X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

สุดเศร้า! เด็กพิเศษ โดนเตะเสยหน้า ผอ.แจ้งแค่ซ้อมบทละคร

24 Jan, 2023
สุดเศร้า! เด็กพิเศษ โดนเตะเสยหน้า ผอ.แจ้งแค่ซ้อมบทละคร

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 5.2” ได้โพสต์ภาพเหตุการณ์ในห้องเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช เป็นช่วงที่นักเรียนชายที่เป็น เด็กพิเศษ รายหนึ่งกำลังถูกเพื่อนทำร้ายด้วยการเตะเสยหน้าจนหงายไปทางด้านหลัง ท่ามกลางสายตาของเพื่อนคนอื่น ๆ นับสิบคนที่ยืนดู และเข้ามาช่วยพยุงร่างของนักเรียนที่ถูกทำร้ายในภายหลัง

 

โดยทางเพจเฟซบุ๊กได้รับข้อความขอความช่วยเหลือจากผู้ปกครองของนักเรียนชายรายนี้ให้ทางคณะครูและโรงเรียนดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้น โดยข้อความระบุว่า “ขอความเป็นธรรมให้น้องด้วยค่ะ พอดีน้องเขายุกับพ่อเฒ่าที่พิการ ได้ไปแจ้งความแต่ยังไม่มีคืบหน้า และน้องเขาจำหน้าคนทำไม่ได้ ครูทราบแล้วค่ะ แต่ครูยังไม่ดำเนินการอะไรค่ะ ขอความเป็นธรรมให้น้องด้วยนะคะ คุณครูบอกว่าตอนเช้าได้ทะเลาะไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่คุณครูให้แยกย้ายไปอยู่คนละที่ พอตอนบ่ายวิชาที่ครูสอนครูไม่ได้เข้า เนื่องจากต้องไปสร้างที่พักเพื่อให้เด็กไปเข้าค่ายวันที่ 20 มกราคม 2566

 

เด็กพิเศษ

(คลิกเพื่อดูโพสต์ต้นฉบับ)

Advertisement

 

ช่วงที่ไม่มีคุณครู เด็กนักเรียนกลุ่มนี้ก็เข้ามาในห้อง นำเอาขวดน้ำเปล่าปาใส่หัวน้อง และมีอีกคนหนึ่งเดินมาเก็บให้เพื่อปาอีก ทำอย่างนี้หลายครั้ง น้องทนความเจ็บไม่ไหว เลยก้มลงต่อยคนที่มาเก็บขวดไป 1 ที หลังจากนั้นเพื่อนของคนมาเก็บขวด รอจังหวะและได้เข้ามารุมทำร้าย วันที่เกิดเหตุเพื่อน ๆ จะเข้าไปช่วย แต่เด็กคนที่ทำร้ายน้องไม่ให้เข้ามา แถมยังล้อเลียนเรียกหาพ่อเฒ่าที่ประตูห้องเรียนอีกค่ะ”

 

วันที่ 23 ม.ค. 2566 ทีมนักข่าวเดินทางไปยังหมู่ 1 ต.ฉวาง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อพูดคุยกับนางพรรัตน์ อายุ 56 ปี เป็นยายของน้องเพชร นักเรียนที่ถูกทำร้ายในภาพ ได้เล่าให้ฟังว่าปกติแล้วน้องเพชรจะอาศัยอยู่กับตนเองมาตั้งแต่อายุ 1 ขวบ เพราะพ่อแม่ของน้องแยกทางกัน ต่างก็ไปทำงานต่างจังหวัดทั้งคู่ ปัจจุบันเรียนอยู่ ม.3 อายุ 15 ปี หลานเป็นเด็กดีที่คิดแต่ในแง่บวก สมาธิสั้น ลืมง่าย จึงมีเพื่อนสนิทที่โรงเรียนไม่มาก ประมาณ 3 คนได้ แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับใคร

บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 วิธีช่วยแก้ปัญหาหลัง “ทะเลาะกับเพื่อน” คืนความสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด

 

เด็กพิเศษ

 

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือวันที่ 18 ม.ค. 66 หลานได้เล่าให้ฟังว่าขณะนั้นเป็นช่วงเวลาเช้า หลานกำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนเกี่ยวกับเรื่องการซ้อมละครที่จะใช้แสดงตอนไปเข้าค่าย ได้มีนักเรียนชาย ม.3 ทราบชื่อน้องจง (นามสมมติ) เดินเข้ามาเตะหลานโดยทราบสาเหตุ ครูประจำชั้นที่เห็นเหตุการณ์ก็เข้ามาแยกออก ทุกอย่างก็เลยจบลงไปในช่วงเช้า

 

จนกระทั่งช่วงเวลาบ่าย เป็นคาบเรียนที่ครูผู้สอนติดภารกิจ ไม่ได้เข้าสอนนักเรียน ขณะที่หลานนั่งอยู่ในห้องพร้อมกับเพื่อนประมาณ 10 คน น้องจงก็เดินเข้ามาแล้วปาขวดน้ำเปล่าที่ไม่มีน้ำด้านใน ใส่หัวของน้องเพชร แล้วก็มีเพื่อนของน้องจงชื่อ น้องกุด (นามสมมติ) วิ่งมาเก็บขวด เพื่อนำกลับไปให้น้องจงปาใส่หลานอีกหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้หลานเกิดอารมณ์โกรธทนไม่ไหว เลยได้ต่อยหน้าน้องกุดไป 1 ครั้ง

