สายตา แย่ลง ในช่วงที่ท้อง เป็นเรื่องปกติหรือไม่ หลังคลอดจะกลับมาเป็นปกติไหม

ถ้าคุณแม่ลองสังเกตดี ๆ อาจจะรู้สึกว่าสายตาของตัวเองแย่ลงในช่วงที่ตั้งท้อง มองเห็นอะไรได้ไม่ค่อยถนัด ซึ่งในความเป็นจริง เมื่อเริ่มตั้งท้อง สายตา และการมองเห็นของคุณแม่หลาย ๆ คนจะเปลี่ยนไปเนื่องด้วยเหตุผลบางประการ สาเหตุเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง หลังคลอด สายตาจะกลับมาเป็นปกติไหม และคุณแม่จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้ยังไงได้บ้าง เดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังวันนี้

 

ทำไม สายตา ของคุณแม่ถึงแย่ลง

ผู้เชี่ยวชาญได้เล่าว่า สาเหตุที่คุณแม่สายตาแย่ลง มาจากการที่ฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในขณะตั้งครรภ์ ซึ่งทำให้สายตาและการมองเห็นทำงานได้แย่ลง บางคนก็อาจตาพร่ามัว มองเห็นอะไรเลือนลาง หากยิ่งตั้งครรภ์ในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป โอกาสที่ตาจะพร่ามัวก็มีมากขึ้น ทั้งนี้ คุณแม่หลาย ๆ คน อาจจะมีอาการตาแห้งและตาล้าร่วมด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ได้แนะนำเพิ่มเติมว่า หากคุณแม่มีปัญหาสายตา หรือมองอะไรได้ไม่ค่อยชัด ควรเข้าพบแพทย์เพื่อให้ได้รับคำแนะนำในการดูแลดวงตาอย่างเหมาะสม

บทความที่เกี่ยวข้อง : โรคตาขี้เกียจในเด็ก (Lazy Eye) เกิดจากอะไร รักษายังไง ลูกเราจะเป็นมั้ย?

 

วิดีโอจาก : แว่นด็อกเตอร์อายส์สาขามหาชัย สาขามหาชัย

 

ปัญหาสายตาในช่วงที่ท้อง และวิธีรับมือ

หากคุณแม่กำลังมีปัญหาสายตาอยู่ก็อย่าเพิ่งกังวลใจไป เพราะปัญหานี้ อาจแก้ไขได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

 

มองอะไรได้ไม่ค่อยชัด

หากคุณแม่กำลังเข้าสู่ช่วงอายุ 30 ปลาย ๆ หรือ 40 ต้น ๆ เลนส์ดวงตาของคุณแม่จะแข็งขึ้น ส่งผลให้การมองเห็นแย่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องมองสิ่งที่อยู่ใกล้และไกลในเวลาไล่เลี่ยกัน นอกจากนี้ คุณแม่จะรู้สึกว่าตาล้าง่ายขึ้นเวลาที่ต้องจ้องหรือมองอะไรนาน ๆ หากคุณแม่กำลังประสบกับปัญหานี้ ให้เข้าปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจตา และเพื่อดูว่าจะต้องใส่แว่นตาเพื่อช่วยในการมองเห็นหรือเปล่า

 

จ้องคอมนานแล้วตาล้าง่าย

การมองจอคอม หรือจอโทรศัพท์นาน ๆ ไม่เพียงแต่ทำให้ปวดหลัง ปวดคอ แต่ยังทำให้ตาล้าได้อีกด้วย และยิ่งตั้งท้องอยู่ สายตาก็จะล้า และตาก็จะแห้งได้ง่ายขึ้น หากตาแห้งเกินไป อาจทำให้คุณแม่เสี่ยงติดเชื้อได้ ฉะนั้น คุณแม่ไม่ควรจ้องหน้าจอโทรศัพท์หรือจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ควรพักสายตาชั่วโมงละ 10 นาทีอย่างต่ำเมื่อต้องจ้องอะไรนาน ๆ สามารถใช้น้ำตาเทียมได้หากต้องการใช้

แต่ควรเลือกซื้อน้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันบูด เพราะสารกันบูดอาจทำลายเซลล์ประสาทตา และทำให้การมองเห็นแย่ลงกว่าเดิมได้ นอกจากนี้ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็มีส่วนทำให้ตาแห้ง เพราะในขณะที่เราลืมตา ของเหลวในร่างกายจะระเหยออกจากตา คุณแม่หลาย ๆ คนก็เลยตาแห้งง่าย เพราะต้องอดหลับอดนอนเลี้ยงลูก ดังนั้น คุณแม่จึงควรหาเวลานอนหลับให้เพียงพอ และไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ตอนนอนโดยเด็ดขาด

 

เล็บของเด็ก ๆ อาจทำร้ายดวงตาได้

แม้ว่านิ้วมือของเด็กนั้นจะยังเล็ก แต่บางทีเล็บของเด็กก็อาจเป็นอันตรายต่อดวงตาคุณแม่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าในทุก ๆ คืน คุณแม่และน้อง ๆ มักจะนอนข้าง ๆ กัน เพื่อที่ว่าคุณแม่จะได้ดูแลน้อง ๆ ได้ง่ายขึ้น

