เข้าร้านทำผมทีไร ผมก็หอมฟุ้ง แถมผมยังนิ่ม อยู่ทรงตลอดทั้งวัน แต่ที่หลายคนอดสงสัยไม่ได้ก็คือ ทำไมร้านเสริมสวยต้องสระผม 2 ครั้ง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจ และหาคำตอบไปด้วยกัน รวมถึงเรายังได้นำเคล็ดลับดี ๆ ในการสระผม และสิ่งที่ไม่ควรทำตอนสระผมมาฝากกันด้วย ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ก็ไปดูกันเลย
ทำไมร้านเสริมสวยต้องสระผม 2 ครั้ง
สาเหตุที่ร้านทำผมต้องสระผม 2 ครั้งขึ้นไปนั้น เพราะว่า ในการสระผมครั้งแรกจะเป็นการสระเพื่อล้างความมันออกจากหนังศีรษะ ส่วนการสระรอบที่สองจะเป็นการนวดหนังศีรษะมากกว่าสระปลายผม โดยการสระผมแบบนี้ จะทำให้ผมและหนังศีรษะมันช้ากว่าตอนที่เราสระเองตามปกติ โดยวิธีนี้จะเป็นการเน้นทำความสะอาดหนังศีรษะ
บทความที่น่าสนใจ : 10 เคล็ดลับดูแลเส้นผม ทำยังไงให้ผมยาวเร็ว มีน้ำหนัก จัดทรงสวย
ไขข้อข้องใจ ทำไมร้านทำผมต้องสระผม 2 ครั้ง ( ภาพจาก shutterstock.com )
วิธีการสระผมที่ถูกต้อง
วิธีการสระผม
โดยการสระผมจะแบ่งออกเป็น 2 ครั้ง เหมือนกับร้านทำผม
รอบที่ 1 ราดน้ำให้ผมเปียก จากนั้นใส่แชมพู เพื่อล้างความมัน คราบเหนียวบนหนังศีรษะออก
รอบที่ 2 ราดน้ำจนผมเปียกชุ่ม รอบนี้จะใช้แชมพูเยอะกว่ารอบแรก เน้นสระบริเวณหนังศีรษะ และโคนผมและไล่มาจนถึงปลาย
บทความที่น่าสนใจ : ฤกษ์วันสระผม ตัดผม ตัดเล็บ วันไหนดี วันไหนเฮง
การนวดผม
การนวดผม พยายามอย่าให้ครีมนวดหรือทรีตเมนต์ โดนบริเวณหนังศีรษะ เพราะจะทำให้ผมมันและลีบ รวมถึงอาจทำให้หนังศีรษะอุดตัน เกิดสิว รังแค และผมหลุดร่วงได้ โดยควรเน้นบำรุงผมบริเวณแค่ช่วงปลายผม หรือเว้นให้ห่างจากโคนผมลงไปประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร และห้ามขยี้เด็ดขาด และสำหรับการบำรุงผมด้วยทรีตเมนต์นั้น ไม่ควรนวดตอนผมเปียกชุ่ม แต่ให้ใช้เวลาที่นานกว่า เพราะทรีตเมนต์มีเนื้อที่แน่นกว่า โดยการนวดจะเป็นการลูบตามแนวผมเช่นเดียวกัน
ในการสระผมรอบแรก เป็นการสระเพื่อล้างความมัน ฝุ่น และสิ่งสกปรกบนหนังศีรษะ ( ภาพจาก shutterstock.com )
การเป่าผมให้แห้ง
สำหรับการเป่าผมหรือไดร์ผมนั้น ควรใช้ไดร์เป่าให้แห้งและไม่ควรปล่อยให้ผมแห้งสนิทแล้วไดร์เพราะจะทำให้ผมแห้งและไม่อยู่ตัว และไม่ควรปล่อยให้ผมแห้งเอง เพราะอาจทำให้เกิดรังแค หรือเชื้อราบนหนังศีรษะได้
อีกหนึ่งเคล็ดลับสำหรับการไดร์ผมคือ ควรฉีดสเปรย์หรือทาน้ำมันบริเวณปลายผม เพื่อป้องกันไม่ให้ผมแห้งตอนโดนความร้อน และช่วยบำรุงให้ผมนิ่มสลวย โดยระหว่างไดร์ก็ควรใช้หวีแปรงใหญ่ แปรงผมตามแนวผมเพื่อความตรงสวยและอยู่ทรง
