ในโลกเรามีเด็กมากมายหลายประเภท เด็กแต่ละคนความถนัดและความสามารถในการเรียนรู้ไม่เท่ากัน เด็ก ๆ บางคน มีความสามารถในการเรียนรู้ค่อนข้างช้า ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะกำลังมองหาโรงเรียนที่เหมาะสมสำหรับลูก ๆ อยู่ หรือไม่ ก็พยายามหาโรงเรียนที่มีหลักสูตรที่เหมาะสำหรับเด็กที่พัฒนาการช้า วันนี้ theAsianparent Thailand จะพาคุณแม่มาทำความรู้จักกับ การศึกษาพิเศษ หรือ SPED ว่าคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรกับเด็ก ๆ
การศึกษาพิเศษ หรือ SPED คืออะไร
การศึกษาพิเศษ หรือ SPED (Special Education) คือ การศึกษาที่มีขึ้นสำหรับเด็กหรือคนทั่วไป ที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งอาจจะหมายถึงคนที่มีพัฒนาการช้าด้านสติปัญญาและการเรียนรู้ บกพร่องในการมองเห็น บกพร่องในทางร่างกาย และบกพร่องทางด้านจิตใจ ซึ่งการศึกษาแบบพิเศษนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวก ให้เด็ก ๆ ได้รับความรู้อย่างเต็มที่เทียบเท่ากับเด็กทั่วไปที่เข้าโรงเรียนธรรมดา
ใครเป็นคนสอนการศึกษาพิเศษ
สำหรับคุณครูที่มีหน้าที่สอนเด็กที่เข้าเรียนการศึกษาพิเศษ จะต้องจบหลักสูตรโดยเฉพาะ ไม่ใช่ว่าใครจะสอนก็ได้ ซึ่งคุณครูแต่ละคน ควรจะต้องผ่านการอบรมในหลักสูตรการสอนคนพิการหรือคนที่มีความบกพร่องด้านต่าง ๆ ทั้งนี้ ครูบางคนอาจมีวุฒิการศึกษาสูงมากกว่าระดับปริญญาตรีด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : รวมรายชื่อ โรงเรียนเด็กพิเศษ ทั่วประเทศ ! เด็กพิเศษเรียนที่ไหนได้บ้าง?
คุณครูทำอะไรบ้าง สอนอย่างไร
คุณครู จะมีหน้าที่เน้นสอนทักษะหลัก ๆ 3 ด้าน คือ ด้านคณิตศาสตร์ ด้านการอ่าน และด้านการเขียน โดยจะเน้นตัวเด็กเป็นศูนย์กลาง เพื่อช่วยให้เด็กมีความถนัดเฉพาะด้าน โดยคุณครูนั้น สามารถสอนเด็กได้ตั้งแต่ระดับอนุบาล ไปจนถึงเด็กที่เรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษา ซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่คุณครูควรมี คือ ความอดทน และความทุ่มเท ที่จะสอนเด็ก ๆ ให้เข้าใจและค้นพบความถนัดของตัวเอง
นอกจากนี้ คุณครูควรจะต้องรู้ ว่าเด็กแต่ละคนมีความถนัดด้านไหนและยังอ่อนในด้านไหน เนื่องจากว่าห้องเรียนจะมีขนาดเล็ก มีเด็กไม่เยอะ การสังเกตเด็กแต่ละคนจึงทำได้ง่ายและทั่วถึง รวมทั้งหากเด็กต้องการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไป คุณครูควรมีความสามารถในการบริหารจัดการ เพื่อช่วยให้เด็กไม่กดดัน หรือไม่สบายใจในระหว่างการเรียนการสอน
หลักสูตรที่ใช้ในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ มีอะไรบ้าง
โดยพื้นฐานแล้ว แผนการเรียนที่ใช้ในโรงเรียนประเภทนี้ จะเป็นแบบ IEP (Individualized Education Program) ซึ่งเป็นแผนเรียนที่ออกแบบมาสำหรับเด็กที่มีความต้องการด้านต่าง ๆ เป็นพิเศษ ตั้งแต่สิ่งอำนวยความสะดวกในการเรียน การหาความสนใจหรือความถนัดของเด็ก ไปจนถึงการช่วยให้เด็กนำทักษะที่เรียนรู้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ภายในโรงเรียนยังอาจนำโปรแกรมจากต่างประเทศที่ชื่อว่า TEACCH (Treatment and Education of Autistic and related Communication handicapped CHildren) มาใช้อีกด้วย ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เน้นการสอนในสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเด็ก โดยใช้เด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ เน้นการจัดตารางเวลาที่คงที่ เป็นระบบ และจะเน้นใช้รูปภาพหรือสัญลักษณ์ในการสอน เพื่อให้เด็กเรียนรู้ได้ดี
