ความสัมพันธ์ที่เคยรักกัน ควรจบด้วยการให้เกียรติ ไม่ใช่ประชดประชันหรือประจาน ในยุคนี้ข่าว “คู่รักคนดัง” หรือ ผัวเมียเลิกกัน กลายเป็นเรื่องปกติที่เราเห็นแทบทุกเดือน แต่สิ่งที่ไม่ควรเป็นเรื่องปกติเลยก็คือ… “พอเลิกกันแล้วต้องแฉ ต้องด่า ต้องขุดเรื่องเก่ามาเผากันออกสื่อ”
คำถามที่คนจำนวนมากอยากถามแต่ไม่กล้าพูดก็คือ
“ผัวเมียเลิกกัน ทำไมต้องด่ากัน?” “ถ้าเคยรักกัน ทำไมถึงกลายเป็นศัตรูกันได้ขนาดนั้น?” เรื่องนี้ไม่ได้เกิดแค่กับคนดังหรอกค่ะ เราเห็นแบบนี้ในชีวิตจริงรอบตัวเราเสมอ คนที่เคยบอกรักกันในเฟซบุ๊ก เช็คอินร้านข้าวมันไก่ด้วยกันทุกวัน อยู่ดี ๆ ก็โพสต์ด่ากันด้วยข้อความแสบ ๆ หรือไม่ก็ปล่อยคลิป แฉแชท เอาเรื่องส่วนตัวมาเล่าให้คนแปลกหน้าฟังหมด
ความเจ็บที่เปลี่ยนเป็นความแค้น
เวลาคนรักกันมาก ๆ แล้วต้องเลิกกัน มันไม่ใช่แค่ “เสียแฟน” แต่บางครั้งรู้สึกเหมือนเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี เสียเวลา เสียใจ และเสียใจยิ่งกว่าคือ “เสียฟอร์ม” โดยเฉพาะถ้าอีกฝ่ายดูเหมือน “ชนะ” หรือ “ไปมีใหม่ก่อน” หลายคนเลยเลือกใช้วิธี “ทำให้อีกฝ่ายดูแย่” เพื่อรู้สึกว่าตัวเองยังคุมเกมอยู่
แต่แทนที่เราจะรักษาใจตัวเอง กลับเลือกใช้ความเจ็บไปทำร้ายกัน
บางคนแฉเพื่อระบาย บางคนโพสต์ประชดเพราะอยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองเสียใจ บางคนด่าหนัก ๆ เพราะรู้ว่ามีคนพร้อมเข้าข้าง แต่สุดท้าย ดราม่าอาจช่วยเรียกยอดไลก์ แต่ไม่เคยรักษาหัวใจใครได้เลย

ถ้าเคยรักกันจริง จบกันให้ดีไม่ได้เหรอ?
คำว่า “จบดี” ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นเพื่อนกันทันที ไม่ได้แปลว่าต้องมานั่งกินข้าวหัวเราะกันหลังเลิก มันแค่หมายถึง…
- เลิกแล้วไม่ต้องแฉ
- เลิกแล้วไม่ต้องแซะ
- เลิกแล้วไม่ต้องแอบโพสต์เหน็บ
- เลิกแล้วไม่ต้องพาคนอื่นมารุมประณามอีกฝ่าย
เพราะต่อให้เราเสียใจแค่ไหน ก็ไม่มีใครสมควรถูกเอาอดีตมาประจาน และในขณะเดียวกัน เราเองก็ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในวังวนของความโกรธจนเสียศักดิ์ศรีตัวเองไปหมด
ทำไมบางคนถึง “จบดี” ไม่ได้?