บทความที่น่าสนใจ : 21 ไดร์เป่าผมสุดปัง แห้งเร็ว ใช้แล้วผมไม่เสีย ราคาเริ่ด
วิธีสระผมแบบผิด ๆ ที่อาจทำให้ผมเสียแบบไม่รู้ตัว
1. ไม่หวีผมก่อนสระ
การสระผมทั้งที่ยังไม่ได้หวีผมก่อนนั้น จะทำให้เส้นผมพันกัน ซึ่งเมื่อหวีผมหลังสระผมเสร็จ ก็จะทำให้เส้นผมเปราะ และผมขาดหลุดร่วงได้ หากเป็นไปได้ควรที่จะหวีผมให้เรียบร้อยก่อนสระผม เพราะจะช่วยให้ผมไม่พันกัน และลดการขาดร่วงของเส้นผมได้อีกด้วย
2. สระผมด้วยน้ำที่ร้อนเกินไป
ถึงแม้การสระผมด้วยน้ำอุ่นจะทำให้สามารถขจัดความมันออกจากเส้นผมได้ และเป็นการเปิดรูขุมขน ช่วยให้การบำรุงเส้นผมมีประสิทธิภาพ แต่การใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้ผมแห้ง ผมเสีย และผมบางลงได้
3. เกาหนังศีรษะแรง ๆ
การเกาศีรษะแรง ๆ ไม่ได้ช่วยทำให้สระผมได้สะอาดมากขึ้น แต่กลับจะทำให้เส้นผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย และอาจส่งผลให้หนังศีรษะเป็นแผล และอาจร้ายแรงถึงขั้นเป็นแผลติดเชื้อได้ สาเหตุจากแบคทีเรียในเล็บมือที่อาจเข้าไปตามบาดแผลจากรอยขีดข่วนบนหนังศีรษะ จึงควรเปลี่ยนจากการเกาหนังศีรษะแรง ๆ มาเป็นใช้นิ้วมือนวดวนหนังศีรษะเบา ๆ เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนทั่วหนังศีรษะจะดีกว่า โดยก่อนที่จะนำแชมพูลงบนศีรษะ ควรเทแชมพูใส่มือ แล้วถู ๆ ให้เกิดฟอง จึงใช้ฟองแชมพูในการสระผมจะดีกว่า
ในการสระผมไม่ควรที่จะเกาหนังศรีษะแรง ๆ แต่ควรเป็นการนวดหนังศีรษะช้า ๆ ( ภาพจาก shutterstock.com )
4. ใช้ครีมนวดผมจนทั่วหนังศีรษะ
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น การที่ใช้ครีมนวดทั่วหนังศีรษะ จะทำให้หนังศีรษะอุดตัน เกิดสิว รังแค และผมหลุดร่วงได้ ทางที่ดีควรเน้นบำรุงผมบริเวณช่วงปลายผม โดยเว้นให้ห่างจากโคนผมประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร
5. ไม่ควรสระผมบ่อยเกินไป
เพราะในแชมพูมีส่วนผสมของด้วยสารเคมี ดังนั้นการสระผมบ่อย ๆ จะทำให้หนังศีรษะได้รับสารเคมีที่บ่อยจนเกินไป และมีสารเคมีสะสมอยู่บนหนังศีรษะ ทำให้หนังศีรษะแห้ง เป็นรังแคและผมร่วงได้ โดยควรสระผมเพียงแค่ 3 วันต่อ 1 ครั้ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพผมของแต่ละคนด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง :
8 ครีมนวดผมแก้ผมร่วง ผมบาง สำหรับคุณแม่หลังคลอด ผมร่วงแค่ไหนก็เอาอยู่!
สิวที่หนังศีรษะ สิวที่หัว เกิดจากอะไร รักษายังไงให้หายขาด
รังแค เป็นรังแคตอนท้องทำไงดี เคล็ดลับช่วยฟื้นฟูหนังศีรษะสำหรับคุณแม่ทั้งหลาย
ที่มา : Kapook, vogue, webtretho
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!