เด็ก ม.3 ถูกครูดนตรีล่วงละเมิดทางเพศ กว่า 105 ครั้ง ตลอด 2 ปี ตำรวจเร่งขยายผลและดำเนินคดี โดยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 พันตำรวจเอก พันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เปิดเผยข่าวการควบคุมตัวครูสอนดนตรีไทยโรงเรียนชายล้วนชื่อดังในกรุงเทพฯ หลังจากมีการสอบสวนพบว่าครูผู้ต้องสงสัยได้กระทำการล่วงละเมิดนักเรียนชายชั้น ม.3 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน
จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องสงสัยได้บังคับให้ผู้เสียหายใช้ปากทำออรัลเซ็กส์ทุกครั้งที่โรงเรียนเปิดทำการ รวมถึงในช่วงปิดภาคเรียนที่ต้องมาซ้อมดนตรีก็มีการกระทำเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังยอมรับว่ามีการสอดใส่จำนวน 2 ครั้ง ในเดือนตุลาคม 2566 และกุมภาพันธ์ 2567 ขณะนั้นผู้เสียหายมีอายุเพียง 14 ปี จนถึงปัจจุบันที่อายุ 15 ปีก็ยังมีการกระทำเช่นเดิม
เด็ก ม.3 ถูกครูดนตรีล่วงละเมิดทางเพศ ร้องถึงสายไหมต้องรอด
เหตุการณ์ล่วงละเมิดนี้เกิดขึ้นรวมทั้งสิ้น 105 ครั้ง จนถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ผู้เสียหายไม่ยอมไปพบครูอีก จนกระทั่งวันที่ 20 มิถุนายน 2567 ผู้เสียหายถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายด้วยการเตะหนึ่งครั้ง จึงตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟัง และไปปรึกษากับเพจ “สายไหมต้องรอด”
พลตำรวจตรี วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนไปตรวจสอบที่โรงเรียนโดยแต่งกายนอกเครื่องแบบ ปรากฏว่าพบตัวผู้ต้องหาจึงเชิญตัวมายังสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ และทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และแฟลชไดรฟ์ 1 อัน จากการตรวจสอบพบภาพลามกอนาจารของผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหาย และคลิปเหล่านี้จะถูกนำมาขยายผลต่อไป
ช่วงเย็นของวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ตำรวจได้ควบคุมตัวครูผู้ต้องหามาชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีญาติของผู้เสียหายมาตะโกนด่าทอผู้ต้องหาด้วยถ้อยคำหยาบคาย หลังจากใช้เวลาชี้จุดเกือบ 2 ชั่วโมง พลตำรวจตรี วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า จุดหลักที่ผู้ต้องหาใช้ในการล่วงละเมิดทางเพศลูกศิษย์คือห้องพักครูในห้องเรียนดนตรีไทย และโรงอาหารซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกาย
ส่วนการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนั้นจะขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ถ้าหากพบว่าเข้าข่ายความผิดใดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในภายหลัง สำหรับคลิปที่ผู้ต้องหาถ่ายไว้ขณะล่วงละเมิดทางเพศผู้เสียหายมีมากกว่า 105 คลิป เบื้องต้นยังไม่พบว่าผู้ต้องหาจะนำไปใช้เพื่อการค้าหรือแบล็คเมลล์ แต่พนักงานสอบสวนยืนยันว่ายังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง และจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขังผัดแรก
กรณีดังกล่าวเหมือนกับข่าวหนึ่งในประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2020 เป็นเรื่องราวการล่วงละเมิดทางเพศของโค้ชทีมบาสเกตบอลชื่อดังได้ถูกเปิดเผย เมื่อเหยื่อรายหนึ่งได้บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของเขา เพื่อนจึงรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่โรงเรียนและนำไปสู่การแจ้งความกับตำรวจ หลังจากโค้ชถูกจับกุม เหยื่อรายอื่น ๆ ได้ออกมาให้การเพิ่มเติม เรื่องนี้ถูกนำขึ้นสู่ศาลหลายครั้งและในที่สุด ศาลฎีกาได้ตัดสินเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2024 ว่าโค้ชมีความผิดจริงในข้อหาล่วงละเมิดเยาวชนและใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ รวมทั้งหมด 29 กระทง โดยตามคำตัดสิน โค้ชทีมบาสเกตบอล วัย 42 ปีคนดังกล่าว จะต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลา 19 ปี และโดนโบยด้วยแส้ 24 ครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดที่กฎหมายกำหนดไว้
ทั้งนี้กฎหมายสิงคโปร์ที่ลงโทษด้วยการใช้แส้โบยจะถูกใช้สำหรับอาชญากรรมบางประเภทเท่านั้น อาทิ
- อาชญากรรมรุนแรง: การโบยเป็นโทษเพิ่มเติมสำหรับอาชญากรรมรุนแรงบางประเภท เช่น การฆาตกรรม, การข่มขืน, การทำร้ายร่างกาย ล่วงละเมิดทางเพศและ การลักทรัพย์โดยใช้ความรุนแรง
- อาชญากรรมยาเสพติด: ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานค้ายาเสพติดหรือครอบครองยาเสพติดในปริมาณมากอาจถูกโบย
- การละเมิดกฎระเบียบของเรือนจำ: นักโทษที่ละเมิดกฎระเบียบของเรือนจำอาจถูกโบย
โดยการโบยในสิงคโปร์เป็นการลงโทษที่ยังเป็นการถกเถียงกันอยู่ องค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่งวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการโหดร้ายและผิดมนุษยธรรม แต่รัฐบาลสิงคโปร์โต้แย้งว่าการโบยเป็นการกระทำที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันอาชญากรรม
แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากมองย้อนมาดูที่กฎหมายในเรื่องของการคุ้มครองผู้ที่ถูกละเมิดทางเพศแล้วนั้น อาจทำให้รู้สึกว่ากฎหมายบ้านเรามีการลงโทษที่เบามาก ซึ่งอาจส่งผลทำให้ผู้กระทำความผิดทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย วันนี้เราจึงได้รวมข้อกฎหมายของไทยเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศมาให้เพื่อเป็นแนวทางในการเอาผิดผู้กระทำความผิดต่อไป
บทความที่น่าสนใจ: เรื่องเล่าจากเพจดัง กรณีเด็ก ถูกล่วงละเมิดทางเพศ บ้านที่มีลูกสาวควรอ่านให้จบ
กฎหมายไทยที่คุ้มครองการล่วงละเมิดทางเพศ
|
ประเภทกฎหมาย |
มาตรา |
รายละเอียด |
โทษจำคุก |
ประมวลกฎหมายอาญา |
276 |
ข่มขืนกระทำชำเราโดยไม่มีความยินยอม |
4-20 ปี |
ประมวลกฎหมายอาญา |
277 |
พยายามข่มขืนกระทำชำเราโดยไม่มีความยินยอม |
2-15 ปี |
ประมวลกฎหมายอาญา |
278 |
อนาจารโดยใช้กำลังขู่เข็ญ |
3-15 ปี |
ประมวลกฎหมายอาญา |
288 |
ล่วงละเมิดหรือกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี |
5-20 ปี |
ประมวลกฎหมายอาญา |
289 |
การพรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี |
1-10 ปี |
ประมวลกฎหมายอาญา |
292 |
การค้ามนุษย์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ |
10-15 ปี |
พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2551 |
– |
คุ้มครองเด็กจากการล่วงละเมิดทางเพศ |
– |
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกทำร้ายในครอบครัว พ.ศ. 2555 |
– |
คุ้มครองผู้ถูกทำร้ายในครอบครัว รวมถึงการล่วงละเมิดทางเพศ |
– |
พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 |
– |
ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ |
– |
พระราชบัญญัติส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2551 |
– |
ส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศและป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ |
– |
หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไปเท่านั้น กฎหมายไทยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศอีกมากมาย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และบริบทของแต่ละกรณี เพราะฉะนั้นผู้ที่ถูกกระทำความรุนแรงทางเพศไม่ควรนิ่งเฉย ควรร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ลูกถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทำอย่างไรดี
เมื่อทราบว่าลูกถูกล่วงละเมิดทางเพศ สิ่งที่ควรทำมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยลูกให้ผ่านพ้นเหตุการณ์ที่น่ากลัวนี้ นี่คือขั้นตอนที่ควรพิจารณา
พยายามรักษาความสงบเมื่อรับฟังเรื่องราวจากลูก ฟังลูกอย่างตั้งใจและไม่ขัดจังหวะ สำคัญมากที่ลูกจะรู้สึกว่าคุณให้ความสำคัญกับความรู้สึกและเรื่องราวของเขา หลีกเลี่ยงการแสดงความตกใจหรือความโกรธอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้ลูกกลัวหรือไม่กล้าเล่าเพิ่มเติม
เน้นให้ลูกเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของเขา พูดให้กำลังใจและยืนยันว่าคุณอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยเหลือและปกป้องเขา การตำหนิหรือตั้งคำถามที่ทำให้ลูกรู้สึกผิดจะทำให้ลูกเสียความมั่นใจและรู้สึกผิด
ทันทีที่ทราบเรื่อง ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์ช่วยเหลือเด็กและสตรีที่ถูกล่วงละเมิด เพื่อให้เกิดการดำเนินการทางกฎหมายในการปกป้องลูกและสืบสวนหาผู้กระทำผิด ในบางกรณี คุณอาจต้องการความช่วยเหลือจากทนายความเพื่อให้คำแนะนำและช่วยดำเนินการทางกฎหมาย การได้รับการสนับสนุนทางกฎหมายจะช่วยให้คุณเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ และทำให้มั่นใจว่าลูกได้รับการปกป้องและได้รับสิทธิ์ที่ควรได้รับ หรือสามารถติดต่อสายด่วนหรือองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ตัวอย่างเช่น:
พาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพร่างกายและจิตใจ การตรวจร่างกายนี้สำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าลูกไม่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม และเป็นโอกาสในการเก็บรวบรวมหลักฐานที่จำเป็นในการดำเนินคดี รวมถึงพาลูกไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา เพราะการถูกล่วงละเมิดทางเพศสามารถทำให้เกิดบาดแผลทางจิตใจที่ลึกซึ้ง การพบผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาจะช่วยให้ลูกได้รับการฟื้นฟูทางจิตใจและเรียนรู้วิธีการรับมือกับความเครียด ความกลัว และความวิตกกังวล
-
สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
ทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในความรักและการสนับสนุนจากครอบครัว สร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและเป็นมิตรให้กับลูก เพื่อลดความกลัวและความวิตกกังวล และติดตามดูแลในระยะยาว เพราะการฟื้นฟูสภาพจิตใจอาจใช้เวลานาน ควรติดตามดูแลลูกอย่างใกล้ชิดและคอยสนับสนุนเขาตลอดเวลา การพูดคุยอย่างเปิดเผยและเข้าใจจะช่วยให้ลูกสามารถพูดคุยถึงความรู้สึกและปัญหาที่เกิดขึ้นได้
ทั้งนี้การให้การสนับสนุนที่ถูกต้องและต่อเนื่องจะช่วยให้ลูกสามารถฟื้นตัวจากประสบการณ์ที่เลวร้ายนี้และกลับมามีชีวิตที่มีความสุขและปลอดภัยอีกครั้ง
ที่มา: sanook.com, วิเคราะห์บอลจริงจัง, wikipedia.org, thaichildrights.org
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ คำสอนสำคัญที่ควรให้ลูกรู้จักตั้งแต่เด็ก
พ่อแม่ต้องรู้ สิ่งที่เปลี่ยนไป เมื่อลูกถูกล่วงละเมิด
สถิติเด็กถูกล่วงละเมิด ภัยสังคมร้อนแรงในไทย เมื่อตัวเลขพุ่งสูง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!