ยาคุมฉุกเฉินกินตอนไหน ยาคุมฉุกเฉินมีกี่ประเภท กินอย่างไรให้ปลอดภัย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ยาคุมฉุกเฉิน เป็นอีกหนึ่งวิธีการคุมกำเนิดที่หลาย ๆ คนให้ความสนใจ เนื่องจากตัวยา มีจำนวนน้อย และไม่จำเป็นจะต้องกินประจำต่อเนื่องเหมือนกับยาคุมกำเนิดชนิดรายเดือน แต่ข้อจำกัดของยาคุมฉุกเฉินนั้น ยังคงจะต้องทำการศึกษาให้เข้าใจ และต้องรู้ว่า ยาคุมฉุกเฉินกินตอนไหน กินอย่างไรให้ปลอดภัย และสามารถคุมกำเนิดได้ตามวัตถุประสงค์ของตัวยา

 

 

ยาคุมฉุกเฉิน หรือยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน คืออะไร?

 

ยาคุมฉุกเฉิน (emergency contraceptive pills, morning-after pills) คือยาคุมกำเนิดที่ใช้ในการป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีฉุกเฉิน ขอย้ำว่า ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น คำว่า “ฉุกเฉิน” ในที่นี้หมายความถึง การมีเพศสัมพันธ์อันไม่พึงประสงค์ หรือเกิดการผิดพลาด เช่น เกิดการรั่ว หรือฉีกขาดของถุงยางอนามัย รวมถึงกรณีของการลืมรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดรายเดือนเป็นเวลานานตั้งแต่ 3 เม็ด ขึ้นไป

เป็นยาเม็ดที่มีปริมาณฮอร์โมนสูง เมื่อรับประทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์ จะทำให้ลดโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้มีประสิทธิภาพภายใน 2 – 3 วัน โดยตัวยาจะไปรบกวนการตกไข่ หรือรบกวนการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิ แต่หากไข่ได้รับการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนแล้ว จะไม่สามารถป้องกันได้

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ยาคุมฉุกเฉินมีกี่ประเภท ?

ยาคุมฉุกเฉินทั่วไปตามท้องตลาด จะพบว่ายาคุมฉุกเฉิน จะมีทั้งแบบชนิดเดียว คือ 1 เม็ด และแบบชนิด 2 เม็ด ซึ่งให้ผลในการคุมกำเนิดไม่แตกต่างกัน และมีลักษณะของการทานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราสามารถจำแนกออกมาได้ดังนี้

  • ยาคุมกำเนิดชนิดเดี่ยว 1 เม็ด จะมีตัวยาเพียงแค่เม็ดเดียว แต่จะมีปริมาณของ เลโวนอร์เจสเตรล (levonorgestrel) อยู่ที่ 1.5 มิลลิกรัม
  • ยาคุมชนิดคู่ 2 เม็ด จะมีตัวยาด้วยกัน 2 เม็ด โดยที่ยาแต่ละเม็ด จะมีปริมาณของ เลโวนอร์เจสเตรล (levonorgestrel) อยู่ที่ 0.75 มิลลิกรัม ซึ่งเมื่อเทียบกับยาคุมชนิดเดี่ยว จะเห็นได้ว่า เมื่อทานครบ 2 เม็ด ก็จะได้รับปริมาณของ เลโวนอร์เจสเตรล ซึ่งเป็นตัวยาที่เข้าไปกระตุ้นร่างกายให้การปฏิกิริยาในการยับยั้งการปฏิสนธิของไข่กับสเปิร์มนั่นเอง

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : 10 ข้อ ควรรู้เกี่ยวกับยาคุมกำเนิด ที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม

 

ยาคุมฉุกเฉินกินตอนไหน ?

  • หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
  • สตรีถูกข่มขืน (Sexual assault)
  • มีการใช้การคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง มีโอกาสล้มเหลว เช่น ถุงยางแตก หลุด หรือใส่ไม่ถูกต้อง
  • ลืมทานยาคุมกำเนิด
    • ชนิดฮอร์โมนรวมตั้งแต่ 3 เม็ด
    • ชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินชนิดเดี่ยวลืมทานเกินเวลา 3 ชั่วโมง จากเวลาเดิมที่ทานประจำ หรือเกิน 27 ชม.จากเม็ด
    • ชนิด desogestrel-containing pill (0.75 mg) มากกว่า 12 ชั่วโมง จากเวลาทานปกติ หรือเกิน 36 ชม.จากเม็ดที่ทานก่อน
  • เลยกำหนดฉีดยาคุม
    • มากกว่า 2 อาทิตย์ ชนิด norethisterone enanthate (NET-EN)
    • มากกว่า 4 อาทิตย์ ชนิด depot-medroxyprogesterone acetate (DMPA)
    • มากกว่า 7 วัน ชนิด combined injectable contraceptive (CIC)
  • diaphragm or cervical cap หลุด ขาด หรือแตก ก่อนเอาออก
  • ล้มเหลวในวิธีการหลั่งข้างนอก เช่นหลั่งในช่องคลอด หรืออวัยวะเพศด้านนอก
  • คำนวณวันเว้นมีเพศสัมพันธ์พลาด
  • ห่วงคุมกำเนิดหลุด หรือยาฝังหลุด

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีการกินยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้อง

 