บทความที่เกี่ยวข้อง : โรงบาลเด็กลูกพูดช้า แก้ปัญหาด้านการพูด รวมคลินิกเด็กพูดช้าในกรุงเทพ
ประโยชน์ที่เด็กจะได้รับจากการศึกษาพิเศษ
อย่างที่ได้บอกไปในข้างต้น ว่าการศึกษาพิเศษ เป็นการศึกษาที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เด็ก ๆ เมื่อเด็กต้องเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ แต่ว่านอกจากนี้แล้ว เด็กก็ยังจะได้รับประโยชน์ ดังต่อไปนี้
- เด็กได้รับการดูแลที่เหมาะสม เด็ก ๆ พิเศษที่เข้าเรียนโรงเรียน จะได้รับการดูแลและการปฏิบัติอย่างเหมาะสม ไม่มีการแบ่งแยกภายในโรงเรียน เพื่อให้สามารถเรียนรู้ได้ดี และได้รับประโยชน์จากการศึกษา
- ครูสอนที่มีประสบการณ์ คุณครูที่สอนในโรงเรียน ล้วนแล้วแต่เป็นครูที่จบเฉพาะด้าน และจบจากหลักสูตรที่ได้รับการการันตีว่าเหมาะสม เพื่อให้สามารถสอนเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การเรียนการสอนเหมาะกับเด็ก หลักสูตรหรือการสอนในห้องเรียน จะถูกออกแบบมาให้เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลว่าเด็กจะเรียนไม่รู้เรื่อง
- ทรัพยากรในการเรียนรู้ครบครัน ภายในห้องเรียนจะมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยในการเรียนรู้ และการช่วยเหลือที่เหมาะสมกับเด็ก ๆ
ข้อเสียของการศึกษาพิเศษ
แม้ว่าจะมีข้อดี แต่การศึกษาแบบพิเศษก็อาจจะมีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น
- ขาดการปฏิสัมพันธ์กับคนอย่างหลากหลาย เนื่องจากว่าในโรงเรียน จะมีแต่เด็กที่มีความต้องการพิเศษ ดังนั้น เด็กที่อยู่ในโรงเรียนนี้จึงได้แค่ปฏิสัมพันธ์กันเอง อาจจะไม่ได้มีโอกาสตอบโต้ หรือพูดคุยกับเด็กประเภทอื่น ๆ
- ถูกตีตรา เด็กบางคน อาจถูกล้อเลียน หรือตราหน้า ว่าเป็นเด็กพิเศษ ที่ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนพิเศษ
- สร้างปฏิสัมพันธ์ไม่ค่อยเก่ง เด็กบางคน อาจมีปัญหาด้านการเข้าสังคม หากในภายภาคหน้า เด็กต้องออกไปใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเด็กที่เข้าเรียนการศึกษาพิเศษ จะต้องพบเจอกับปัญหาเหล่านี้เสมอไป หากเด็ก ๆ ปรับตัวได้ดี ก็จะทำให้สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้เหมือนกับคนอื่น ๆ สิ่งที่คุณแม่ทำได้ คือ พยายามส่งเสริมการเรียนรู้น้อง ๆ และคอยให้กำลังใจเขาหากว่าเขาโดนคนพูดทำร้ายจิตใจ ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปมากกว่าความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ลูกชอบพูดคนเดียว คุยคนเดียว ผิดปกติไหม? โตขึ้นจะหายหรือเปล่า?
สังเกตอย่างไร? ว่า ลูกเป็นออทิสติก พฤติกรรมแบบไหนเสี่ยงต่อโรคนี้
ประเภทของโรงเรียน และความแตกต่างที่พ่อแม่ควรรู้ ก่อนส่งลูกเข้าเรียน
ที่มา : ourkids, happyhomeclinic, aorspecial
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!