การข่มขืน ปัญหาที่กลายเป็นข่าวที่เกิดขึ้นทุกวันในสังคม หลายต่อหลายครั้งที่เสียงจากสังคม มีการเรียกร้องให้จัดการกับปัญหาด้วยการลงโทษขั้นเด็ดขาด อย่างเช่น การประหารชีวิตผู้ต้องหา แต่ก็ยังมีคำถามอยู่ว่าการประหารชีวิตจะเป็นผลดีที่แท้จริงหรือไม่อย่างไร
ในช่วงที่สังคมเราไม่สามารถควบคุมสื่อ ให้ลดความรุนแรงเรื่องการยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศ จนหลายคนในสังคมเห็นจนกลายเป็นเรื่องปกติ และในบางครั้งอาจไม่มีประโยชน์เมื่อเราต้องมาเรียกร้องความเป็นธรรมภายหลัง ถึงแม้จะมีเรื่องของการแต่งตัวอย่างไรก็ได้ แต่ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ผู้หญิงจึงควรจะเรียนรู้และรู้จักดูแลตัวเอง ไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
การข่มขืน (Rape) การกระทำวนลูปที่มืดบอด
การข่มขืน หรือ Rape เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นอยู่มากมายไปหมด ทั้งในและต่างประเทศ แถมยังพบเห็นการข่มขืนได้แทบหลายพื้นที่ในชุมชน, ในหมู่บ้าน หรือ ในละแวกใกล้เคียง และน่าจะมีคนมากมายที่ต้องเผชิญกับการข่มขืน พยายามข่มขืน ลวนลาม หรือล่วงละเมิดทางเพศด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำ
การทำความผิดเรื่องการข่มขืน กลายเป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นเป็นวัฒนธรรมในแง่ลบ โดยที่อาจจะไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวก็ได้ ในบางครั้งอาจจะมีคนที่สำนึก หรือคิดไม่ได้ปะปนกันไป หากหนักเข้าผู้ที่กระทำผิดอาจจะไม่สนใจ จนเปลี่ยนเป็นการกระทำผิดซ้ำซากด้วยการข่มขืนซ้ำ ในวิธีการเดียวกันหรือวิธีการอื่น
ปัญหาการข่มขืน โดยส่วนใหญ่นับเป็นเรื่องกามวิปริตชนิดหนึ่ง ผู้กระทำผิดบางคนมักมีพื้นฐานมาจากครอบครัวที่ไม่อบอุ่น หรือเป็นครอบครัวแตกแยก และมักจะพบอาการของกามวิปริตอื่น ๆ แอบแฝงอยู่ด้วย เช่น เป็นพวกชอบแอบดูตามห้องน้ำ สนใจเรื่องเพศมากเป็นพิเศษ หรือชอบอวัยวะเพศหรือเป็นพวกซาดิสม์ หรือมีปมด้อยอย่างอื่น ๆ ในจิตใจ
การข่มขืนมาจากปัญหาทางอารมณ์?
จากการวิเคราะห์จากจิตแพทย์พบว่า แรงจูงใจที่ก่อปัญหาเรื่องการข่มขืนมาจากการเลี้ยงดูเป็นส่วนสำคัญ ในการสร้างพื้นฐานนิสัยให้กับเด็ก นำไปสู่การดำเนินชีวิต การเลี้ยงดูแบบไหน, เติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบใด หรือพ่อแม่ที่อาจใช้ความรุนแรงต่อตัวลูก ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความรุนแรงทางด้านอารมณ์ให้กับตัวบุคคล ซึ่งนำไปสู่การสร้างปัญหาในที่สุด
ซึ่งไม่เพียงแต่พื้นฐานการเลี้ยงดูเท่านั้น แต่สังคมที่เป็นอยู่ก็มีส่วนในการสร้างพื้นฐานนิสัยด้วยเช่นกัน ยิ่งมีการต่อต้านยิ่งเพิ่มความรุนแรงให้กับผู้กระทำความผิด ดังนั้นการลงโทษผู้กระทำผิดด้วยการประหาร อาจเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่า คือทำให้ผู้ก่อเหตุหรือคิดที่จะก่อเหตุรู้สึกเกรงกลัว แต่ลึก ๆ แล้วสัญชาตญาณความรุนแรงของบุคคลนั้นยังคงอยู่ และสามารถทำร้ายผู้อื่นได้โดยไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด
บทความน่าสนใจ : เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ คำสอนสำคัญที่ควรให้ลูกรู้จักตั้งแต่เด็ก