  • กินครั้งเดียวพร้อมกันทั้ง 2 เม็ด ทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์
  • กินยาเม็ดแรกทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ และเม็ดที่สองห่างไปอีก 12 ชั่วโมง แต่การกินยาครั้งละเม็ดห่างกันนานถึง 12 ชั่วโมงอาจทำให้หลายคนลืมกินยาเม็ดที่สอง หรือเข้าใจผิดว่ากินยาเพียงเม็ดเดียวก็เพียงพอแล้ว ทำให้การคุมกำเนิดไม่ได้ผล
  • หากไม่สามารถกินยาได้ทันที ก็สามารถกินหลังจากนั้น แต่ไม่ควรเกิน 3 วันหรือ 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
  • ควรต้องกินยาซ้ำ หากอาเจียนหลังกินยา 2 ชั่วโมง
  • หากมีเพศสัมพันธ์ระหว่างที่กินยาคุมฉุกเฉินแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องกินยาซ้ำ เนื่องจากยาจะไม่ส่งผลใดๆ เพิ่ม
  • ไม่ควรกินยาคุมฉุกเฉินมากกว่า 2 แผง (4 เม็ด) ภายในรอบเดือนเดียว เนื่องจากยาจะส่งผลให้ระบบสืบพันธุ์สร้างฮอร์โมนผิดปกติ
  • ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเมื่อการมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นแบบฉุกเฉินโดยไม่ได้ป้องกันเท่านั้น เนื่องจากการกินยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ อาจทำให้การคุมกำเนิดไม่ได้ผล และไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนยาคุมปกติ
  • หากตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ไม่ควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินเด็ดขาด

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ความเข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน

มีความเข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินหลายประการ ซึ่งอธิบายได้ดังนี้

 

  • ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินสามารถคุมกำเนิดในระยะยาวได้หรือไม่ ?

มีความเข้าใจว่า ใช้ยาคุมฉุกเฉินเพื่อคุมกำเนิดระยะยาวได้ ความเข้าใจนี้ไม่ถูกต้อง หากสามีภรรยาที่ยังไม่พร้อมมีบุตร แต่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว มีวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากกว่าเช่น การรับประทานยาคุมกำเนิดแบบปกติชนิดเม็ด โดยรับประทานทุกวันวันละ 1 เม็ด นอกจากนี้ การรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นประจำ จะพบอาการข้างเคียงสูง เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เลือดออกกะปริดกะปรอย รวมทั้งพบความเสี่ยงในการเกิดอุบัติการณ์การตั้งครรภ์นอกมดลูกเพิ่มขึ้น

 

  • ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินทำให้แท้งได้หรือไม่ ?

มีความเข้าใจว่า ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาทำแท้ง ความเข้าใจนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด ยาคุมฉุกเฉินสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เท่านั้น นั่นคือต้องได้ยาเข้าไปในร่างกาย ก่อนที่จะมีการฝังตัวของไข่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก เแต่หากไข่ที่ผสมกับอสุจิได้ฝังตัวที่ผนังมดลูกไปแล้ว ยานี้จะทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น ยานี้จึงไม่ใช่ยาทำแท้ง

 

  • ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ ?

มีความเข้าใจว่า ยาคุมฉุกเฉินป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ความเข้าใจนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด การใช้ยาคุมฉุกเฉินนั้นไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่การใช้ถุงยางอนามัย เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่สามารถคุมกำเนิด และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

 

  • หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินระหว่างตั้งครรภ์ จะทำให้ทารกพิการหรือไม่ ?

มีความเข้าใจว่า ยาคุมฉุกเฉินอาจทำให้ทารกพิการได้ หากรับประทานไปโดยไม่ทราบว่าตั้งครรภ์ ความเข้าใจนี้ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้มีรายงานว่า ไม่พบทารกพิการจากมารดาที่รับประทานยา โดยไม่ทราบว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : คุมกำเนิด แบบไหนดี ? …วิธีคุมกำเนิดอย่างมีประสิทธิภาพ ที่วัยรุ่นควรรู้!

 

 

ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน มักเป็นอาการที่ไม่รุนแรง ได้แก่ ปวดท้อง มีเลือดออกกะปริดกะปรอย ประจำเดือนมาเร็ว หรือช้ากว่าปกติ อาการข้างเคียงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา การรับประทานในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด แต่การใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ นอกจากประสิทธิภาพที่ด้อยกว่า เมื่อเทียบกับการรับประทานยาคุมกำเนิดแบบปกติชนิดเม็ดแล้ว ยังอาจทำให้เกิดความผิดปกติที่รังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูก รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกถึงร้อยละ 2 เป็นต้น ดังนั้น การใช้ยานี้จึงควรใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น และไม่แนะนำให้รับประทานเกิน 4 เม็ด หรือ 2 กล่อง ต่อเดือน

 

 

ยาคุมฉุกเฉินมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายหรือไม่ ?

นอกจากผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็ยังมีการค้นพบว่า ยาคุมฉุกเฉินจะทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตกับผู้ใช้ หรือแม้แต่ผลกระทบต่อทารก ในกรณีที่ตั้งครรภ์โดยไม่ทราบ อย่างไรก็ตามผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติเป็นโรคลมชัก โลหิตแข็งตัว หรือเป็นโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา

 

หลังจากรับประทานยาคุมฉุกเฉินแล้ว ทำอย่างไรต่อ ?

โดยทั่วไปแล้ว ประจำเดือนจะมาหลังจากรับประทานยาภายในเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ (หากไม่มี ให้สงสัยว่าตั้งครรภ์ และไปพบแพทย์) หลังจากนั้นประจำเดือนของรอบเดือนนั้น ก็จะมาในช่วงเวลาเดิม ในบางรายอาจพบประจำเดือนรอบต่อไปมาช้า หรือเร็วกว่าปกติได้

 

บทความที่น่าสนใจ :

10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ยาคุมกำเนิด ที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม

ยาคุมกินตอนไหน วิธีกินยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง ที่คุณไม่ควรพลาด

ราคายาคุมฉุกเฉิน แต่ละยี่ห้อเท่าไหร่บ้าง เทียบราคาอย่างละเอียด

ที่มา : ram-hosp , samitivejhospitals

บทความโดย

Arunsri Karnmana