- ยังเจ็บอยู่ – ความรู้สึกมันยังคาใจ พอพูดถึงอีกฝ่ายก็ปรี๊ดทันที
- อัตตาสูง – ไม่อยากเป็นคนที่ “โดนเท” เลยต้องแฉให้ดูว่า “ฉันก็ไม่โอเคกับแกเหมือนกัน”
- หวังลึก ๆ ว่าจะกลับมา – แต่พอไม่ได้ดั่งใจก็เลยกลายเป็นความแค้น
- โดนยุ – เพื่อนฝั่งเรา บางทีไม่ช่วยให้ใจเย็น แต่ยุให้โพสต์แซะ จนบานปลาย
สรุปงานวิจัยและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
มีงานวิจัยทางจิตวิทยาและสังคมหลายฉบับที่พูดถึง พฤติกรรมหลังการเลิกรา โดยเฉพาะประเด็นว่า ทำไมบางคนจึง “เลิกกันแบบดี ๆ ไม่ได้” และเลือกใช้วิธีทำร้ายกันหลังจากจบความสัมพันธ์

-
Attachment Theory (Bowlby, 1969)
ทฤษฎีความผูกพันอธิบายว่า คนเรามี “รูปแบบความผูกพัน” ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมหลังเลิกรา
- แบบ anxious (วิตกกังวล): มักแสดงออกอย่างรุนแรงหลังเลิก เช่น แฉ โพสต์ประชด เพราะกลัวสูญเสียและต้องการดึงความสนใจ
- แบบ avoidant (หลีกเลี่ยง): จะไม่แสดงอารมณ์หรือหลีกเลี่ยงการพูดถึง
- แบบ secure (มั่นคง): สามารถเลิกกันอย่างเข้าใจ และให้เกียรติกัน
-
การเลิกกันที่ดีต่อสุขภาพ (Healthy Closure)
งานวิจัยของ Sbarra & Emery (2005) พบว่า “การมีบทสนทนาที่ชัดเจนและการยอมรับความจริง” คือกุญแจสำคัญของการจบความสัมพันธ์อย่างสงบ ถ้าเลิกกันโดยไม่มีความเข้าใจหรือค้างคาใจสูง มีแนวโน้มเกิด “Post-breakup aggression” หรือความรุนแรงทางอารมณ์และพฤติกรรม เช่น ด่า แฉ หรือแม้แต่ทำร้ายร่างกาย
อย่าให้รักเก่ากลายเป็นบาดแผลถาวร
คนเคยรักกัน ไม่ควรทำลายกัน การจากลากันแบบมีเกียรติ ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเรายอมรับว่า “ไม่ใช่ทุกความรักจะจบแบบ Happy Ending” แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะจบแบบ “ผู้ใหญ่” หรือจบแบบ “เด็กขว้างของทิ้ง” บางคู่ไม่ได้ผิดอะไรเลย แค่ไปต่อด้วยกันไม่ได้ก็มี ถ้าเข้าใจกันแบบนี้ได้ ความรักไม่จำเป็นต้องจบแบบแค้นฝังหุ่น
สังคมเองก็มีส่วน
ทุกครั้งที่มีข่าวคนเลิกกันแล้วแฉกัน คนมักรีบแชร์ รีบแซะ รีบเมนต์แรง ๆ แต่ถามหน่อยว่า…มันช่วยอะไร? สังคมควรเลิกสนุกกับการเห็นคนทะเลาะกัน และเริ่มสนับสนุน “การเลิกกันอย่างมีวุฒิภาวะ” มากขึ้น
รักกันยังต้องให้เกียรติ เลิกกัน…ยิ่งต้องให้เกียรติ
ความสัมพันธ์ที่ดีไม่จำเป็นต้องยืนยาว แต่ควร “จบอย่างที่ไม่ต้องอายตัวเองในอนาคต” ผัวเมียเลิกกัน ไม่จำเป็นต้องด่ากัน เพราะไม่มีใครได้อะไรจากการทำลายอดีตที่เราทั้งสองเคยรักษาไว้ด้วยหัวใจ
ที่มา : Ref: Bowlby, J. (1969). Attachment and Loss. London: Hogarth Press.
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
5 วิธีจัดการมือที่สาม แบบชาญฉลาด ไม่วีน สวยแพง มีเหตุผล
ชีวิตคู่เปลี่ยนไปหลังมีลูก! 6 เคล็ดลับ กระชับสัมพันธ์ให้ราบรื่นด้วยความเข้าใจ
จิตวิทยาความรัก คู่ผัว-เมียสายไฝว้ ทะเลาะไปรักไป ชาวบ้านงง หยุมหัวกันแทบตาย สุดท้ายก็ไม่เลิก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!