คนท้องทําไมต้องนอนตะแคงซ้าย นอนตะแคงซ้ายในคนท้อง

อาการนอนหลับและต้องนอนหลับมากกว่าเดิมในช่วงตั้งครรภ์ คนท้องทําไมต้องนอนตะแคงซ้าย นอนตะแคงซ้ายในคนท้อง การนอนตะแคงซ้าย วิธีการนอนของคนท้อง
คนท้องทําไมต้องนอนตะแคงซ้าย นอนตะแคงซ้ายในคนท้อง
คนท้องหลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าด้านที่นอนแล้วจะดีต่อลูกในครรภ์ที่สุดคือด้านซ้าย และ การนอนที่คนท้องควรนอนก็คือฝั่งซ้าย วันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยดีกว่าว่าทำไม คนท้องทําไมต้องนอนตะแคงซ้าย นอนตะแคงซ้ายในคนท้อง
ทำไมต้องนอนตะแคงซ้าย
ในขณะที่ท้องของคุณแม่เริ่มขยายใหญ่ไปเรื่อย ๆ จะทำให้ส่งผลต่อการนอนที่ทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายและอึดอัดขึ้น ท่านอนตะแคง จึงเป็นท่าที่แม่ท้องส่วนใหญ่ใช้นอนเมื่อเทียบกับท่านอนอื่น ๆ เพราะเป็นท่าที่ได้นอนสบายที่สุด ช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ แต่คนท้องควรจะเลือกนอนตะแคงข้างไหนถึงจะดี คนท้องทําไมต้องนอนตะแคงซ้าย ว่ากันว่าแม่ท้องควรนอนตะแคงซ้ายจริงหรือ?
การนอนตะแคงซ้ายช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตทำงานได้ดีมดลูกกดทับหลอดเลือดในช่องท้องน้อยกว่าการนอนในท่าอื่นๆ เมื่อการไหลเวียนเลือดดี ก็สามารถส่งอาหารได้ยังทารกได้ดีตามไปด้วย นอกจากนี้ การที่ระบบไหลเวียนเลือดดียังช่วยให้ไตขับน้ำปัสสาวะได้ดี ช่วยลดอาการบวมในแม่ท้องได้อีกด้วย
ท่านอนตะแคงที่แนะนำคือ คือ ท่านอนตะแคงงอเข่าทั้งสองข้าง โดยคุณแม่อาจใช้หมอนรองระหว่างขาทั้งสองข้างก็จะช่วยให้รู้สึกสบายมากขึ้น
ท่านอนตะแคงสำหรับแม่ท้องถือว่าเป็นท่านอนที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับท่าอื่น โดยส่วนใหญ่คุณหมอจะแนะนำให้แม่ท้องนอนตะแคงด้านซ้ายเมื่ออายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่ 4 เพราะการนอนตะแคงซ้ายจะช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก การไหลเวียนของโลหิตในตัวแม่มีความคล่องตัวมากขึ้น อาหารจากกระเพาะจะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ส่วนแม่ท้องนอนท่าตะแคงขวา จะทำให้การทำงานของระบบหัวใจต้องสูบฉีดเลือดมากขึ้น และทำให้ร่างกายส่งออกซิเจนแก่ลูกในครรภ์ได้อย่างจำกัด แต่การนอนตะแคงด้านใดด้านหนึ่งนาน ๆ ก็อาจทำให้รู้สึกเจ็บเสียดท้องได้ และคุณแม่ไม่สามารถนอนตะแคงเพียงด้านเดียวได้ตลอดทั้งคืน ฉะนั้นการสลับข้างตะแคงมาตะแคงทางด้านขวาบ้างก็สามารถทำได้โดยคุณแม่ไม่ต้องกังวล เวลาพลิกตัวก็ค่อย ๆ ใช้มือช่วยประคองท้องให้หมุนตามไปด้วย
สำหรับการนอนคว่ำ เป็นท่านอนที่ไม่แนะนำสำหรับคนท้อง เพราะทำให้การหายใจไม่สะดวกและติดขัด ส่วนคุณแม่ที่อายุครรภ์มากก็ไม่แนะนำให้นอนหงาย เนื่องจากจะทำให้ปวดหลังมากขึ้นเพราะต้องรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของท้องมากเกินไป
ประโยชน์ของการที่แม่ท้องได้นอนตะแคง
- ช่วยลดอาการปวดหลัง
- ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีกว่าท่าอื่น ๆ
- ไตทำงานได้ดีกว่าท่าอื่น ๆ สามารถขับน้ำปัสสาวะได้มาก และทำให้แม่ท้องไม่มีอาการบวมน้ำ
ในขณะที่แม่ท้องจะมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นไปทุกส่วน การนอนทับกันเป็นเวลานาน ๆ ก็จะส่งผลให้เกิดอาการชาได้ จึงควรมีหมอนไว้พาดขาเพื่อป้องกันอาการชา สำหรับหมอนที่ใช้หนุนควรมีความหนาและไม่เตี้ยเกินไป เวลานอนให้ศีรษะอยู่ระดับเดียวกับลำตัว จะทำให้แนวของกระดูกสันหลังอยู่ในแนวเดียวกันทั้งหมด และเมื่อรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ ก็ไม่ควรนอนตะแคงซ้ายในทันที เนื่องจากอาหารที่ยังย่อยไม่หมดอาจคั่งค้างที่กระเพาะได้
การนอนหลับเป็นส่วนสำคัญในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ด้วย เพราะการได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ของคุณแม่จะส่งผลในเรื่องของพัฒนาการการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยทำให้คุณแม่มีร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพจิตดี มีอารมณ์แจ่มใส แต่ที่สำคัญในช่วงใกล้คลอดที่คุณแม่ท้องแก่มาก ควรระวังในเรื่องของการพลิกตัวสลับด้านนอนเป็นพิเศษ ต้องใช้มือช่วยประคองท้องและค่อย ๆ พลิกตัวให้หมุนตาม เพื่อไม่ให้มีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้น
คุณแม่ตั้งครรภ์นอนตะแคงซ้ายดีที่สุด
คุณแม่ตั้งครรภ์หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ว่าท่านอนที่ดีที่สุดสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์คือ นอนตะแคงซ้าย เนื่องจากการนอนตะแคงซ้ายดีต่อระบบไหลเวียนเลือด เพิ่มประสิทธิภาพในการได้รับออกซิเจนและสารอาหาร เพื่อเอาไปเลี้ยงลูกน้อยในครรภ์ รวมไปถึงสนับสนุนการทำงานของไต ช่วยลดความดันตับ และลดอาการบวม
นอนท่าไหนทับลูก?
- นอนตะแคงขวา
การนอนตะแคงซ้ายเป็นท่าที่แนะนำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าห้ามนอนตะแคงขวาซะเดียวเลย หลายคนชอบเข้าใจผิดว่าการนอนตะแคงขวาจะไปกดทับเส้นเลือดใหญ่ แต่คุณหมอไม่ได้ห้ามนอนตะแคงขวาหรอกนะ เพียงแค่การนอนตะแคงซ้ายจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีกว่าเท่านั้นเอง ถ้าหากคุณแม่ตั้งครรภ์นอนตะแคงซ้ายนาน ๆ แล้วเมื่อย อาจจะพลิกตัวไปนอนตะแคงขวาบ้างก็ได้ค่ะ
- นอนคว่ำ
คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนอาจกังวลว่าการนอนคว่ำจะเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์หรือไม่ จริง ๆ แล้วในช่วงไตรมาสแรก การนอนคว่ำเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยง เพียงแต่เป็นท่านอนที่ไม่นิยม เพราะคุณแม่บางคนนอนไม่ถนัด รวมไปถึงเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น การนอนคว่ำดูจะเป็นไปได้ยากสักนิดนึง
อย่างไรก็ตาม การนอนคว่ำไม่ได้เป็นอันตรายต่อลูก หรือเป็นการนอนทับลูกแต่อย่างใด ดังนั้นหากคุณแม่คนไหนรู้สึกสบายเวลานอนคว่ำ ก็สามารถนอนได้ และอาจหาหมอนรองช่วงหน้าอกหรือท้อง เพื่อช่วยให้นอนสบายขึ้นด้วยก็ได้
