เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2566 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.เบญจรัตน์ หุ่นหิรัญ อายุ 33 ปี ว่า ก่อนหน้านี้ตนท้องได้ 3 เดือน โดยได้ทำงานในโรงงานแห่งหนึ่ง ภายในนิคมอุตสาหกรรมอิสเทริน์ซีบอร์ด จ.ระยอง และถูกหัวหน้าสั่งให้ ยกของหนักจนแท้งลูก ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งเคยขอย้ายแผนกไปแล้วแต่โดนเมิน
น.ส.เบญจรัตน์ เล่าว่า ทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอิสเทริน์ซีบอร์ด เกี่ยวกับสายไฟรถยนต์ ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ประมาณ 3 เดือน และไปฝากครรภ์ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2566 ที่ผ่านมา จากนั้น ตนได้แจ้งกับทางหัวหน้าแผนกไปแล้วว่าตั้งท้องจึงขอย้ายแผนกไปแผนกที่งานเบากว่านี้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องยกของหนัก ซึ่งทางหัวหน้าแผนกก็รับปากว่าจะทำเรื่องย้ายให้ พอผ่านมาจนถึงประมาณวันที่ 19 เม.ย. 2566 ก็ยังไม่ได้รับการย้ายแผนกทำให้ต้องยกของหนักทุกวัน

และในวันนั้น ตนก็รู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียมาก ตอนแรกคิดว่าเกิดจากการทำงานหนักและพักผ่อนน้อย ยอมรับว่าเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ จึงได้เดินทางไปพบคุณหมอเพื่อตรวจครรภ์ กระทั่งทางแพทย์ได้แจ้งข่าวร้ายกับตนว่าลูกในครรภ์นั้นเสียชีวิตแล้ว ทำให้รู้สึกช็อกมากจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่เสียใจ และทางแพทย์ได้ให้ตนนอนพักรักษาตัว เพื่อดูอาการข้างเคียงเป็นเวลา 2 สัปดาห์
ช่วงที่กำลังพักรักษาตัวก็ได้โทรไปแจ้งกับทางหัวหน้าแผนก และฝ่ายบุคคล เพื่อถามหาความรับผิดชอบแต่ก็ถูกเมินเฉย ซึ่งก็ยังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้นจากที่ทำงาน ตนจึงคิดว่าหากได้ย้ายแผนกได้ทำงานแผนกที่เบากว่า และไม่ต้องยกของหนักแบบที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น หลังจากที่พักฟื้นร่างกายจนเริ่มดีขึ้นแล้ว จึงได้เข้าไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด และหลังจากแจ้งความแล้ว จะเดินทางไปยังกรมแรงงานสาขาจังหวัดระยอง เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง : แท้งแล้วจะกลับมีลูกได้ตอนไหน ขูดมดลูกแล้วมีลูกได้ไหม ใช้เวลานานเท่าไหร่
ยกของหนักจนแท้งลูก หนึ่งในข้อห้ามของแม่ตั้งครรภ์
สำหรับคนท้องในช่วงไตรมาสแรก แม้ว่าจะมีกิจกรรมหรือกิจวัตรต่าง ๆ ที่ยังสามารถทำได้ตามปกติ แต่ก็มีข้อห้าม และข้อหลีกเลี่ยงบางอย่างที่คนท้องในไตรมาสแรกควรต้องละเว้นอยู่เหมือนกัน ได้แก่
1. หลีกเลี่ยงการยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก
การยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากในช่วงตั้งครรภ์ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหากับสุขภาพครรภ์ของคุณแม่ได้ เช่น กล้ามเนื้อตึง ไส้เลื่อน การคลอดก่อนกำหนด เป็นต้น
2. งดการดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์ในขณะตั้งครรภ์ ส่งผลกระทบกับตัวอ่อนในครรภ์ได้โดยตรง รวมทั้งอาจจะทำให้เด็กที่เกิดมีปัญหาสุขภาพด้วย หรือที่รู้จักกันในชื่อ กลุ่มอาการทารกในครรภ์ได้รับแอลกอฮอล์ โดยเด็กจะมีความผิดปกติบนใบหน้า ไอคิวต่ำ และมีปัญหาทางด้านความจำ หรือเป็นโรคสติปัญญาบกพร่อง คุณแม่ที่ตั้งครรภ์อยู่จึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มออกไปก่อนค่ะ