 

หลังจากนั้นน้องจงก็บอกให้นักเรียนคนอื่นออกไปนอกห้อง แล้วมีรุ่นน้องของน้องจงอีกคนที่อยู่กลุ่มเดียวกัน ชื่อน้องโรลล์ เป็นนักเรียนชายชั้น ม.2 เดินเข้ามาเตะหน้าหลาน ตามที่เห็นในคลิปเพราะตอนนั้นเพื่อนของหลานก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าช่วย จึงทำได้แค่ถ่ายคลิปเป็นหลักฐานก่อนจะส่งให้ตนเองดู หลังจากน้องโรลล์เตะหลานเสร็จ ยังมีการพูดท้าทายให้หลานพาตามาที่โรงเรียนด้วย เพราะเขาคงรู้ว่าตาของน้องพิการไม่สามารถเดินได้ จึงล้อเลียนน้องเพชรแบบนั้น ทำให้หลานโทรศัพท์มาหาตน บอกตนเองว่า “ยายมาโรงเรียนหน่อยได้ไหม น้องมีเรื่อง น้องอยากแจ้งความ”

 

พอตนไปถึงโรงเรียน หลานก็วิ่งเข้ามาหากตนแล้วร้องไห้ออกมา ตัวเกร็ง ปากหลานช้ำเลือด เลยพาหลานเข้าไปแจ้งความในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน แต่กลับกลายเป็นว่าหลานจำชื่อนักเรียนคู่กรณีไม่ได้ เพราะอย่างที่บอกว่าหลานมีสมาธิสั้น วันนั้นจึงไม่ได้แจ้งความไว้ ส่วนตัวยอมรับว่าแม้ปัจจุบันสภาพจิตใจของหลานจะกลับเป็นปกติ ไม่ได้หวาดกลัวหรือระแวงอะไรแล้ว แต่ตนเองในฐานะที่เป็นยายก็ยังเป็นกังวลมาก เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับผู้ปกครองของคู่กรณีที่ทำร้ายหลานของตน ส่วนตัวเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของหลานที่จะต้องอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ต่อไปในระดับชั้น ม.4-ม.6

 

เด็กพิเศษ

 

ทั้งนี้ ตนก็ไม่อยากให้หลานเรียนต่อที่นี่อีก เพราะกลัวอันตราย แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้หลานหนีไปไหน กลับกันทางโรงเรียนควรจะต้องมีการชี้แจงและวางมาตรการไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก ส่วนตัวไม่ได้ติดใจในทางคดีความ แต่อยากให้เป็นตัวอย่างกับโรงเรียนมาก ให้ตระหนักถึงการดูแลนักเรียนมากกว่านี้ ไม่ว่าจะชั่วโมงเรียนหรือชั่วโมงว่าง โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่เป็นเด็กพิเศษอย่างหลานชายตน ที่มักจะตกเป็นเป้า

 

นายเลิศชาย ขอจิตต์เมตต์ ผอ.โรงเรียน ชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นการปะทะทางอารมณ์ของเด็ก เนื่องจากวันที่เกิดเหตุ ในช่วงเช้ามีการให้นักเรียนสร้างบทบาทสมมติขึ้นมาเอง ตั้งใจให้อิสระในการคิดของนักเรียน เพื่อใช้ในการแสดงละครในวันเข้าค่ายลูกเสือ แล้วนักเรียนทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ในกลุ่มที่ต้องแสดงด้วยกัน จึงคาดว่ามีการคิดบทบาทที่ต้องมีปัญหาทะเลาะกัน เมื่อมีการซ้อมก็เกิดอินกับบทมากเกินไป จนบานปลายกลายเป็นการปะทะกันนอกบทบาท ซึ่งตอนนั้นคุณครูที่ดูแลก็ได้เข้าห้ามปรามและอธิบายให้นักเรียนทั้ง 2 ฝั่งเข้าใจ ว่าทุกอย่างเป็นแค่บทบาทสมมติ ไม่ใช่ชีวิตจริง

 

เหตุการณ์ก็เหมือนจะจบลง แต่ช่วงเวลาบ่าย ที่เป็นคาบเรียนที่ครูไม่ได้เข้ามาสอน ก็กลายเป็นว่ากลุ่มที่มีปัญหาในตอนแรกของน้องเพชร เมื่อช่วงเช้าได้เข้ามาหาเรื่องอีกครั้ง เหมือนกับยังไม่สามารถออกจากบทบาทได้ ทั้งพฤติกรรมการปาขวดน้ำ จนกระทั่งกลายเป็นเรื่องชกต่อยตามที่ได้เห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง : เมื่อลูกทะเลาะกับเพื่อน พ่อแม่ต้องทำอย่างไร

 