- นอนหงาย
ในช่วงไตรมาสที่สาม การนอนหงายเป็นท่าที่ไม่แนะนำเท่าไหร่ เพราะการนอนหงายส่งผลในเรื่องแรงดันในหลอดเลือด ระบบไหลเวียนเลือด ทำให้สูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงมดลูกได้ยาก รวมไปถึงกระทบเรื่องปริมาณออกซิเจนที่ส่งไปยังทารกในครรภ์ด้วย
เวลานอนหงาย คุณแม่ตั้งครรภ์อาจเวียนหัว คลื่นไส้ ความดันโลหิตต่ำ และอาจหายใจลำบากได้ แถมงานวิจัยในปี 2019 ยังบอกอีกว่า การนอนหงายจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการตายคลอด ดั้งนั้นการนอนหงาย จึงเป็นท่านอนที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง
วิธีที่ช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์นอนหลับง่าย
นอกจากท่านอนที่เหมาะสมแล้ว วิธีต่าง ๆ ที่ช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์นอนหลับง่ายขึ้นอีก หากคุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนนอนไม่ค่อยหลับ หลับไม่สบาย หรือตื่นกลางดึกบ่อย สามารถนำไปปรับใช้และทำตามได้
- สำรวจตัวเองว่าขาดสารอาหารหรือไม่ : ลองปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาว่า ร่างกายคุณแม่ได้รับสารอาหารจำพวกวิตามิน กรดโฟลิก หรือธาตุเหล็กไม่เพียงพอต่อความร่างกายหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะหาซื้อวิตามินเสริมมาทาน
- ยกตัวขึ้นเพื่อลดอาการเสียดท้อง : บางครั้งสาเหตุที่คุณแม่ตั้งครรภ์นอนไม่หลับ อาจมาจากอาการจุดเสียดแน่นท้อง ให้ยกช่วงลำตัวและศีรษะขึ้น เพื่อลดอาการเสียดท้อง อาจจะนอนในท่ากึ่งนอนกึ่งนั่ง เช่น นอนบนเก้าอี้เอนหลัง
- หมอนคนท้อง : ลองใช้หมอนสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์โดยเฉพาะ ที่ออกแบบมาเป็นรูปตัวยู ตอบสนองการนอนของคุณแม่ ช่วยซัพพอร์ทช่วงตัวและหลัง ทำให้นอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น
- หาอะไรทานก่อนนอน : ทานอาหารมื้อเล็ก ๆ ก่อนนอน โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ช่วงไตรมาสแรก ที่มักจะตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะความหิว การทานอาหารมื้อเบา ๆ ก่อนนอน อาจจะเป็นนมอุ่น หรือผลไม้ จะช่วยให้อิ่มท้องและหลับสบายขึ้นได้
- ลดของมัน : รับประทานอาหารที่มีไขมันให้น้อยลง สามารถช่วยลดอาการจุดเสียดท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์ได้
- ปรึกษาแพทย์เรื่องการนอนกรน : หากคุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนที่นอนกรน สามารถปรึกษาแพทย์ในเรื่องการนอนหลับได้ เพราะการนอนกรนรุนแรง อาจทำให้หายใจลำบากในระหว่างตั้งครรภ์
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ :
น้องเดมี่ ฉลองวันเกิดปีแรก ลูกสาวสุดน่ารักของคุณแม่ลิเดียและคุณพ่อแมทธิว
ถ้าแม่แกร่งลูกก็แกร่ง การเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูก มีผลดีกว่าที่คิด
8 เมนูอะโวคาโด สำหรับลูกน้อย มีประโยชน์แถมอร่อย ทำได้เองที่บ้าน