3. งดการสูบบุหรี่
คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรสูบบุหรี่ และพยายามหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ด้วย การสูบบุหรี่หรือสัมผัสกับควันบุหรี่ในช่วงตั้งครรภ์ จะส่งผลให้เด็กในครรภ์มีความเสี่ยงและมีปัญหาสุขภาพ เช่น ทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด โรคใหลตายในทารก ทำให้ทารกมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด ทารกมีปัญหาภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เป็นต้น
4. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีอุณหภูมิสูง
การทำกิจกรรมที่มีอุณหภูมิสูงอย่างเช่น การแช่อ่างน้ำร้อน การอบซาวน่า เล่นโยคะร้อน การอาบแดด การออกกำลังกายหนัก รวมไปจนถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่เพิ่มอุณหภูมิของร่างกายให้สูงขึ้นได้ เพราะคนท้อง 1 – 3 เดือน ควรงดการทำกิจกรรมเหล่านี้ออกไปก่อน เนื่องจากส่งผลทำให้ร่างกายของคนท้องมีภาวะอันตรายจากความร้อน ซึ่งไม่เป็นผลดีกับสุขภาพครรภ์ของคนท้องสักเท่าไร
5. งดการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายที่มีการปะทะ
ในระหว่างการตั้งครรภ์ในไตรมาสแรกจนไปถึงไตรมาสที่ 3 คุณแม่ท้องควรงดการเล่นกีฬาและกิจกรรมที่มีการปะทะ เพราะกีฬาประเภทนี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมาก และไปกระทบกระเทือนทารกในครรภ์ได้ค่ะ
6. หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดถาดอุจจาระของสัตว์เลี้ยง
พยายามหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดถาดอุจจาระของสัตว์เลี้ยง เพราะเสี่ยงต่อการก่อให้เกิดโรคขี้แมว ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อจากปรสิตอย่างพวก Toxoplasma gondii ที่สามารถพบได้ในมูลของสัตว์ เนื้อสัตว์ดิบ หรืออาหารที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ หากคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นโรคนี้แล้ว ควรเข้ารับการรักษาโดยด่วน เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือการติดเชื้อที่รุนแรงได้
7. งดการใช้ยารักษาโรคบางชนิด
คุณแม่ท้องควรงดการใช้ยารักษาโรคบางชนิด เพราะตัวยาอาจไปส่งผลกระทบกับทารกในครรภ์ได้ ถ้าหากคุณแม่มีการใช้ยารักษาโรคประจำตัว ควรปรึกษากับแพทย์ที่ฝากครรภ์ด้วย เพื่อประเมินความเสี่ยงว่าควรงดใช้ยา หรือสามารถใช้ต่อไปได้หรือไม่

8. หลีกเลี่ยงการเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก
การเล่นเครื่องที่มีลักษณะเหวี่ยง หมุน หรือเคลื่อนที่เร็วอย่างพวก รถไฟเหาะ หรือเครื่องเหวี่ยงหมุนชนิดต่าง ๆ เพราะมีแรงสั่นสะเทือนของเครื่องเล่น ซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดได้ค่ะ ซึ่งเป็นสาเหตุของการคลอดก่อนกำหนด แถมยังทำให้อาการแพ้ท้องของคุณแม่แย่ลงอีกด้วย
อาการคุณแม่ท้องอ่อนแบบไหนที่ต้องไปพบแพทย์
สำหรับคุณแม่ท้องอ่อนที่อยู่ในช่วง 1-3 เดือน ของการตั้งครรภ์ นอกจากจะหลีกเลี่ยงกิจกรรม และอาหารบางประเภทที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพแล้ว คุณแม่ควรสังเกตอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย อย่างเช่น มีเลือดออกทางช่องคลอดหรือเปล่า มีคลื่นไส้หรืออาเจียนมากกว่าปกติ ปวดหัวรุนแรง แสบหรือเจ็บในขณะปัสสาวะ เป็นต้น หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการข้างต้น ต้องรีบไปพบแพทย์ด่วนเพื่อหาสาเหตุ และทำการรักษาต่อไป
จะเห็นได้ว่าคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้น มีข้อห้ามหลายอย่างมาก แม้ว่าอายุครรภ์จะยังไม่มากก็ตาม หากว่าทำงานหนักหรือไม่ได้รับการดูแลสุขภาพอย่างดี ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดการสูญเสียลูกน้อยในท้องได้เช่นเดียวกันค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
สิ่งที่คุณแม่ต้องรู้ ถ้าหากเกิดการ แท้งลูก ต้องทำยังไงต่อ
อารมณ์ และ อาการหลังลูกหลุด หลังแท้งอารมณ์ของแม่จะเป็นยังไง?
5 วิธี มูฟออนจากการแท้งลูก เยียวยาจิตใจอย่างไรเมื่อแท้งลูก
ที่มา :
khaosod.co.th
enfababy.com
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!