บทความจากพันธมิตร
ก้าวไปอีกขั้น! PalFish Thailand จัดงานอลัง “ฉลองรับการขยายออฟฟิศใหม่”
ก้าวไปอีกขั้น! PalFish Thailand จัดงานอลัง “ฉลองรับการขยายออฟฟิศใหม่”
แพ็ลฟิชฯ จัดอลัง!! ประชันแข่งขันสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ “PalFish English Speech Contest” - ดัน “UN” ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 17)
แพ็ลฟิชฯ จัดอลัง!! ประชันแข่งขันสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ “PalFish English Speech Contest” - ดัน “UN” ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 17)
สร้างความแข็งแกร่งของฮีโร่ตัวน้อย ด้วย LPR โพรไบโอติก ตัวดัง
สร้างความแข็งแกร่งของฮีโร่ตัวน้อย ด้วย LPR โพรไบโอติก ตัวดัง
วันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 กระทรวง อว. ชวนเจ้าตัวเล็ก ร่วมกิจกรรม Online “ถนนสายวิทยาศาสตร์” ลุ้นเปิด “กล่องสุ่มของเล่น” กระจายความสนุกพร้อมกันทั่วประเทศ
วันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 กระทรวง อว. ชวนเจ้าตัวเล็ก ร่วมกิจกรรม Online “ถนนสายวิทยาศาสตร์” ลุ้นเปิด “กล่องสุ่มของเล่น” กระจายความสนุกพร้อมกันทั่วประเทศ

เด็กพิเศษ

 

และเหตุผลที่น้องโรลล์ เข้ามาเตะทำร้ายน้องเพชร เป็นเพราะก่อนที่จะมีการบันทึกคลิปเหตุการณ์ นักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์บางคนได้บอกว่า น้องเพชรได้ไปต่อยน้องโรลล์ก่อน ทั้งที่จริงแล้วน้องโรลล์พยายามจะเข้าไปห้าม หลังจากเห็นว่าน้องเพชรต่อยน้องกุด เพียงแค่ไม่มีคลิปตอนนั้นออกมา ทั้งนี้ คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกันมาก่อน แต่เนื่องจากน้องเพชรเป็น เด็กพิเศษ สมาธิสั้น และมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เคยทุ่มเก้าอี้และโต๊ะใส่เพื่อนมาแล้ว ทำให้เพื่อนไม่ค่อยอยากจะสุงสิงด้วย ส่วนน้องโรลล์ น้องกุด และน้องจง เป็นเด็กปกติทั่วไป

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นักเรียนทั้ง 2 ฝั่งกลับมารักกันดี ปรับความเข้าใจกันได้แล้วเพราะตอนที่ไปเข้าค่ายลูกเสือ เขาก็ทำกิจกรรมร่วมกัน ร่วมแสดงละครด้วยกันได้ และในวันที่ 24 ม.ค. จะมีการเชิญผู้ปกครองของทั้ง 2 ฝั่งมารับทราบและร่วมกันหาทางออก พร้อมกับทางโรงเรียนจะมีมาตรการให้คุณครูผู้สอนเข้มงวดในการสอดส่องดูแลนักเรียนเพิ่มมากขึ้น ทั้งชั่วโมงเรียนและชั่วโมงว่าง

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

วิธีป้องกันไม่ให้ลูกโดนเพื่อนแกล้ง ในวัยอนุบาล

ลูกโดนเพื่อนแกล้ง หรือลูกเป็นคนชอบแกล้งเพื่อนรึเปล่า?

หยุด Bully เพราะเรื่องที่เกิดเป็นปมในใจ ไม่ใช่เรื่องน่าขำ

ที่มา : amarintv

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Kanjana Thammachai

  • หน้าแรก
  • /
  • ข่าว
  • /
  • สุดเศร้า! เด็กพิเศษ โดนเตะเสยหน้า ผอ.แจ้งแค่ซ้อมบทละคร
แชร์ :
  • คนไทยไม่ปั๊มลูกแล้วจ้า! ไทยติดโผประเทศที่มี อัตราการเกิดลดลง อันดับ 3 ของโลก ในรอบ 74 ปี

    คนไทยไม่ปั๊มลูกแล้วจ้า! ไทยติดโผประเทศที่มี อัตราการเกิดลดลง อันดับ 3 ของโลก ในรอบ 74 ปี

  • สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

    สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

  • เคาะ! ร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ฉบับแก้ไข เพิ่มโทษปรับ 10 เท่า!

    เคาะ! ร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ฉบับแก้ไข เพิ่มโทษปรับ 10 เท่า!

  • คนไทยไม่ปั๊มลูกแล้วจ้า! ไทยติดโผประเทศที่มี อัตราการเกิดลดลง อันดับ 3 ของโลก ในรอบ 74 ปี

    คนไทยไม่ปั๊มลูกแล้วจ้า! ไทยติดโผประเทศที่มี อัตราการเกิดลดลง อันดับ 3 ของโลก ในรอบ 74 ปี

  • สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

    สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

  • เคาะ! ร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ฉบับแก้ไข เพิ่มโทษปรับ 10 เท่า!

    เคาะ! ร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ฉบับแก้ไข เพิ่มโทษปรับ 10 เท่า!

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว