักเสบเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติค่ะ อย่างไรก็ตาม เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหา แผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน โดยอาจมีสาเหตุจากการติดเชื้อ แผลถูกกระทบกระเทือน มีพฤติกรรมเสี่ยง หรือมีปัญหาสุขภาพที่ก่อให้เกิดการอักเสบของแผลบริเวณด้านในมดลูก
เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน อาการที่บอกว่าอาจมีภาวะแผลผ่าคลอดอักเสบ
ภาวะแผลผ่าคลอดอักเสบข้างในซึ่งเกิดขึ้นภายในร่างกายนั้น คุณแม่ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่อาจสังเกตจากอาการเจ็บแผลผ่าตัดข้างในที่เกิดขึ้น รวมถึงสัญญาณอื่น ๆ ต่อไปนี้
- แผลนูนออกหรือเป็นก้อนที่ท้องส่วนล่าง
- ปวดท้องรุนแรง
- มีไข้ ความดันโลหิตต่ำ รู้สึกมีอาการวิงเวียนศีรษะ
- น้ำคาวปลาผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น และมีเลือดออกทางช่องคลอด
- เจ็บปวดเมื่อปัสสาวะหรืออุจจาระ
- มีอาการท้องผูกรุนแรง
สาเหตุแผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน
การที่แผลผ่าคลอดของคุณแม่มีการอักเสบข้างใน อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจคล้ายกับการเกิดแผลอักเสบภายนอก ทั้งการติดเชื้อ แผลได้รับความกระทบกระเทือน ไปจนถึงคุณแม่อาจยังดูแลแผลผ่าคลอดได้ไม่ดีมากพอด้วยค่ะ
-
การติดเชื้อที่แผลจากภายใน
การติดเชื้อบริเวณแผลผ่าคลอดอาจทำให้เกิดการอักเสบภายในได้ ซึ่งมักเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียจากการสัมผัสเชื้อโดยตรง เช่น การติดเชื้อที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อจากกระเพาะปัสสาวะและทางเดินปัสสาวะ รวมถึงอาจมีปัจจัยความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น คุณแม่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หรือมีภาวะโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง มี ภาวะถุงน้ำคร่ำอักเสบเนื่องจากการติดเชื้อของน้ำคร่ำและรกในระหว่างรอคลอด การใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานาน เคยผ่านการผ่าตัดคลอดมาก่อน และการสูญเสียเลือดมากเกินไประหว่างผ่าตัด
ทั้งนี้ คุณแม่อาจสังเกตสัญญาณแผลติดเชื้อได้จากอาการต่อไปนี้
- เจ็บบริเวณแผลหรือมดลูกมากกว่าปกติ
- เกิดรอยแดง บวม และแสบร้อนที่แผล
- มีหนองสีเขียวหรือเหลืองไหลออกมาจากแผล
- ตกขาวมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือ มีเลือดออกทางช่องคลอดปริมาณมากหรือมีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ออกมาด้วย
- ขาบวมหรือเจ็บ
- ไข้ขึ้นสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
-
แผลอาจได้รับการกระทบกระเทือน
แผลผ่าคลอดของคุณแม่อาจได้รับการกระทบกระเทือนจากการกดทับ และเกิดแรงดันในมดลูก ทำให้รู้สึก เจ็บแผลผ่าคลอดข้างใน อีกทั้งยังอาจเป็นเพราะเสื้อผ้าที่ใส่คับหรือแน่นเกินไป มีการยกของหนัก หรือออกกำลังกายหนัก ส่งผลให้แผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน และเกิดการฉีกขาดได้
-
พฤติกรรมและปัญหาสุขภาพส่งผลต่อการดูแลรักษาแผล
ปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน การติดเชื้อเอชไอวี การสูบบุหรี่ อาจส่งผลต่อเนื้อเยื่อและเซลล์ผิวหนังบริเวณแผล ทำให้แผลผ่าคลอดของคุณแม่สมานตัวช้าและแผลหายได้ช้า
แผลผ่าคลอดอักเสบ มีโอกาสเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน?
จากข้อมูลทางการแพทย์ การติดเชื้อที่แผลผ่าคลอดเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยที่สุดหลังการผ่าตัด โดยมีอัตราการเกิดแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่และกลุ่มประชากร โดยเฉลี่ยแล้ว ในกลุ่มคุณแม่ที่ผ่าคลอด 100 คน จะมีประมาณ 3 ถึง 15 คน ที่อาจพบภาวะแผลอักเสบได้ค่ะ ตัวเลขนี้อาจดูเยอะ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็น “แผลอักเสบข้างนอก” ซึ่งตรวจเจอได้ง่ายและรักษาง่ายกว่าค่ะ
อย่างไรก็ตาม อัตรานี้จะสูงขึ้นในกลุ่มคุณแม่ที่มีปัจจัยเสี่ยงร่วมด้วย ถ้าคุณแม่มีภาวะบางอย่าง เช่น เป็นโรคเบาหวาน มีน้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะ (โรคอ้วน) หรือเป็นการผ่าตัดแบบฉุกเฉิน ที่สำคัญ คุณแม่ต้องหมั่นสังเกตตัวเอง หากรู้สึกว่ามีอาการข้อใดข้อหนึ่งข้างต้น หรือแค่รู้สึกว่า “มันไม่น่าจะใช่” อย่าลังเลที่จะรีบปรึกษาคุณหมอทันที โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนัด ยิ่งตรวจเจอเร็วและรักษาเร็ว จะยิ่งช่วยให้คุณแม่หายดีและกลับมาแข็งแรงได้ไวค่ะ
แผลผ่าตัดคลอด เป็นก้อนแข็งข้างใน อันตรายไหม
แผลผ่าคลอดผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ยังคลำเจอก้อนแข็งๆ ข้างใน และยังรู้สึกเจ็บอยู่โดยส่วนใหญ่แล้ว ไม่อันตรายค่ะ ก้อนแข็งๆ และอาการเจ็บแปลบๆ เป็นๆ หายๆ ที่คุณแม่รู้สึก มักจะเป็น “พังผืด” หรือแผลเป็นที่อยู่ข้างในร่างกายนี่เอง ทำให้คุณแม่สึกว่ามีก้อนแข็งๆ อยู่ข้างใน และบางครั้งเวลาขยับตัว ยืดตัว หรือออกกำลังกาย มันอาจจะไปดึงรั้งเนื้อเยื่อรอบๆ ทำให้รู้สึกเจ็บแปลบๆ ได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เจอได้ค่ะ
แต่ถ้าเจ็บรุนแรงขึ้นหรือมีอาการน่ากังวลอื่นๆ ร่วมด้วย ต้องรีบไปให้คุณหมอตรวจดูให้แน่ใจเพื่อความปลอดภัยนะคะ
ดูแลแผลผ่าคลอดอย่างไร ไม่ให้ติดเชื้อ อักเสบ เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน
หลังการผ่าคลอดคุณแม่ควรหมั่นดูแลแผลเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้ออย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ รวมถึงสอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลแผลให้เข้าใจอย่างชัดเจน และควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ค่ะ
- ไม่ยกของหนักในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังผ่าคลอด โดยควรรับคำแนะนำจากแพทย์เกี่ยวกับการอุ้มและให้นมลูกน้อยหลังคลอด เพื่อเลี่ยงแผลถูกกดทับขณะอุ้มหรือให้นม
- ล้างแผลและทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผิวบริเวณเชิงกราน และล้างมือก่อนสัมผัสแผลหรือทำแผลทุกครั้ง
- ไม่ดึงปลายไหมเย็บแผลที่โผล่ออกมา ควรให้แพทย์เล็มปลายไหมให้ ป้องกันไหมเย็บแผลเกี่ยวเสื้อผ้า
- ไม่แช่น้ำในอ่าง และอาบน้ำด้วยสบู่ที่มีฤทธิ์อ่อน เลือกใช้นำ้ยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการให้สบู่ เจลอาบน้ำ หรือแป้ง สัมผัสกับแผลโดยตรง และซับแผลให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาดทุกครั้ง เลือกใช้นำ้ยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่อ่อนโยน
- สวมเสื้อผ้าและกางเกงชั้นในที่สบายตัว ไม่รัดแน่น ป้องกันการเสียดสีกับแผล และหมั่นเช็ดบริเวณผิวหนังที่เป็นรอยพับเหนือแผลผ่าตัดให้แห้งอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ชื้นเหงื่อ
- ควบคุมน้ำหนักเพื่อป้องกันโรคอ้วนที่อาจเป็นสาเหตุของแผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ที่อาจส่งผลต่อการสมานตัวของเนื้อเยื่อบริเวณบาดแผล รวมทั้ง หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารที่ปรุงไม่สุก คาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการอักเสบและการติดเชื้อหลังผ่าคลอดได้
- หลังแผลแห้งปิดสนิท สามารถทาวิตามินอีที่แผลเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแต่ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้ยากินหรือยาทาสำหรับรักษาแผลผ่าคลอด
- กรณีพบว่ามีสัญญาณการเกิดแผลติดเชื้อเช่น เกิดรอยแดงที่แผล มีไข้ขึ้นสูง ควรพบแพทย์ทันที
ไม่เพียงการรักษาและแก้ไขอาการเท่านั้นนะคะ เพราะคุณแม่ที่วางแผนคลอดด้วยการ ผ่าคลอด มีโอกาสเตรียมตัวป้องกันภาวะ ผ่าคลอด และ เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน ได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อลดความเสี่ยงแผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน โดยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารให้ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ รักษาปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ให้หายดีก่อนตั้งครรภ์ค่ะ
ที่มา : hellokhunmor.com , www.pobpad.com , hdmall.co.th
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
6 เรื่อง หลังผ่าคลอด ที่คุณแม่ควรรู้ หลังผ่าคลอดต้องรู้อะไรบ้าง
ผ่าคลอด น้ำคาวปลาจะหมดตอนไหน ดูแลตัวเองหลังผ่าคลอดยังไงดี
ท่านอนหลังผ่าคลอด คนท้องหลังคลอดควรนอนท่าไหนสบายที่สุด ไม่เจ็บแผล