แต่ทว่าวันดีคืนดี เด็กอาจบังเอิญเอานิ้วมาทิ่มตาคุณแม่ได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ได้ชี้ว่า เล็บของคนเรา เปรียบเสมือนกับมีดเล่มเล็ก ที่ทำร้ายดวงตาเราได้ หากคุณแม่โดนเล็บน้อง ๆ ทิ่มตา ให้หยอดตาด้วยยาหยอดตาที่แช่เย็น และหมั่นสังเกตอาการของตัวเอง ว่ามีเลือดออกในตา หรือรู้สึกปวดตาหรือไม่ หากรู้สึกปวดตา หรืออาการแย่ลง ก็ควรเข้าพบแพทย์ในทันที

 

 

เคืองตาจากอาการแพ้

นอกจากฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จนส่งผลต่อการมองเห็นแล้ว ร่างกายคุณแม่ยังอาจไวต่อสิ่งเร้า หรือคุณแม่เองอาจมีภูมิต้านทานที่ต่ำลง จนทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ หรือว่าเคืองตาได้ง่ายขึ้น

ซึ่งวิธีป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ คือการลบเครื่องสำอางออกจากหน้าให้หมด และล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้งก่อนนอน โดยอาจจะใช้สบู่เด็กที่อ่อนโยนต่อผิวหน้าและดวงตาล้างหน้าก็ได้ ทั้งนี้ ในระหว่างการตั้งครรภ์ คุณแม่ควรเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ ที่คาดว่าจะทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองที่ผิวหนังและดวงตา หากเกิดอาการแพ้ ควรหมั่นสังเกตตัวเองอยู่เสมอ ว่าอาการแพ้นั้นรุนแรงหรือไม่

บทความที่เกี่ยวข้อง : เลสิก คนท้องทำได้หรือเปล่า ทำแล้วมีผลต่อเด็กในท้องหรือไม่ ควรอ่าน !

 

คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาสายตา

หากคุณแม่คิดว่าการทำตามวิธีข้างต้น อาจจะไม่ได้ช่วยให้สายตาหรือการมองเห็นดีขึ้น อาจลองใช้วิธีต่อไปนี้ควบคู่ไปด้วยได้

 

ใส่แว่นกรองแสงสีฟ้า

โดยปกติแล้ว แสงสีฟ้าในที่ร่ม หรือแสงจากหน้าจอ มีส่วนทำให้ร่างกายของคุณแม่ผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินได้น้อยลง จนทำให้นอนหลับได้ยากในตอนกลางคืน ส่งผลให้ตาแห้ง และตาล้าได้ง่าย ซึ่งการใส่แว่นตากันแสงสีฟ้านั้น

จะช่วยกรองคลื่นแสงสีฟ้าเหล่านี้ออกไปจากดวงตาได้ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรใส่แว่นกรองแสงเมื่อต้องทำงานอยู่หน้าจอคอม หรือกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่เท่านั้น ไม่ควรใส่ออกไปนอกบ้าน เพราะแว่นตาชนิดนี้ไม่ได้ช่วยกรองแสงยูวี ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ร้านแว่นหลาย ๆ ร้าน ก็มีบริการจัดส่งแว่นถึงบ้าน เพียงแค่เลือกซื้อแว่นบนเว็บไซต์ของร้าน ซึ่งก็น่าจะสะดวกและดีกับตัวคุณแม่เอง เพราะคงเป็นเรื่องยาก ที่คุณแม่จะต้องออกไปข้างนอกเพื่อซื้อแว่นด้วยตัวเอง ในช่วงโควิดกำลังระบาดแบบนี้

 

 

ทำเลสิก

การทำเลสิก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่สายตาไม่ดี และต้องการกลับมามองเห็นได้ชัดอย่างเก่า อย่างไรก็ตาม แพทย์หลาย ๆ คนยังไม่แนะนำให้คนท้องทำเลสิก เพราะในช่วงที่ตั้งครรภ์ ค่ากระจกตาของคนท้องอาจเปลี่ยนแปลงบ่อยตามฮอร์โมนในร่างกาย

จนทำให้การคาดคะเนค่ากระจกตาก่อนผ่าตัดทำได้ยาก จนสุดท้ายอาจทำให้ต้องกลับมาผ่าตัดทำเลสิกซ้ำ ๆ รวมทั้งหลังผ่าตัด ยังต้องใช้ยาหยอดตา ซึ่งอาจทำอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น หากเป็นไปได้ ให้ใส่แว่นสายตา หรือทำตามวิธีอื่น ๆ ที่แนะนำในระหว่างนี้ไปก่อน และหากสายตาของคุณแม่ยังพร่ามัวอยู่หลังจากที่คลอดลูกแล้ว ก็อาจจะต้องรอให้ลูกหยุดนมก่อนสักพัก แล้วค่อยเข้าปรึกษาคุณหมอเรื่องการทำเลสิก

 

ส่วนใหญ่แล้ว สายตาของคุณแม่จะกลับมาเป็นปกติหลังจากการคลอด แต่หากบางคนยังมองเห็นอะไรได้ไม่ชัดอยู่อีกทั้งที่คลอดลูกมานานแล้ว ก็อาจจะต้องเข้าปรึกษาหมอ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา หรืออาจจะใส่แว่นสายตาหรือทำเลสิก เพื่อช่วยให้กลับมามองเห็นได้ชัดแจ๋วอย่างเก่า

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

8 แว่นกรองแสง แว่นถนอมสายตาที่ดีที่สุด ควรเลือกยี่ห้อไหนดี ?

โรคตาในเด็ก และโรคตาของผู้ใหญ่ในแต่ละช่วงอายุมีอะไรบ้าง

4 เรื่องร้าย สาเหตุสายตาเสียของคุณและลูกน้อย

ที่มา : parents

บทความโดย

Kanokwan Suparat