ประเภทของนักข่มขืน
ประเภทที่ 1 เป็นบุคคลจิตปกติ แต่จิตใจภายในมีความเป็นเด็ก
ในกลุ่มนี้อาจจะมีการพัฒนาทางเพศที่ช้า หรือกลัวเพศตรงข้าม เพราะอาจจะมีการโดนกดดัน หรือข่มขู่จากคนในครอบครัว แต่ความต้องการทางเพศที่ตามสัญชาตญาณ และอัตราการเกิดการข่มขืนอาจจะมาจากการสังสรรค์หรือดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับชีวิตของเขาได้ ที่เคยหงิม ๆ ก็กลับกลายเป็นตรงกันข้าม และมักเป็นพวกที่ผู้หญิงอาจจะไว้ใจให้ไปส่งบ้างหรืออยู่ด้วยตามลำพัง
ประเภทที่ 2 เป็นพวกซาดิสม์ มีความสุขกับการข่มขู่
ส่วนใหญ่แล้วคนกลุ่มนี้ มักจะมีความสุขกับการมีเพศสัมพันธ์ ที่ได้เห็นเหยื่อเจ็บปวดหรือหวาดกลัว โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดเพราะความต้องการที่จะเห็นคนอื่นได้รับความทุกข์ทรมานเช่นเดียวกัน หากเป็นกรณีที่หนักเข้าเหยื่อที่ถูกข่มขืนอาจถูกฆ่าทิ้งด้วยก็เป็นได้
ประเภทที่ 3 เป็นกลุ่มคนต่อต้านและแสดงออกรุนแรง
คนกลุ่มนี้อาจมีการแปรเปลี่ยนพฤติกรรมไปเป็นการข่มขืนแบบหมู่หรือกลุ่มคณะ ด้วยการเจอการโดนต่อต้านจากสังคม กลุ่มเพื่อน หรือแม้แต่กระทั่งขาดการยอมรับและการพูดคุยอย่างใกล้ชิด จนทำให้เกิดเป็นช่องว่างและรวมกลุ่มกันทำเรื่องที่ไม่ดี หรือบางรายจะแสดงกิริยาก้าวร้าวและดูถูกคนอื่น ๆ ในเชิงอิจฉา หรือต่อต้านอย่างชัดแจ้งก็ได้
ประเภทที่ 4 เป็นคนไข้จิตไม่ปกติ ทำเพราะความไม่รู้
ผู้ร้ายที่อยู่ในกลุ่มนี้ อาจเป็นเพราะความรู้สึกนึกคิดไม่ปกติ มีอาการประสาทหลอนหรือหูแว่ว ความคิดผิดปกติที่ต้องการการรักษาด้านจิตเวช ซึ่งอย่างไรก็ตามถึงแม้จะรักษาได้ หากรับยาได้อย่างถูกต้อง แต่การข่มขืนก็เป็นพฤติกรรมที่โหดร้าย สำหรับเหยื่อด้วยเช่นกัน บางครั้งอาจต้องย้อนไปที่การเลี้ยงดูเริ่มต้น การให้ความรักและความอบอุ่นแก่ลูกนั้น จะเป็นการช่วยลดอัตราของผู้ที่จะเป็น “นักข่มขืน” ลงได้บ้าง
วิธีเลือกเหยื่อของนักโทษข่มขืน
จากข้อมูลของนางสาวอลิสา แสงขำ นักศึกษาปริญญาโท นิติ ศาสตรมหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ ภาควิชาอาชญวิทยา ที่ได้ เก็บข้อมูลจากนักโทษข้อหาข่มขืนจากคุกบางขวางและลาดยาว จำนวน 100 คน โดยพบว่าการเลือกเหยื่อของนักโทษแบ่งเหตุผลออกได้ดังนี้
- 99%เลือกเหยื่อที่เดินทางคนเดียว ในบางครั้งเหยื่อส่วนใหญ่ที่เดินทางคนเดียว โดยที่ไม่ได้พึงระวัง มักกลายเป็นเหยื่อของผู้กระทำความผิดเป็นจำนวนมาก เคยมีนักโทษบางขวางคนหนึ่งทำทีเป็นวินมอเตอร์ไซค์ รับเหยื่อที่ถูกใจแยกออกจากเพื่อน เพื่อไปกระทำการข่มขืน
- 96% เลือกเหยื่อที่เดินทางช่วงกลางคืน เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้กระทำความผิดจะรู้สึกว่าเวลากลางคืนเป็นเวลาปลดปล่อย อีกทั้งเมื่อพบเจอเหยื่อเดินทางช่วงกลางคืนนั้น ขอเพียงแค่มีความเสี่ยงมากพอ ผู้กระทำความผิดก็ไม่เลือกว่าจะเป็นคนไหน มีเพียงแค่ความต้องการเท่านั้นที่กำลังคิดอยู่ในใจ
- 90% เลือกเหยื่อที่ผมยาว โดยส่วนใหญ่แล้วเหยื่อที่เป็นผู้หญิงผมยาว หรือที่มัดหางเปียตามธรรมชาติ มีความเสี่ยงที่จะถูกกระชากจากข้างหลังได้ง่าย
- 87% เลือกเหยื่อที่ถอดเสื้อผ้าได้ง่าย อย่างที่เห็นว่าเหยื่อบางคน ไม่ได้มาจากการแต่งตัววาบหวิวอย่างเดียว บางครั้งเป็นเพียงเสื้อยืดและกางเกงวอร์มด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากผู้ร้ายพบสาวที่ถูกใจแต่ต้องใช้เวลานานในการถอด เขาจะกลับมาดักรอในภายหลังพร้อมกรรไกรหรือคัตเตอร์
- 84% เลือกเหยื่อผู้หญิงที่เดินพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ โดยส่วนใหญ่แล้วโทรศัพท์มือถือ สามารถนำไปขายต่อได้ภายหลัง เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หรือในเหยื่อที่อ่านหนังสือไม่ทันระวังตัว ก็เป็นความประมาณที่สามารถก่ออาชญากรรมได้เช่นกัน
- 80% อุปกรณ์ส่วนตัวของเหยื่อเป็นอาวุธก่อเหตุ ในบางครั้งคนร้ายสามารถก่อเหตุข่มขืนได้ตั้งแต่ครั้งแรก เพียงเพราะอุปกรณ์พกพาที่เอามาจากเหยื่อเอง เช่น เข็มขัด ลูกกุญแจ กระจกส่องหน้า(ต้องทุบให้แตกเป็นแหลมคมก่อน)
- 70% เลิกล้มความตั้งใจไปก่อน มีน้อยครั้งแต่ก็มี ในกรณีที่ผู้ก่อเหตุล้มเลิกความตั้งไปก่อน หากเหยื่อที่ถูกใจเริ่มรู้สึกตัว พร้อมกับจ้องหน้ากลับ แล้วเริ่มต้นคุยก่อนที่จะเข้าประชิดตัว
วิธีการโดนคุกคามของเหยื่อ
1.คนร้ายมักซุ่มรอทีเผลอ อาจทำการกระชากหรือล็อกแขนเหยื่อได้ รวมไปถึงอาจใช้อาวุธจี้ไม่ให้เหยื่อขัดขืน อีกทั้งกว่าร้อยละ 90 ของเหยื่อหมดสิทธิ์ใช้วิชาที่เรียนมา เพราะมีดหรือปืนที่เตรียมมา
2.เมื่อเหยื่อโดนลากเข้าข้างทาง มีสิทธิ์ที่จะโดนต่อยท้องจนจุก หรือทำร้ายร่างกายให้เจ็บ จนกึ่งหมดสติ จากนั้นถ้าคนร้ายจะหาของมาอุดปากคุณไว้ไม่ให้ส่งเสียงดัง
3.หลังจากเหยื่อหมดแรงดิ้น คนร้ายจะทำการถอดเสื้อผ้าส่วนล่างและนั่งคร่อมเอว เอาเข่ากดแขนเหยื่อ เพื่อไม่ให้มีแรงมากพอจะผลัก แถมยังจุกอีกต่างหาก
4.เมื่อคนร้ายเริ่มที่จะเตรียมกระทำการ ถ้ายังมีสติมากพอ ขอให้เซฟแรงเผื่อไว้รอข้อต่อไป
5.เมื่อคนร้ายพยายามที่จะสอดใส่ จังหวะนี้ที่คนร้ายมักจะเผลอลืมกดแขน ให้คว้าลูกปิงปองทั้งสองลูกแล้วบีบให้เต็มที่ เอาเล็บจิกด้วยยิ่งดี ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครคิดจะฆ่าคุณในตอนนี้แน่ รับรองร้องเสียงหลง ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
6.อย่าเพิ่งคิดหนี เหยื่อส่วนใหญ่มักเสียชีวิตตอนนี้ เนื่องจากคิดจะหนีอย่างเดียว สิ่งที่ควรคือประเมินคนร้ายก่อนว่าทำไปแล้วหยุดได้มั้ย หากคนร้ายหมดสภาพแน่จึงค่อยหนี
7.ถ้าคนร้ายแค่เสียจังหวะและมีทีท่าจะลุก สิ่งที่คุณต้องทำคือ รีบหาอาวุธให้เร็วหวดเข้าไปที่บริเวณต่อไปนี้
- ที่เดิม แต่ส่วนใหญ่จะทำไม่ได้เพราะคนร้ายมักจะกุมไว้
- กลางแสกหน้า ยิ่งถ้าคุณใส่ส้นสูงด้วย ไม่ว่ามันจะตัวใหญ่แค่ไหนก็จอดมานักต่อนักแล้ว
- กกหู ขมับ ทุบรัว ๆ ไปเลย (ไม่แนะนำท้ายทอยหรือคาง เพราะโดนยาก)
- ถ้ามีก้อนหินโต ๆ ทุบกลางหน้าแข้งเลย รับรองเดี้ยง ร้องสามบ้านแปดบ้าน
บทความน่าสนใจ :
Sexual Harassment เพราะการคุกคามทางเพศ ไม่ใช่เรื่องตลก อย่าเพิกเฉย
แม่ใจสลาย ชายข้างบ้านบุกข่มขืน ลูกสาว วัย 10 ปี ที่พิการทางสมอง
สุดสะเทือนใจ!! พ่อแท้ ๆ ข่มขืนลูกสาววัย 15 ปี 44 วันไม่มีวันหยุด เคยฟ้องแม่แต่ไร้ผล
ที่มา : (baanjomyut) (iurban)
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!